กรุงเทพฯ--1 ต.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตามราคาทองคำโลกที่ทะยานขึ้นอีกเมื่อคืนนี้ หลังได้แรงหนุนจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงอีก + ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น จากความกังวลในเรื่องของอิหร่าน แม้ปริมาณสำรองน้ำมันดิบจะยังเพิ่มขึ้นมากก็ตาม (ดูข่าวสารสำคัญเพื่อการลงทุนในหน้าถัดไป)
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
Source : Bisnews (Daily)
Source : Bisnews (30 Min)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, MACD 30 นาทีเคลื่อนอยู่ในแดนบวกทำให้ดูทิศทางเป็นบวก, MACDF 30 เคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบ ทำให้ดูราคาเป็นลบ, Fast Stochastic เคลื่อนตัวลง ทำให้ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวลง, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 57.104 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะสั้นยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Sideways, แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $996 - $1,013 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.34 - ฿33.54
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางเป็นขาขึ้น, RSI อยู่ที่ระดับ 60.931 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทว่าได้ตัดเส้น Signal จากด้านบนทำให้ดูราคาเป็นลบ, MACDFเคลื่อนอยู่ในแดนลบ ทำให้ดูทิศทางเป็นลบ, Fast-Stochastic กำลังเคลื่อนขึ้นทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้น ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Bull โดยจะใช้แนวต้านที่ $1,035 เป็นแนวต้านระยะกลางที่สำคัญ ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $985 และ $965 ตามลำดับ
ตาราง 3 : แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ
Source: YLG’s estimations
พิจารณาตารางที่ 3 และกราฟด้านซ้ายมือ พบว่าราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,900 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 16,020 หรือที่ $1,008.5) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ 120 บาท ขณะที่ราคาของ GFV09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,890 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 130 บาท ซึ่งเท่ากับว่า GFV09 มีส่วนลดมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การขาย (Short) ทองแท่งที่ร้านทองแล้วมาเปิดสถานะซื้อ (Long) GFV09 จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 130-120 = 10 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท ซึ่งยังคงไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยอีกราว 20 บาท ในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — เมื่อคืนนี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริงขั้นสุดท้ายติดลบ -0.7% ในไตรมาส 2 ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัวในอัตราที่ชะลอลง ขณะที่การใช้จ่ายที่ดีขึ้นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจได้ช่วยลดผลกระทบของการที่สินค้าคงคลังลดลงมากเป็นประวัติการณ์ โดยก่อนหน้านี้ผลสำรวจคาดไว้ว่า GDP สหรัฐจะติดลบ -1.2% ในไตรมาส 2 เทียบกับที่รายงานก่อนหน้านี้ติดลบ -1.0%
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐเปิดเผยปริมาณสำรองน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น +2.8 ล้านบาร์เรล มาที่ 338.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ก.ย. มากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าว่าอาจเพิ่มขึ้นเพียง +0.6 ล้านบาร์เรล ส่วนปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 0.3 ล้านบาร์เรล มาที่ 171.1 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้าว่าอาจเพิ่มขึ้นถึง +1.2 ล้านบาร์เรล และปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินร่วงลง -1.6 ล้านบาร์เรล มาที่ 211.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้าว่าอาจเพิ่มขึ้นถึง +1.0 ล้านบาร์เรล หลังอุปสงค์ในน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.36 แสนบาร์เรลต่อวัน มาที่ 9.13 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่อัตราการใช้กำลังการกลั่นลดลง -1.0% สู่ 84.6%
ธนาคารกลางสหรัฐ - FED ย้ำมุมมองที่ว่า การฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงของสหรัฐจะเป็นไปอย่างช้าๆต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องชะลอนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และทันทีที่เศรษฐกิจแสดงสัญญาณการขยายตัวด้วยตัวเองได้ FED ก็จะดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อยุติมาตรการอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ และมาตรการพิเศษอื่นๆที่ดำเนินการมาเพื่อทำให้ตลาดสินเชื่อมีสภาพคล่อง แต่ก็อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงภาวะเงินเฟ้อ ที่ไม่ใช่ระยะใกล้ที่ FED วิตก แต่ภาวะเงินเฟ้ออาจจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2010 และหลังจากนั้น
ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์ปิดอ่อนค่าลง +$0.0051 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4634 จากที่ปิด $1.4583 เมื่อวันก่อนหน้า หลังมีข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลงในไตรมาส 2 ในอัตราที่ชะลอลง + ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สาขาแอตแลนต้า ออกมาย้ำว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเริ่มฟื้นตัวในช่วงแรก แต่ยังเร็วเกินไปที่ FED จะยกเลิกนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ทำให้นักลงทุนลดความต้องการดอลลาร์ในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย ส่วนเช้านี้ดอลลาร์อ่อนค่าลงอีก +$0.0029 มาอยู่ที่ $1.4663
ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. ขยับขึ้น +$3.90 มาที่ $66.84 ต่อบาร์เรล จากที่ปิด $66.02 ต่อบาร์เรลเมื่อวันก่อนหน้า จากความวิตกต่อโครงการนิวเคลียของอิหร่าน + ปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินลดลงเกินคาด แม้ปริมาณสำรองน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นเกินคาดก็ตาม ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. ร่วงลงราว -$0.46 มาอยู่ที่ $70.15 ต่อบาร์เรล
กองทุนทองคำ — กองทุนทองคำ SPDR ได้รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 30 ก.ย.52 เพิ่มขึ้น +1.22 ตัน จากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,095.33 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.51 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 35.215 ล้านออนซ์
ปัจจัยลบ
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — เมื่อคืนนี้
1. ADP Employer Services เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนทั่วสหรัฐลดลงเกินคาด 2.54 แสนตำแหน่งในเดือนก.ย. แม้ต่ำกว่าการลดลง -2.77 แสนตำแหน่งในเดือนส.ค. แต่มากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าว่าจะลดลงเพียง -2.10 แสนตำแหน่งในเดือนก.ย.
2. สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ของสหรัฐเปิดเผยดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจในเขตมิดเวสต์ร่วงลงมาที่ระดับ 46.1 ในเดือน ก.ย. จากระดับ 50.0 ในเดือน ส.ค. สวนทางกับที่คาดไว้ก่อนหน้าว่าดัชนีจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 52.0 ในเดือน ก.ย. โดยการที่ดัชนีกลับมาอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงการหดตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมากถึง -20 สต. มาปิดที่ 33.41 บาท จากที่ปิด 33.61 บาทเมื่อวันก่อนหน้า ตามทิศทางสกุลเงินต่างประเทศ โดยหลังบาทผ่านแนวต้าน 33.50 ได้ ทำให้มีแรงส่งให้แข็งขึ้นได้แรงพอสมควร และจากทิศทางของดอลลาร์ที่ยังคงอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ทำให้บาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อไป ขณะที่เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลง +4 สต. มาที่ 33.45 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.27 บาทและ 33.34 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 33.54 บาทและ 33.67 บาท
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — คืนนี้
1. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลรายได้และการบริโภคส่วนบุคคลเดือนก.ย. เวลา 19.30 น. โดยผลสำรวจคาดว่า รายได้ส่วนบุคคลจะเพิ่มขึ้น +0.1% ในเดือนก.ย. หลังทรงตัวในเดือนส.ค. และการบริโภคส่วนบุคคลจะเพิ่มขึ้น +1.1% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น +0.2% ในเดือนส.ค. ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้น +0.1% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น +0.1% ในเดือนส.ค.
2. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ เวลา 19.30 น.โดยผลสำรวจคาดว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 ก.ย.จะอยู่ที่ 5.3 แสนราย ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า
3. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนส.ค. เวลา 21.00 น. โดยผลสำรวจคาดว่า ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะลดลง -0.1% ในเดือนส.ค. หลังจากลดลง -0.2% ในเดือนก.ค.
4. สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย. เวลา 21.00 น. โดยผลสำรวจคาดว่า ดัชนี ISM ภาคการผลิตจะอยู่ที่ระดับ 53.5 ในเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นจาก 52.9 ในเดือนส.ค.
5. สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ประจำเดือนส.ค. เวลา 21.00 น. โดยผลสำรวจคาดว่า ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายจะเพิ่มขึ้น +1.0% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น +3.2% ในเดือนก.ค.
อิหร่าน — อิหร่านเปิดเผยว่ามองว่าการเจรจากับนักการทูตจากสมาชิกถาวร 5 ประเทศของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ + เยอรมนีเป็น "โอกาสและการทดสอบ" ขณะที่สหรัฐพิจารณามาตรการคว่ำบาตรต่อโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ถ้าการเจรจาที่จะมีขึ้นในวันนี้ล้มเหลว
ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
Source : Bloomberg
ข้อมูลจาก YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน LBMA 653/14 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ปากซอย 9) แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 Tel: 0-2287-1155, 0-2677-5520 Fax: 0-2677-5512 www.ylgbullion.com