ภาวะตลาดและแนวโน้มราคาทองคำแท่ง ประจำวันที่ 2 ต.ค.52 โดยวายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 2, 2009 11:08 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ต.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT) ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มร่วงลง ตามราคาทองคำโลกที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้ หลังถูกถ่วงโดยค่าดอลลาร์ที่แข็งแก ร่งขึ้น จากข้อมูลตลาดแรงงานและการผลิตที่น่าผิดหวังของทั้งสหรัฐ อังกฤษและเขตยูโรโซน ซึ่งออกมาในระดับต่ำกว่าที่คาดไว้ แม้ได้แรงหนุนบ้างจากราคาน้ำมันขยับขึ้น จากความกังวลในเรื่องของอิหร่าน ขณะที่อุปทานที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ การหารือของ G-7 ในเรื่องการแข็งค่าขึ้นมากของยูโร ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ถ่วงราคาทองคำด้วย (ดูข่าวสารสำคัญเพื่อการลงทุนในหน้าถัดไป) กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT) Source : Bisnews (Daily) Source : Bisnews (30 Min) ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, MACD 30 นาทีเคลื่อนอยู่ในแดนลบทว่าได้ตัดเส้น Signal จากด้านล่างทำให้ดูทิศทางเป็นบวก, MACDF 30 เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวก ทำให้ดูราคาเป็นบวก, Fast Stochastic เคลื่อนตัวขึ้น ทำให้ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 53.772 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะสั้นยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Sideways, แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $994 - $1,006 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.37 - ฿33.54 ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางเป็นขาขึ้น, RSI อยู่ที่ระดับ 51.832 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทว่าได้ตัดเส้น Signal จากด้านบนทำให้ดูราคาเป็นลบ, MACDFเคลื่อนอยู่ในแดนลบ ทำให้ดูทิศทางเป็นลบ, Fast-Stochastic กำลังเคลื่อนขึ้นทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้น ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Bull โดยจะใช้แนวต้านที่ $1,035 เป็นแนวต้านระยะกลางที่สำคัญ ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $985 และ $965 ตามลำดับ ตาราง 3 : แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ Source: YLG’s estimations พิจารณาตารางที่ 3 และกราฟด้านซ้ายมือ พบว่าราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,950 บาท) ซึ่งสูงกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 15,910 หรือที่ $998.3) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีพรีเมี่ยมจากราคาในตลาดโลก อยู่ 40 บาท ขณะที่ราคาของ GFV09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,920 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 10 บาท ซึ่งเท่ากับว่า GFV09 มีพรีเมี่ยมน้อยกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การขาย (Short) ทองแท่งที่ร้านทองแล้วมาเปิดสถานะซื้อ (Long) GFV09 จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 40-10 = 30 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท ซึ่งยังคงไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยอีกราว 20 บาท ในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้ ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน ปัจจัยบวก ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — เมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า รายได้ส่วนบุคคลไต่ขึ้น +0.2% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น +0.2% ในเดือนก.ค. ในขณะที่รายจ่ายส่วนบุคคลพุ่งขึ้น +1.3% ในเดือนส.ค. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปี 2001 หลังจากบวกขึ้น +0.3% ในเดือนก.ค. ขณะที่ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานก็ไต่ขึ้น +0.1% ต่อเดือนในเดือนส.ค. หลังจากขยับขึ้น 0.1% ต่อเดือนในเดือนก.ค. ส่วนดัชนี PCE พื้นฐานเทียบปีต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จับตามอง พุ่งขึ้น +1.3% ต่อปีในเดือน ส.ค. เช่นกัน หลังจากทะยานขึ้น +1.4% ต่อปีในเดือน ก.ค. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างพุ่งขึ้น +0.8% ในเดือนส.ค. หลังจากดิ่งลง -1.1% ในเดือนก.ค. สวนทางกับก่อนหน้านี้ที่คาดกันว่า ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างอาจลดลง -0.1% ในเดือนส.ค. สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่ายอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (Pending home sales) พุ่งขึ้นมากกว่าคาดถึง +6.4% มาที่ 103.8 ในเดือน ส.ค. จากที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง +1.0% เท่านั้น หลังจากเพิ่มขึ้น +3.2% ในเดือนก.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ - นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) กล่าวว่า ดอลลาร์จะอ่อนค่าลงอีก ถ้าหากเสียสถานะการเป็นสกุลเงินในทุนสำรองระหว่างประเทศ หากแต่เขายังไม่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นความเสี่ยงในระยะใกล้ ตราบใดที่สหรัฐดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อจัดการกับปัญหาด้านการคลัง ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. ขยับขึ้น +$0.21 มาที่ $70.82 ต่อบาร์เรล จากที่ปิด $70.61 ต่อบาร์เรลเมื่อวันก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเรื่องการเจรจาระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตกในประเด็นโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันเบนซินยังได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางอุปทานน้ำมันโอเปกที่เพิ่มขึ้นในเดือนก.ย.เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนหลักจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากไนจีเรียและแองโกลา ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. ร่วงลงราว -$0.68 มาอยู่ที่ $70.14 ต่อบาร์เรล ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง +7 สต. มาปิดที่ 33.48 บาท จากที่ปิด 33.41 บาทเมื่อวันก่อนหน้า จากแรงซื้อคืนดอลลาร์ รวมทั้งเป็นไปตามสกุลเงินต่างประเทศ อย่างยูโร ที่อ่อนค่าลงมากเช่นกัน เมื่อเทียบกับดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ดีลเลอร์ยังมองว่าการฟื้นตัวของดอลลาร์ น่าจะเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น โดยปัจจัยที่ต้องติดตามดูต่อไป คือตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ ที่จะออกมาในคืนนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ชี้นำทิศทางตลาดได้ ขณะที่เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลง +2 สต. มาที่ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.37 บาทและ 33.27 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 33.54 บาทและ 33.61 บาท ปัจจัยลบ ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — เมื่อคืนนี้ 1. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 ก.ย. อยู่ที่ 5.51 แสนราย พุ่งขึ้น 1.7 หมื่นราย จาก 5.34 แสนรายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 ก.ย. สวนทางกับที่ก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดไว้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะลดลงมาที่ 5.30 แสนราย 2. สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิตหรือดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานทั่วสหรัฐร่วงลงมาที่ระดับ 52.6 ในเดือน ก.ย. จากระดับ 52.9 ในเดือนส.ค. ซึ่งสวนทางกับก่อนหน้านี้ที่คาดกันว่า ดัชนี ISM ภาคการผลิตจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 54.0 ในเดือน ก.ย. 3. ยอดขายรถยนต์ร่วงลงถึง -34% มาที่ 6.7 ล้านคันในเดือน ก.ย. จากที่ขายได้กว่า 10.1 ล้านคันในเดือนก่อนหน้า หลังโครงการนำรถยนต์เก่ามาแลกรถยนต์ใหม่สิ้นสุดลง ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์ปิดแข็งค่าขึ้น -$0.0103 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4532 จากที่ปิด $1.4635 เมื่อวันก่อนหน้า จากข้อมูลตลาดแรงงานและการผลิตที่น่าผิดหวังของทั้งสหรัฐ อังกฤษและเขตยูโรโซน ทำให้นักลงทุนกลับมาวิตกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก + นายโจควิน อัลมูเนีย กรรมาธิการกิจการเศรษฐกิจและการเงินของสหภาพยุโรป แจ้งว่า จะมีการหารือเรื่องการแข็งค่าของยูโรในการประชุมของเจ้าหน้าที่กลุ่ม G-7 ที่กรุงอิสตันบูลในสุดสัปดาห์นี้ ได้หนุนความน่าสนใจของดอลลาร์ในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย ส่วนเช้านี้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีก -$0.0008 มาอยู่ที่ $1.4524 ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — คืนนี้ 1. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย. เวลา 19.30 น. โดยผลสำรวจคาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะลดลง -1.7 แสนตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากลดลง -2.16 แสนตำแหน่งในเดือนส.ค. และอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นมาที่ 9.8% ในเดือนก.ย. จาก 9.7% ในเดือนส.ค. 2. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค. เวลา 21.00 น. โดยผลสำรวจคาดว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานจะเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลงมาที่ +1.0% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น +1.3% ในเดือนก.ค. การประชุม IMF และ G-7 - รมว.คลังและผู้ว่าการธนาคารกลางจากทั่วโลกจะเดินทางไปยังกรุงอิสตันบูล ของตุรกีในสัปดาห์นี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลกซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 4-7 ต.ค. โดยเจ้าหน้าที่ด้านการคลังจากกลุ่ม G-7 จะประชุมกันในวันเสาร์ที่ 3 ต.ค. นี้ กองทุนทองคำ — กองทุนทองคำ SPDR ได้รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 1 ต.ค.52 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,095.33 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.54 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 35.215 ล้านออนซ์ ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ Source : Bloomberg ข้อมูลจาก YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน LBMA 653/14 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ปากซอย 9) แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 Tel: 0-2287-1155, 0-2677-5520 Fax: 0-2677-5512 www.ylgbullion.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ