กรุงเทพฯ--7 ก.ค.--ปตท.
บางจากฯ จับมือ ปตท. พร้อมลุยสนับสนุนนโยบายรัฐขยายการใช้ NGV ให้กว้างขวางขึ้น โดย บางจากฯ ร่วมกับ ปตท. เปิดสถานีบริการบางจาก NGV แห่งแรก พร้อมวางแผนขยายเพิ่มสถานีบางจาก NGV ให้ครบ 20 สาขา
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฏาคม 2549 ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายวิเศษ จูภิบาล ได้เป็นประธานในพิธีเปิดสถานีบริการบางจาก NGV แห่งแรกของบริษัท บางจากฯ โดยมี ดร.อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากฯ (มหาชน) นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. (มหาชน) พร้อมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพลังงานให้การต้อนรับ
ดร.อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากฯ (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าการพัฒนาและจำหน่ายพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้นอกจากการเร่งขยายการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ไปยังจังหวัดต่างๆ ในภาคตะวันตก ภาคกลาง และภาคใต้ตอนบน อีก 100 สาขา ภายในไตรมาส 3 ซึ่งจะทำให้บางจากฯ มีสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ทั่วประเทศรวม 250 แห่ง
ล่าสุด บริษัทฯ ได้เริ่มเปิดจำหน่ายก๊าซ NGV สาขาแรกที่ถนนนวลจันทร์ ซึ่งตามแผนงาน ในเดือนกรกฏาคมนี้ บริษัทฯ จะเปิดให้บริการNGV ทั้งสิ้น 3 สาขา ได้แก่ สาขานวลจันทร์แห่งนี้ สาขาราษฎร์บูรณะ 2 และสาขากิ่งแก้ว ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ และจะเปิดเพิ่มอีก 7 สาขาภายในปี 2549 นี้ ขณะเดียวกันมีอีก 10 สาขาที่กำลังรอการพิจารณาจาก ปตท. รวมทั้งสิ้นบริษัทฯ จะมีการขยายสถานีบริการบางจาก NGV 20 สาขา โดยคาดว่าจะมียอดขายเฉลี่ย 2 แสนกิโลกรัมต่อปั๊มต่อเดือน หรือคิดเป็นประมาณ 2.5 — 3 ล้านกิโลกรัมต่อปี
“การจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ NGV นี้เป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง บางจากฯ กับปตท. ในการร่วมกันสนับสนุนนโยบายภาครัฐ โดยปตท.จะเป็นผู้สนับสนุนการลงทุนก่อสร้างสถานีบริการบางจาก NGV ทั้งหมด สำหรับบางจากฯ จะจัดสรรพื้นที่ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก เพื่อจัดตั้งและจำหน่ายก๊าซเอ็นจีวี โดยบางจากฯ จะได้ค่าการตลาดเฉลี่ยมากกว่า 2 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวีและผู้ที่สนใจ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มกลุ่มลูกค้าของบางจากฯ ในส่วนของผู้เติมก๊าซเอ็นจีวีอีกด้วย” ดร.อนุสรณ์กล่าวสรุป
ด้าน นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท. ได้ดำเนินการส่งเสริมการใช้ NGV ทดแทนน้ำมัน เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบในภาวะวิกฤติราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ให้แก่ประชาชน ผู้ประกอบการขนส่ง และบริษัทที่ใช้รถเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้เกิดการใช้พลังงานทางเลือกตามนโยบายของรัฐบาล จนประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ซึ่ง ปตท. มีแผนการขยายสถานีบริการ NGV เพื่อสร้างความมั่นใจและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการขนส่งที่ใช้ก๊าซ NGV เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ ให้ได้รับความสะดวกในการเข้ารับบริการเติมก๊าซ NGV มากยิ่งขึ้น โดยภายในต้นเดือนกรกฎาคมนี้ จะเปิดให้บริการอีก 6 แห่ง รวมทั้งสิ้นเป็น 67 แห่ง จะเพิ่มเป็นประมาณ 200 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้ และเพิ่มเป็น 740 แห่ง ในปี 2553 ทั้งนี้นอกจาก ปตท. จะได้เร่งก่อสร้างสถานีบริการ NGV ในสถานีบริการน้ำมันของ ปตท. แล้ว ปตท. ยังได้ประสานความร่วมมือกับบริษัทน้ำมันต่างๆ ขยายจำนวนสถานีบริการ NGV ให้มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น โดยได้ปรับค่าการตลาดเพื่อจูงใจพันธมิตรในการร่วมกันขยายสถานี NGV ซึ่งในวันนี้ได้เปิดให้บริการสถานี NGV ของบริษัท บางจากฯ ถนนนวลจันทร์ เป็นแห่งแรก สำหรับความร่วมมือกับบริษัทน้ำมันอื่นๆ อาทิ ปิโตรนาส โคโนโค เอสโซ่ คาลเท็กซ์ ฯลฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือร่วมกัน ซึ่งทุกบริษัทมีแนวโน้มการตอบรับที่ดี โดยทุกบริษัทได้ตระหนักถึงความจำเป็นที่จะร่วมมือกับ ปตท. ในการขยายสถานี NGV เพื่อบรรเทาผลกระทบของประชาชน ตลอดจนช่วยประเทศในการลดการนำเข้าน้ำมัน ซึ่งจะช่วยลดการขาดดุลทางการค้า ทั้งนี้คาดว่าจะมีการลงนามความร่วมมือกันได้ในเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ ปตท. ยังได้ขยายการตั้งสถานี NGV ในสถานีจำหน่ายก๊าซแอลพีจีของผู้ค้าก๊าซหุงต้มรายต่างๆ ที่เปิดให้บริการในปัจจุบันจำนวนประมาณ 21 แห่งด้วย ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการ NGV ได้ในเดือนสิงหาคมนี้ ทั้งนี้จะทำให้แผนการขยายสถานีบริการ NGV ของ ปตท. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับประชาชนผู้ใช้รถยนต์ขนาดเล็ก ปตท. ยังคงสนับสนุนค่าติดตั้งอุปกรณ์ NGV ในรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการฯ คันละ 10,000 บาท โดยขยายเพิ่มอีกจำนวน 5,000 คัน เพื่อสนองความต้องการของผู้ใช้รถยนต์ที่ต้องการติดตั้ง NGV มากขึ้น สำหรับรถแท็กซี่ที่ใช้ LPG ปตท. ก็ยังสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนมาใช้ NGV ให้ฟรี โดยให้ติดตั้งอุปกรณ์ NGV กับบริษัทที่ได้เสนอชื่อไว้กับ ปตท. รวม 6 ราย ส่วนแท็กซี่ใหม่ก็สามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้ โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเพียงคันละประมาณ 10,000 บาท และสำหรับรถยนต์ขนาดใหญ่ เช่น รถโดยสาร รถบรรทุก ซึ่งได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้น และต้องการดัดแปลงเครื่องยนต์มาใช้ NGV แต่ไม่ได้รับความสะดวก ในการขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ ปตท. มีแผนจะให้สินเชื่อเอง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำเงื่อนไขและรายละเอียดต่างๆ คาดว่าจะแล้วเสร็จให้บริการได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ นอกจากนี้ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระและเพิ่มแรงจูงใจให้ประชาชนและผู้ประกอบการขนส่งหันมาใช้ NGV ทดแทนการใช้น้ำมันมากยิ่งขึ้น ปตท. ยังคงตรึงราคา NGV ไว้ที่กิโลกรัมละ 8.50 บาท ทุกสถานี แม้ขณะนี้ราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดจะปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม และ ปตท. ขอยืนยันว่า ในอนาคตแม้ราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ ปตท. จะกำหนดราคา NGV ไว้ไม่เกิน 50% ของราคาน้ำมันดีเซล ดังนั้นจึงใคร่ขอเชิญชวนผู้ประกอบการขนส่งและประชาชนทั่วไปเปลี่ยนมาใช้ก๊าซ NGV สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์รับโทรศัพท์ ปตท. (PTT NGV call Center) หมายเลข 1365 กด 5