สหมงคลฟิล์มภูมิใจเสนอ ภาพยนตร์เรื่อง กบฏท้าวศรีสุดาจัน (The King Maker)

ข่าวทั่วไป Wednesday September 28, 2005 12:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ก.ย.--สหมงคลฟิล์ม
กบฏท้าวศรีสุดาจัน (The King Maker)
กำหนดฉาย 20 ตุลาคม 2548
ประเภทภาพยนตร์ แอ็คชั่น-ดราม่า
จัดจำหน่ายโดย สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล
สร้างโดย Angel Film / Indisporne Limited
กำกับภาพยนตร์ เล็ก กิติพราภรณ์
อำนวยการสร้าง เดวิด วินเทอร์ส
ควบคุมงานสร้าง ธนิตย์ จิตนุกูล
บทภาพยนตร์ ชอนน์ เจ เคซี่
โปรดักชั่นดีไซน์เนอร์ วงศ์ตะวัน ชีวิน
กำกับศิลป์ ศรัณย์นนท์ ผันอากาศ
กำกับภาพ จิระเดช สำเนียงเสนาะ
ออกแบบและกำกับฉากแอ็คชั่น หมิง เจียน หวง
ดนตรีประกอบ เอียน ลิฟวิ่งสโตน
เพลงประกอบ Fall For You
ตัดต่อ วิลเลี่ยม วัตส์
บันทึกเสียง ริชาร์ด ฮอกส์
เทคนิคพิเศษ เควส บียอนด์
เมคอัพ จีรวัชร ธีวีระปัญญา
ออกแบบทรงผม มยุรี ถ่อสูงเนิน
ออกแบบเครื่องแต่งกาย ชาติชาย ไชยยนต์
นักแสดง แกรี่ สเตร็ช, จอห์น รีส-เดวีส์, ซินดี้ เบอร์บริดจ์,
โย ยศวดี, ดอม เหตระกูล, อครา อมาตยกูล,
นิรุต ศิริจรรยา, โอลิเวอร์ พูพาร์ท, ชาลีไตรรัตน์,
อมรา ปุรานนท์
เรื่องย่อ
เฟอร์นานโด เดอ กามา(แกรี่ สติช) ทหารรับจ้างหนุ่มจาก ประเทศโปรตุเกส ออกเดินทางมายังดินแดนในซีกโลกตะวันออก ใน ค.ศ 1547 เพื่อแสวงหาความร่ำรวย เฉกเช่นเดียวกับเพื่อนร่วมชาติอีกหลายคน ไปพร้อมกับการติดตามร่องรอยของบุคคลในอดีตที่เคยสังหารพ่อของเขาต่อหน้าต่อตาในขณะที่เขามีอายุเพียง 8 ขวบ ภาพความทรงจำดังกล่าวเป็นที่ติดตาและฝังใจแก่เขาเสมอมา แต่ในระหว่างการเดินเรือเขาพร้อมกับพวกพ้องกลับต้องเผชิญกับเคราะห์ร้ายเมื่อพายุทะเลคลั่งโหมซัดจนทำให้เรือจมลงใต้พื้นมหาสมุทรอินเดียอันกว้างใหญ่ เหลือเพียงเขาคนเดียวที่รอดชีวิตมาได้จากเหตุการณ์ครั้งนั้น แต่กลับกลายเป็นว่าเขาถูกพ่อค้าทาสชาวอาหรับจับตัวไปยังดินแดนอยุธยาเพื่อขายเป็นทาส
กรุงศรีอยุธยาเมื่อราว 458 ปีที่แล้วกล่าวได้ว่าเป็นดินแดนแห่งการค้าขายที่เหล่าอาณาประเทศและผู้คนหลากหลายเชื้อชาติต่างหลั่งไหล่เข้ามาไม่ว่าจะเป็น ชาวตะวันตกไปจนถึงตะวันออกที่ใกล้เคียง
แต่ใช่ว่าโชคชะตาของเฟอร์นานโดจะอับโชตซะทีเดียวเมื่อเขาได้รับการไถ่ตัวให้มีอิสรภาพจากมาเรีย(สิรินยา บอร์บริดจ์)หญิงสาวชาวโปรตุเกสผู้มีจิตใจงดงาม ที่เดินทางติดตามฟิลลิป(จอห์น รีส เดวีส) บิดาผู้ที่ทำหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างกำแพงเมืองให้กับพระชัยราชา(นิรุต ศิริจรรยา)กษัตริยแห่งอยุธยา
ต่อมาเมื่อกษัตริย์แห่งลานนาคิดแข็งข้อต่ออยุธยาโดยโดยการส่งศรีษะของผู้ส่งสารมาให้ พระชัยราชาทรงกริ้วเป็นอย่างยิ่งจึงตัดสินใจยกทัพเข้าสู่ศึกสงครามพร้อมกับพระมหาจักรพรรด์(โอลิเวอร์ พูพาร์ท) พระเชษฐาของพระชัยราชา ส่งผลให้เหล่าพันธมิตรของอยุธยา ไม่ว่าจะเป็นชุมชนโปรตุเกส ญี่ปุ่นต่างเข้าร่วมทำศึกในครั้งนี้ เฟอร์นานโดเองก็เข้าร่วมรบในฐานะทหารที่มีประสบการณ์ จึงไม่น่าแปลกใจที่ความห้าวหาญในฐานะนักรบของเขาจะสร้างความพึงพอพระทัยแก่องค์กษัตริย์จนพระองค์แต่งตั้งเขาให้เป็นหนึ่งในราชองครักษ์พร้อมกันกับ เพื่อนใหม่ชาวไทยผู้อาจหาญ นาม ทอง(ดอม เหตระกูล) ที่เขาได้มีโอกาสช่วยชีวิตไว้ในสมรภูมิรบ
ขณะเดียวกัน มเหสีสุดาจัน(โย ยศวดี หัสดีวิจิตร) ผู้เลอโฉมแต่ร้ายกาจ ได้วางแผนลอบปลงพระชนม์พระชัยราชาและพระยอดฟ้า(แนค แฟนฉัน-ชาลี ไตรรัตน์)พระโอรสที่เกิดกับตนขึ้น เพื่อที่จะจะปูทางให้พันบุตรศรีเทพ (อัครา อมาตยกุล)ชู้รักของนางขึ้นครองราชย์ โดยมีมือสังหารจากต่างชาติร่วมมือในแผนการร้าย นายทอง และเฟอร์นานโดราชอองครักษ์ปกป้องกษัตริย์ชนิดถวายหัว และพยายามสืบหาผู้อยู่เบื้องหลังแผนการร้ายในครั้งนี้ ก่อนที่จะพบว่ามีเงื่อนงำบางอย่างเชื่อมโยงมายังฟิลลิปพ่อของมาเรีย
แต่แล้วโดยที่ไม่มีใครคาดคิด ทั้งสองพบว่า พระมเหสีมีส่วนสำคัญในแผนการครั้งนี้ แต่ก็สายเกินกว่าจะช่วยพระมหากษัตริย์ให้รอดพ้นจากการถูกพระมเหสีวางยาได้ เช่นเดียวกันกับที่พระโอรสซึ่งถูกเหล่าองค์รักษ์ผู้ของมเหสีปลงพระชนม์ เมื่อกษัตริย์ทรงสวรรคต เฟอร์นานโดกับทอง กลายเป็นผู้ถูกกล่าวโทษว่าเป็นผู้เกี่ยวข้อง โดยมาเรียและครอบครัวของทองเองก็ถูกทหารจับตัวไป เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร เตรียมพบกับอีกหนึ่งมุมมองของเรื่องราวจากประวัติศาสตร์ที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องยิ่งใหญ่ระดับฮอลลีวู้ด 20 ต.ค.นี้ทุกโรงภาพยนตร์
เกร็ดและรายละเอียดเบื้องหลังภาพยนตร์ “กบฏท้าวศรีสุดาจัน (The King Maker)”
ด้วยความหลงใหลในเสน่ห์ของเมืองไทย และประทับใจในประวัติศาสตร์ของเรื่องราวที่เกิดขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยา เดวิด วินเทอร์ส อดีตนักแสดงที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงโด่งดังจากภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดระดับคลาสิคอย่าง West Side Story และผ่านงานทั้งด้านกำกับ ควบคุมงานสร้าง(โปรดิวเซอร์) ภาพยนตร์มานับร้อย ๆ เรื่อง มีเพื่อนชาวไทยเป็นผู้กำกับคนหนึ่งที่มีผลงานที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงโด่งดังในยุค 80ของไทย(อย่าง“สงครามกับความรัก”ที่สามารถคว้า3 รางวัลตุ๊กตาทอง และอีก 5 รางวัลตุ๊กตาทองจาก “แหกค่ายนรกเดียนเดียนฟู”) นั่นคือ เล็ก กิติพราภรณ์ และเมื่อรู้ว่าเพื่อนที่รู้จักกันมากว่า 20 ปีมีไอเดียบางอย่างเกี่ยวกับโปรเจ็คต์ภาพยนตร์ไทยฟอร์มยักษ์ที่ต้องการจะทำ เขาไม่ลังเลใจเลยที่จะขอเข้ามามีส่วนร่วมในโปรเจ็คต์ดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าเรื่องราวที่น่าสนใจนี้ถ่ายทอดบางมุมของประวัติศาสตร์ในอดีตของไทย
“เล็ก กิติพราภรณ์ เป็นหุ้นส่วนกับผม ผู้ซึ่งเป็นคนริเริ่มความคิด และชักชวนผมให้มาร่วมงานด้วยในโปรเจ็คต์ กบฏท้าวศรีสุดาจัน THE KING MAKER ซึ่งไม่เพียงเป็นหนังไทยที่ใหญ่ที่สุดแห่งปีเพราะเราใช้ทุนสร้างไปสำหรับการถ่ายทำถึง 280 ล้านบาท แต่ยังเป็นภาพยนตร์ไทยที่ระดมเอานักแสดงระดับแนวหน้าของเมืองไทยและฮอลลีวู้ดอย่างมากมายมาร่วมงานกันไม่ว่าจะเป็นโย ยศวดี,ดอม เหมตระกูล, นิรุตติ์ ศิริจรรยา อมรา ปุรานนท์,กอล์ฟ อัครา อมาตยกุล และโอลิเวอร์ พูพาร์ท ,แนค ชาลี ไตรรัตน์ดาราดังหลาย ๆ คน นอกจากนี้เรายังได้รับเกียรติจากนักแสดงสำคัญจากภาพยนตร์มหากาพย์แห่งยุคอย่าง The Lord Of The Rings ทั้ง 3ภาค เขาคือ จอห์น รีส เดวีส์ เขาเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมมาก ถ้ายังจำได้เขายังแสดงในเรื่องขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า (ภาพยนตร์ระดับบล็อกบัสเตอร์สุดอมตะของผู้กำกับสตีเว่น สปีลเบิร์กที่หลายคนรู้จักในชื่อ Indiana Jones ซึ่งกำลังจะมีภาคที่ 4 แน่นอนว่าจอห์น รีส เดวีส์เป็น 1 ในตัวละครสำคัญ) และอีกคนคือแกรี่ สเตร็ช ที่เพิ่งผ่านสายตาคนดูหนังไปกับ Alexander โดยเขารับเป็น Cleitus และเขากำลังจะเริ่มถ่ายทำหนังเรื่อง 911 แสดงคู่กับนิโคลัส เคจโดยเป็นการกลับไปร่วมงานกับโอลิเวอร์ สโตนอีกครั้ง ซึ่งผมคิดว่าแกรี่น่าจะเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงในไม่ช้า”
เดวิด วินเทอร์ส เล่าให้ฟังถึงความยิ่งใหญ่ของโปรเจ็คต์ที่แน่นอนว่านั่นย่อมไม่ใช่เป็นเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้เขาตัดสินใจเข้ามามีส่วนร่วมในโปรเจ็คต์นี้
“ผมชอบเนื้อเรื่องเป็นอย่างมาก ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากทีเดียว ซึ่งก่อนหน้านี้ ผม
เคยมีความคิดที่จะทำหนังที่สามารถนำเสนอได้ทั้งในประเทศไทย และอีกหลายประเทศทั่วโลกอยู่แล้ว ที่สำคัญผมเชื่อว่าคนตะวันตกยังไม่ค่อยมีใครได้เห็นภาพยนตร์เช่นนี้มาก่อน พวกเราไม่ค่อยได้ดูหนังไทย นั่นคือเหตุผลที่ผมอยากให้ดาราในหนังเรื่องนี้พูดภาษาอังกฤษ เพื่อที่จะสามารถฉายได้ทุกประเทศทั่วโลก
หนังเรื่องนี้จำลองขึ้นในปีค.ศ.1547 ในเมืองสยาม ซึ่งคุณรู้อยู่แล้วว่าเป็นชื่อเดิมของกรุงเทพ ประเทศไทย แต่ในเวลานั้นยังไม่มีกรุงเทพ มีแค่อยุธยาที่เป็นเมืองหลวงของสยาม “กบฏท้าวศรีสุดาจัน (The King Maker)” เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอยุธยาในยุคที่มี “พระชัยราชา”เป็นกษัตริย์ครองแผ่นดินและมีมเหสีคือท้าวศรีสุดาจันทร์ โดยเนื้อหาหลักที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันคือเรื่องราวที่เกี่ยวกับท้าวศรีสุดาจันและการผจญภัยของชาวโปรตุเกสที่เดินทางมายังอยุธยา”
และแน่นอนว่านี่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้เกิดเป็นภาพยนตร์เรื่อง กบฏท้าวศรีสุดาจัน (The King Maker) และทำให้เล็ก กิติพราภรณ์กลับมากำกับภาพยนตร์อีกครั้งในรอบ 20 ปี
“หนังเรื่องนี้มีแรงบันดาลใจมาจากหนังสือที่เขียนขึ้นโดยปินโต้ เกี่ยวกับอยุธยาสมัยที่เขาเข้ามาเมืองไทยประมาณปีค.ศ.1540 กว่า เกี่ยวกับการผจญภัยของเขาในประเทศไทย และมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับท้าวศรีสุดาจัน เขียนไว้น่าสนุกมาก นั่นคือแรงบันดาลใจเริ่มต้น
ปินโต้เป็นชาวโปรตุเกสที่เป็นนักผจญภัยที่เดินทางออกจาโปรตุเกส เดินทางไปยังเมืองจีน ญี่ปุ่น เขาถ่ายทอดเรื่องราวการผจญภัยของเขาลงในหนังสือ และกล่าวได้ว่าเขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากของโปรตุเกส จุดที่กล่าวได้ว่าสร้างความสนใจให้กับผมมาก ๆก็คือ เขาเขียนบอกว่า อยุธยาในสมัยโน้นค่อนข้างมีลักษณะของความเป็นอินเตอร์คือ มีหลายชนชาติที่เข้ามาตั้งรกรากอยู่ในเมืองไทย เทียบเท่าได้กับถึงกว่าครึ่งค่อนที่เป็นคนที่เดินทางมาค้าขาย ทั้งชาวตะวันออกเอง หรือแม้กระทั่งชาวตะวันตก”
ซึ่งทำให้ กบฏท้าวศรีสุดาจัน (The King Maker) มีความแตกต่างจากหนังไทยเรื่องอื่นๆ
“คือส่วนใหญ่แล้วเราไม่ค่อยได้เห็นมุมมองของชาวต่างชาติในหนังเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของไทยเราสักเท่าไหร่ เมืองไทยเรามีทั้งญี่ปุ่น ชาวโปรตุเกสและอีกหลายเชื้อชาติที่มาตั้งรกราก ผมจึงคิดว่ามุมมองที่เรานำเสนอน่าจะสร้างความสนใจให้กับคนทั่วโลกทั้งในส่วนของวัฒนธรรมไทย และเรื่องราวในประวัติศาสตร์ รวมไปถึงมุมมองของการผจญภัยของคนตะวันตกในอยุธยาในสมัยนั้น ซึ่งหลังจากที่เราทำบทแก้ไขไปมาถึง 23 ครั้งโดยทำกับนักเขียนบทชาวอังกฤษซึ่งมีชื่อว่า ชอนน์ เจ เคซี่ จนกระทั่งเราพอใจจึงได้เริ่มมีการแคสติ้งนักแสดงขึ้นมา”
ตะวันตกจรดตะวันออกสู่ความเป็นหนึ่งเดียวของทีมนักแสดงจาก “กบฏท้าวศรีสุดาจัน”
ต้องยอมรับว่าการคัดเลือกนักแสดงที่จะมาสวมบทบาทในแต่ละ “คาแรคเตอร์” ในภาพยนตร์เรื่อง “กบฏท้าวศรีสุดาจัน (The King Maker)” เป็นสิ่งที่มีผลสำคัญไม่เพียงกับผู้ชมเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อน้ำหนักและความน่าเชื่อถือของภาพยนตร์ทั้งเรื่อง จนกล่าวได้ว่านอกเหนือจากบทภาพยนตร์แล้ว “นักแสดง” ก็เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งสำหรับภาพยนตร์เรื่อง “กบฏท้าวศรีสุดาจัน (The King Maker)”
“ในส่วนนักแสดงไทยก็มีการคัดเลือกและทดสอบหน้ากล้องหลายคน แต่ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้สคริปต์เป็นภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้นทั้งแอ็คติ้งและการใช้ภาษาจึงสำคัญ นักแสดงที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้วเราก็ต้องมีครูมาฝึกสำเนียงภาษา ในการออกเสียง ให้ออกมาถูกต้อง เพราะนักแสดงทุกคนต้องเข้าฉากร่วมกับนักแสดงชาวต่างประเทศด้วย ดังนั้นการที่จะทำให้งานออกมาสมจริงและนักแสดงมีความรู้สึกสนุกไปกับการทำงานจึงต้องค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร และต้องใช้การวางแผนงานที่ดีสำหรับการทำงานในภาพยนตร์เรื่องนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวละครที่สำคัญที่สุดของภาพยนตร์นั่นคือท้าวศรีสุดาจันซึ่ง เล็ก กิติพราภรณ์ผู้กำกับภาพยนตร์ยอมรับว่าก่อนหน้านี้เองมีการให้ความสนใจกับนักแสดงชาวต่างชาติเหมือนกัน
“อันนี้เป็นขั้นตอนที่ปวดหัวที่สุดของผม ตอนที่เราคัดเลือกนักแสดงในตอนนั้น เกือบ 30-40 คน เราคุยถึงดาราเอเชีย เรายังดูถึงลูซี่ ลิวด้วยซ้ำ หรือ แม็กกี้ เมย์ เรามองไปถึงดาราฟิลลิปปินส์ เพราะว่านักแสดงเหล่านี้แน่นอนว่าเขาย่อมพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่า ปัญหาของผมคือนักแสดงเหล่านั้นอาจจะไม่มีความเป็นไทย ขณะเดียวกันในช่วงที่เราคัดเลือกนักแสดงตอนนั้นเรายังหานักแสดงไทยที่จะมาเล่นบทนี้ไม่ได้ จนกระทั่งเราได้พบกับโย และเมื่อเห็นเธออ่านสคริปต์ มีโอกาสเห็นการทดสอบหน้ากล้องของเธอ ทำให้ผมรู้สึกสบายใจ ไม่ต้องเอาดาราต่างประเทศมาเล่นเป็นบทนี้ เราเชื่อว่าคนดูจะได้เห็นการทำงานของโยที่สามารถ่ายทอดตัวละครตัวนี้ออกมาได้ดีมาก เลยทีเดียว
ผมเชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้เกี่ยวกับประวัติของท้าวศรีสุดาจันมาแล้ว สิ่งสำคัญสำหรับโยที่ต้องทำให้คนดูเชื่อให้ได้ว่า นี่คือผู้หญิงที่กุมอำนาจในสมัยนั้น สามารถที่จะคุมหรือเปลี่ยนประเทศได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังอำนาจของความเป็นผู้หญิงที่สามารถทำทุกอย่างได้เพื่อความรักในขณะเดียวกันก็ต้องถ่ายทอดทุกความรู้สึกของตัวละครทั้งรัก โลภ โกรธ หลงให้ชัดให้คนดูสามารถรับรู้ความรู้สึกและเข้าถึงใจของตัวละครผู้หญิงคนนี้ ที่แตกต่างจากผู้หญิงส่วนใหญ่ในยุคสมัยนั้นที่เป็นเพียงช้างเท้าหลัง ไม่มีปากเสียง ภายใต้ไดอาล็อคและสคริปต์ต่างๆที่ถูกเขียนขึ้นมาเป็นภาษาอังกฤษ ต้องยอมรับว่าตัวโยเองถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก เลยทีเดียว”
ไม่น่าแปลกใจที่ เดวิด วินเทอร์สโปรดิวเซอร์ฮอลลีวู้ดที่ก็เคยผ่านงานแสดงในระดับขึ้นหิ้งมาแล้วอย่าง West Side Story ก็อดทึ่งและชื่นชมความสามารถของโยในบท “ท้าวศรีสุดาจัน”ไม่ได้
“เวลาที่กล้องโคลสอัพไปที่ใบหน้าของโย เราได้เห็นน้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมาจากตาของเธอ โยน่าทึ่งมาก ๆ และในหนังมีฉากหนึ่งที่เธอพยายามสร้างเรื่องเกี่ยวกับความฝันของเธอเมื่อคืนเพราะเธอจะได้แต่งตั้งคนรักเป็นกษัตริย์ เธอเพิ่งฆ่าสามี และลูกชายของเธอ เธอเริ่มร้องไห้ เรามองเห็นน้ำตาได้ชัด เราไม่มีการตัดต่อฉากนั้นเลย เราผ่านไปได้ในเทคเดียว เราแทบไม่ต้องตัดต่ออะไรเลยในฉากนี้ เพราะโยทำได้ดีมาก โยเก่งมาก ผมคิดว่าโยจะเป็นดาราดังในไม่ช้าในประเทศไทยและทั่วโลก เมื่อหนังเรื่องนี้ได้ทำการฉายไปทั่วโลก ผู้คนจะเห็นเธอ และร้อง “ว้าว” โยเป็นนักแสดงที่เยี่ยมยอด และเธอก็เป็นนางแบบด้วย อันที่จริงนางแบบจะแสดงไม่ค่อยดี โยเยี่ยมมากในหนัง ผมบอกคุณได้เลย โยเก่งมาก และโยเป็นคนที่น่ารักเช่นกัน”
นอกเหนือจากฝีไม้ลายมือทางการแสดงของโย ยศวดีในบทท้าวศรีสุดาจันแล้วการแสดงของซินดี้ เบอร์บริดจ์ในบทมาเรีย สาวชาวโปรตุเกสที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ตรงหน้าที่ต้องเลือกระหว่างความรักและความเกลียดต่อชายคนรักก็เป็นอีกหนึ่งความสามารถทางการแสดงของซุปเปอร์โมเดลระดับแถวหน้าของเมืองไทยที่ผู้กำกับไม่สามารถมองข้ามได้
“ต้องขอบอกว่าซินดี้ให้ความทุ่มเทกับคาแรคเตอร์มาเรียมากตั้งแต่การทดสอบหน้ากล้องเลยทีเดียว เขาสามารถที่จะจำบทได้ สามารถที่จะอ่านสคริปต์ให้เราสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของตัวละครตัวนี้ ยิ่งฉากที่เป็นดราม่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่รู้ว่าคนที่เขารักเป็นคนที่ฆ่าพ่อเขา กล่าวได้ว่าเป็นฉากที่หนักมากสำหรับซินดี้ที่ต้องแสดงออกให้คนดูรู้สึกถึงความขัดแย้งที่อยู่ในใจระหว่างความรักที่มีต่อชายคนรักกับความรักที่ลูกมีต่อพ่อ ซินดี้เหมาะกับบทนี้มาก ผมเชื่อว่าคนดูจะสัมผัสได้ถึงความโรแมนติคที่ถ่ายทอดผ่านการแสดงของซินดี้ ผมเชื่อว่าหลังจากกบฏท้าวศรีสุดาจันถูกฉายออกไปซินดี้เบอร์บริดจ์จะกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ และน่าจะไปเล่นหนังฮอลลีวู้ดได้อย่างสบาย”
นิรุต ศิริจรรยานักแสดงระดับแถวหน้าที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของเมืองไทยก็โชว์ความสามารถทางการแสดงได้สมกับความเป็นนักแสดงอาชีพจริง ๆ
“คุณนิรุตต้องเล่นเป็นชัยราชาเป็นกษัตริย์ที่มีความสามารถ ห่วงใย มีความยุติธรรม ฉลาด มีความเป็นนักรบ และเป็นนักปกครองตามในประวัติศาสตร์ ซึ่งคุณนิรุตแสดงได้เต็มที่เลยโดยเฉพาะฉากที่เขากำลังจะพูดนำทัพ การที่จะทำให้กองทัพไทยฮึกเหิม คุณนิรุตทำได้ดีมากเลย ฉากนำทัพออกไปตีที่เชียงใหม่ แล้วก็ฉากการต่อสู้ในห้องบรรทมที่เขาจะโดนลอบปลงพระชนม์ ทำได้น่าตื่นเต้น และผมว่าสมจริงสมจัง”
ความเข้มข้นของภาพยนตร์เรื่องกบฏท้าวศรีสุดาจันยังได้รับการถ่ายทอดผ่านการแสดงของนักแสดงระดับฝีมือของชาวไทยอีกมากมาย อาทิ ดอม เหตระกูลในบทนายทอง ทหารอยุธยาที่เก่งกาจ เข้มแข็ง และเป็นคนรู้คุณคน โดยมีอัครา อมาตยกุล รับบทพันบุตรศรีเทพ ผู้มีส่วนสำคัญที่ทำให้ท้าวศรีสุดาจันก่อการที่นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของแผ่นดิน ร่วมด้วยโอลิเวอร์ พูพาร์ท ในบทพระมหาจักรพรรดิ์ พระเชษฐาของกษัตริย์ชัยราชา , ชาลี ไตรรัตน์(น้องแนค)จากแฟนฉัน ในบทพระยอดฟ้า ,ไบรอน บิช็อปในบทหัวหน้ามือสังหารจากญี่ปุ่น และ อมรา ปุรานนท์ อีกหนึ่งนักแสดงระดับแถวหน้าของเมืองไทยในบทยายจันทร์ หญิงชราผู้มีส่วนสำคัญในการลอบปลงพระชนม์กษัตริย์ชัยราชา
แต่ที่พิเศษสุดคือการได้ 2 นักแสดงระดับแนวหน้าของฮอลลีวู้ดมาร่วมงานในบทที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในภาพยนตร์เรื่อง“กบฏท้าวศรีสุดาจัน” ซึ่งผู้กำกับได้ให้รายละเอียดให้ฟังอย่างน่าสนใจ
“คงต้องบอกว่าเราค่อนข้างดีใจที่มีนักแสดงชาวฮอลลีวู้ดหลายคนมีความสนใจที่จะเข้ามาร่วมงานในหนังเรื่องนี้ ทางเราเองก็มีการเลือกหลายครั้งหลายคน จนในที่สุดเราก็ได้ตัวละครหลักที่เป็นชาวต่างประเทศถึง 2 คนโดยคนแรกคือแกรี่ สเตร็ชก่อนหน้านี้เขาก็กำลังไปถ่ายหนังของโอลิเวอร์ สโตนเรื่องที่ 2 ชื่อเรื่องว่า 911ซึ่งก่อนหน้าเขามีโอกาสได้ร่วมงานกันมาแล้วจาก Alexander ตัวเขาเองเป็นนักแสดงอังกฤษที่ค่อนข้างมีความสามารถมาก เราเองพยายามทดสอบเขา เพราะว่าเราได้ดาราฮอลลีวู้ดที่ต้องเลือกหลายคน แต่หลังจากที่เขาอ่านบทลองเล่นดูเราก็ตัดสินใจเลือกเขาเพราะเขาเหมาะสมกับบทที่เราต้องการมากแกรี่เป็นแชมป์มวยโลก wboรุ่นมิดเดิ้ลเวท นอกจากนี้เขายังได้รับการเสนอชื่อเข้ารางวัลการแสดงของอังกฤษเมื่อปีที่แล้ว ด้วยรูปร่างหน้าตา เขาเองก็ค่อนข้างเหมาะกับบทของเขา และที่สำคัญบทนี้ที่ต้องอาศัยความแข็งแรง การแสดงคิวบู๊แอ็คชั่นโลดโผน รวมไปถึงขี่ม้า ฟันดาบ ซึ่งแกรี่ทำได้อย่างไม่มีที่ติ
ในส่วนของจอห์น รีส เดวีส์ เราได้เขามาก่อนที่จะถ่ายทำเพียงแค่อาทิตย์เดียว เพราะก่อนหน้าเรายังไม่มั่นใจว่าจะได้เขารึเปล่า เพราะว่าเขาได้รับให้เลือกเล่นภาพยนตร์เรื่อง The Mask of Zorro ภาค 2 แต่สุดท้ายเราก็ดีใจที่เขาตัดสินใจเลือกหนังของเราแทนที่จะเป็น zorro แต่ขณะเดียวกันเราก็ไม่มั่นใจว่า หนังจะถ่ายได้จบทันที่ จอห์น รีส เดวีส์จะต้องไปเล่นอินเดียนน่าโจนส์ภาค 4 กับสตีเว่น สปีลเบิร์กรึเปล่า แต่ก็โชคดีที่หนังของสปีลเบิร์กมีการเลื่อนการถ่ายทำออกไป ในระหว่างที่เราร่วมงานกันเขาก็ได้เล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ตลอด2 ปีที่เขาถ่ายทำ The Lord of the Rings ในประเทศนิวซีแลนด์ที่เขาเล่นเป็นกิมลีคนแคระ สำหรับใน The King Maker เขารับบทเป็นคุณพ่อของมาเรีย ซึ่งแสดงโดยซินดี้ และแน่นอนว่าจะต้องมีฉากที่เขาและแกรี่ สเตร็ชซึ่งรับบทเป็นเฟอร์นันโด จะต้องฟันดาบต่อสู้กัน ก็ค่อนข้างสนุกเพราะเขาต้องต่อสู้ฟันดาบกันตั้งแต่ข้างล่างไล่ฟันกันไปจนถึงบนกำแพง เขาทำออกมาได้เต็มที่และดีมาก เพราะตัวเขาเองก็เป็นนักฟันดาบ ประสบการณ์กว่า 30 ปีในวงการภาพยนตร์จากการทำงานมานับร้อย ๆ เรื่อง อย่างที่บอกครับก่อนการถ่ายทำเราก็มีการปรับบท แก้ไขบทกันอยู่หลายครั้ง ซึ่งตัวจอห์นเองเขาก็ได้ให้คำปรึกษาแนะนำในหลาย ๆ ส่วน ต้องยอมรับว่าในฉากใหญ่ ๆ หลาย ๆฉากอย่างฉากรบ การแสดงของเขาช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับหนังของเรามีความสมจริงสมจังขึ้นเยอะถือได้ว่าเขาเป็นนักแสดงที่ดีที่สุดคนหนึ่งในขณะนี้
ความยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์ทุนสร้างกว่า280 ล้านบาท กบฏท้าวศรีสุดาจัน(The King Maker)หนังไทยระดับฮอลลีวู้ดเพื่อให้สมกับความยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์ไทยที่ทุ่มทุนสร้างถึง280ล้านบาท ทำให้ กบฏท้าวศรีสุดาจัน(The King Maker) ใช้เวลาไปทั้งหมดถึง 2 ปีครึ่งตั้งแต่การเตรียมงาน ไปจนถึงถ่ายทำ และโพสต์โปรดักชั่น ภายใต้ฝีมือของคนทำหนังไทยในทุกขั้นตอน ด้วยการเตรียมงานที่พร้อมที่สุดมีการใช้โลเกชั่นสำคัญ ๆหลายๆ แห่ง อาทิ สมุทรปราการ ,อยุธยา ,สระบุรี,สุพรรณบุรี,มีนบุรีฯลฯ ทีมงานจะต้องมีการเซ็ทและสร้างฉากสำคัญ ๆขึ้นมาใหม่ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านชาวโปรตุเกสในสมัยอยุธยา ซึ่งเราต้องมีนักแสดงเอ็กซตร้าเป็นฝรั่งจำนวนมาก ซึ่งก็ค่อนข้างยุ่งยาก เพราะเราต้องมีฉากเต้นรำ มีฉากเฉลิมฉลอง ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมของกลุ่มคนกลุ่มนี้ รวมทั้งผมยังสอดแทรกวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นในฉากนี้ด้วย ซึ่งก็ต้องมีการซ้อมกันอยู่หลายเดือนเลยทีเดียวกว่าที่นักแสดงจะรำได้ รวมทั้งชาวฝรั่งที่ต้องมาเต้นรำในฉากนี้ด้วย โดยเราได้ครูผู้ทำการฝึกซ้อมซึ่งเป็นชาวยุโรปมาช่วยรับผิดชอบดูแลด้วย
เล็ก กิติพราภรณ์ผู้กำกับกบฏท้าวศรีสุดาจันยังได้เล่าให้ฟังถึงการสร้างห้องบรรทมของพระชัยราชา ขึ้นที่โกดังมีนบุรี มีการใช้ฝาผนังไม้ที่ต่อกันเป็นความสูงเท่ากับตึกเกือบ 2 ชั้น และมีการวาดลวดลายต่างๆโดยพู่กันพิถีพิถันกับทุกลายละเอียดของภาพวาดในสมัยโบราณให้ออกมาใกล้เคียงกับประวัติศาสตร์ที่สุด แต่ดูเหมือนเดวิด วินเทอร์สจะปลาบปลื้มเป็นพิเศษกับฉากสงครามสำคัญในเรื่อง “เป็นฉากรบที่ยิ่งใหญ่ มีนักแสดงร่วมในฉากกว่า 1,000 คน และเราใช้กล้องหลายตัวในการถ่ายทำ เราใช้กล้องHD(Hi-definition) ของ SONY ซึ่งทำให้ผมสามารถถ่ายได้ทุก ๆ ภาพ ทุก ๆชอตที่ผมต้องการ เพราะในหนังเรื่องนี้ผมใช้กล้องถึง 3 ตัวของการถ่ายทำในแต่ละซีน แต่สำหรับบางฉากผมใช้ถึง 5กล้องพร้อมกัน ทำให้เราสามารถเซฟเวลา ในขณะเดียวกันผมก็ได้งานอย่างที่เราต้องการเรามีฟุตเตจมากพอเพื่อใช้ในห้องตัดต่อ สำหรับฉากรบเราไปถ่ายกันที่สระบุรี และเราถ่ายทำกันถึง 5 วันเต็ม ๆ แค่ฉากรบนี้เท่านั้น แน่นนอนว่าในการ คัดเลือกนักแสดงที่มาแสดงในฉากนี้ ไม่ว่าจะเป็นเอ็กซตร้าทั้งหลายที่จะมาร่วมรบกับแกรี่ สเตร็ชและชาวโปรตุเกส พร้อม ๆกับกองทัพของกษัตริย์ชัยราชา คือในฉากนี้สิ่งที่เราต้องนำเสนอมีหลาย ๆ ทัพที่มาร่วมรบกัน อย่างเช่นมุมหนึ่งเป็นทัพของไทย ก็ต้องมีช้าง แล้วก็ทัพโปรตุเกส มีกลุ่มทัพอาหรับ กลุ่มทัพซามูไรชาวญี่ปุ่น ฯลฯ ต้องคัดเลือกนักแสดงหลายชาติ ฉากรบของเรายุ่งยากพอสมควร ในการที่จะได้มาเพื่อให้เกิดความสมจริงสมจัง สำหรับอีกฝ่ายหนึ่งที่ร่วมรบก็จะเป็นทางด้านลานนา ซึ่งต้องยอมรับว่าฝ่ายอาร์ททำหน้าที่ได้ดีมากนำเสนอรูปแบบของกองทัพทางด้านเชียงใหม่ ซึ่งพูดได้อย่างเต็มปากว่าคนทำหนังที่นี่มีพรสวรรค์มาก เพราะหนังทั้งเรื่องทุกอย่างถูกสร้างขึ้นมาใหม่เช่น ฉาก,เสื้อผ้า,อุปกรณ์ประกอบฉาก หรือแม้แต่สร้างฉากหมู่บ้านโปรตุเกสที่สวยงามและเหมือนจริงมากๆ พวกเขาสร้างฉากให้ผมได้เยี่ยมมาก ผมพอใจมากกับคนออกแบบฉาก ,คนสร้างฉาก,คนทำเสื้อผ้า นี่เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่นักแสดงทุกคนเดินเข้ามาหาผม และขอเสื้อผ้าที่พวกเขาใส่แสดงในหนังเรื่องนี้ และผมก็ตอบตกลงให้กับทุกคนได้เก็บไว้คนละ 1 ชุด ผมได้มีโอกาสไปงานขึ้นบ้านใหม่ของนิรุตติ์ เขาได้นำชุดเกราะออกรบ รวมถึงหมวกโชว์ไว้ในบ้าน ช่างสวยงามมาก พวกเขาทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ผมยังอยากที่จะทำหนังอีกหลาย ๆ เรื่องในประเทศไทย ผมรู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่งเช่นกันกับในเรื่องของการทำดนตรีประกอบของภาพยนตร์ซึ่งทางทีมงานใช้เวลาในการคัดเลือกนานมาก เราเลือกวงดนตรีทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 60 วง สุดท้ายเราก็เลือกใช้วงดนตรีจากมอสโค ซึ่งวงดนตรีของเค้าใช้นักดนตรีกว่า 100 คน และมีผู้ประสานเสียงประมาณ 60 คน
และนี่เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น เตรียมตัวพบกับความยิ่งใหญ่ของ
“กบฏท้าวศรีสุดาจัน” (The King Maker)”
ภาพยนตร์ไทยระดับโลก 20 ตุลาคนี้พร้อมกันทั้งประเทศ
ประวัติผู้กำกับเล็ก กิติพราภรณ์
จบการศึกษาที่ โนโคเวล โฮเทล เดอ กิยอง ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ผ่านการอบรมฝึกงาน ที่ ลินเด่ ประเทศเยอรมนีจบการเรียนทำหนังที่ ฮอลลีวูด เอลเอ มุมหนึ่งเขาคือผู้บริหารที่อยู่เบื้องหลังธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์และอสังหาริมทรัพย์ที่เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จัก อาทิ Juscoแดนเนรมิตร ,บริษัท JC Decaux ,Under water world ,Property Deverlopment
อีกมุมหนึ่งเขาคือบุคคลที่คร่ำหวอดอยู่บนแผ่นฟิล์มมากว่า 20 ปี ในยุค 80 เขาคือ 1 ในผู้กำกับภาพยนตร์ไทยที่ไม่เพียงประสบความสำเร็จและเป็นที่จับตา แต่ภาพยนตร์ของเขาอย่าง“สงครามกับความรัก”ยังพิสูจน์ถึงคุณภาพในระดับ3 รางวัลตุ๊กตาทอง และยิ่งตอกย้ำความเป็นฟิล์มเมกเกอร์กับภาพยนตร์ 5 รางวัลตุ๊กตาทองอย่าง “แหกค่ายนรกเดียนเดียนฟู”
ล่าสุดพร้อมแล้วที่จะกลับคืนสู่วงการภาพยตร์อีกครั้งใน“กบฏท้าวศรีสุดาจัน” (The King Maker)”
ประวัติโปรดิวเซอร์เดวิด วินเทอร์ส
เดวิด วินเทอร์ส นักแสดง นักแต่งเพลง นักออกแบบท่าเต้น นักร้อง นักดนตรี ผู้กำกับโปรดิวเซอร์ชาวอังกฤษที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด ประสบความสำเร็จในฐานะนักแสดงตั้งแต่ยังเด็กปรากฏตัวในรายการทางโทรทัศน์ 150 รายการ และ ละครบรอดเวย์ 12 รายการ บนเวทีในนิวยอร์ก. หนึ่งในละครบรอดเวย์ดังกล่าวได้แก่ “West Side Story”. นาย วินเทอร์ส ได้ถูกชักนำไปออลลีวู้ดเพื่อรับบทเป็ฯ A-RABในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ของ“West Side Story”. ที่ต่อมาสามารถกวาดรางวัลออสการ์ได้ถึง 10 รางวัลและเป็นภาพยนตร์คลาสสิคอมตะตลอดกาล เขาเคยร่วมงานกับพอล ไซมอน เพื่อทำอัลบั้มคู่ ในชื่อ “ David Winters and the West Siders” ที่ทั้งคู่เขียนเพลงด้วยตัวเขาเองทั้งหมด เล่น ดนตรี และร้องเองทั้งหมด นอกจานี้เขายังเปิดโรงเรียนสอนเต้นรำในฮอลลีวู้ด และสอนนักแสดงที่มีชื่อเสียงมากมาย อาทิเช่น Ann- Margret, Raquel Welch, Richard Chamberlain ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขากลายเป็นนักออกแบบท่าเต้นของ Elvis Presley ด้วยอายุที่ยังเด็กมากๆ เขาได้ออกแบบท่าเต้นให้กับภาพยนตร์ของ Elvis ถึง 4 เรื่อง อาทิเช่น “ Viva Las Vegas” , 5 เรื่องให้กับ Ann-Margret และ Studio Productions อื่นๆ อีกมากมาย อาทิเช่น Barbra Streisand ที่ ในเรื่อง “A Star is Born”
(ยังมีต่อ)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ