รายงานสถานการณ์อุทกภัย สภาวะอากาศ ปริมาณน้ำฝน และสภาพน้ำท่า วันที่ 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา 18.00 น.

ข่าวทั่วไป Friday November 17, 2006 08:04 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 พ.ย.--ปภ.
1. สรุปสถานการณ์อุทกภัยในภาพรวม (ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม — 16 พฤศจิกายน 2549)
1.1 ระหว่างวันที่ 27-31 สิงหาคม 2549 วันที่ 9-12 กันยายน 2549 และวันที่ 18-23 กันยายน 2549 ร่องความกดอากาศต่ำหรือร่องฝนกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง พายุดีเปรสชั่นเคลื่อนตัวผ่าน (24-25 ก.ย.49) และพายุดีเปรสชั่น “ช้างสาร” (1-3 ต.ค.49) ทำให้มีฝนตกหนักมากในพื้นที่ ระดับน้ำในแม่น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ลุ่มริมฝั่งของลำน้ำหลายพื้นที่
1.2 พื้นที่ประสบภัย รวม 47 จังหวัด 439 อำเภอ 40 กิ่งอำเภอ 16 เขต 2,650 ตำบล 16,093 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 4,315,438 คน 1,225,625 ครัวเรือน ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ พะเยา อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม นครนายก ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ชัยภูมิ ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา และกรุงเทพมหานคร
1.3 ความเสียหาย
1) ผู้เสียชีวิต 279 คน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 59 คน พิจิตร 27 คน อ่างทอง 27 คน สิงห์บุรี 21 คน นครสวรรค์ 20 คน สุพรรณบุรี 16 คน สุโขทัย 14 คน พิษณุโลก 12 คน ปราจีนบุรี 12 คน ชัยภูมิ 10 คน ยโสธร 9 คน ชัยนาท 9 คน เชียงใหม่ 7 คน อุทัยธานี 7 คน ปทุมธานี 6 คน ลพบุรี 4 คน แม่ฮ่องสอน 3 คน ลำปาง 3 คน จันทบุรี 3 คน ร้อยเอ็ด 3 คน กรุงเทพมหานคร 2 คน ศรีสะเกษ 2 คน เพชรบูรณ์ 1 คน พังงา 1 คน และนครปฐม 1 คน (จากเดิม 277 คน เป็น 279 คน เพิ่มขึ้น 2 คน)
2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 54 หลัง เสียหายบางส่วน 12,957 หลัง ถนน 7,405 สาย สะพาน 490 แห่ง ท่อระบายน้ำ 428 แห่ง ทำนบ/ฝาย/เหมือง 561 แห่ง พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย 6,046,111 ไร่ (ข้อมูลจากการบูรณาการระหว่างกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมส่งเสริมการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) บ่อปลา/กุ้ง 46,248 บ่อ วัด/โรงเรียน 1,331 แห่ง ความเสียหายอื่น ๆ อยู่ระหว่างการสำรวจ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นเท่าที่สำรวจได้ ประมาณ 6,433,461,892 บาท
2. พื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 34 จังหวัด (จ.พิษณุโลก และ จ.ชัยนาท เข้าสู่ภาวะปกติ คงมีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรที่ลุ่มเป็นบางจุด)
3. ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 13 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม กรุงเทพมหานคร จำนวน 53 อำเภอ 11 เขตแยกเป็น
3.1 จังหวัดพิจิตร ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามง่าม (1 ตำบล) อำเภอโพธิ์ประทับช้าง (4 ตำบล) และอำเภอโพทะเล (4 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.20-0.40 ม. ระดับน้ำลดลง
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัดพิจิตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมอบถุงยังชีพ 97,621 ชุด ข้าวกล่อง 300,048 กล่อง น้ำดื่ม 104,824 ลิตร ยารักษาโรค 5,924 ชุด เรือท้องแบน 13 ลำ เครื่องสูบน้ำ 34 เครื่อง ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3.2 จังหวัดนครสวรรค์ ยังคงมีน้ำท่วมขัง 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชุมแสง (4 ตำบล) ในพื้นที่ ลุ่มแม่น้ำยมและแม่น้ำน่าน ส่วนพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ อำเภอเมืองฯ (5 ตำบล) อำเภอโกรกพระ (5 ตำบล) อำเภอพยุหะคีรี (4 ตำบล) และอำเภอท่าตะโก (3 ตำบล) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.30 ม.ระดับน้ำลดลง
การให้ความช่วยเหลือ
1) จังหวัดได้จัดหน่วยเคลื่อนที่ออกไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลดในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.โกรกพระ และ อ.ชุมแสง โดยให้การช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาลผู้ป่วย สัตว์เลี้ยง การซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ ระบบไฟฟ้า ประปา บริการตัดผม การสูบน้ำออกจากพื้นที่ การพ่นยาป้องกันและกำจัดยุง การจำหน่ายสินค้าราคาถูก ฯลฯ ซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่องในพื้นที่ประสบภัย รวม 7 อำเภอ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง จนถึงวันที่ 15 ธ.ค.49 รวม 36 ครั้ง
2) จังหวัดนครสวรรค์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มอบถุงยังชีพ 199,582 ชุด น้ำดื่ม 65,720 โหล ยาและเวชภัณฑ์ 39,489 ชุด กระสอบทราย 20,000 ใบ เครื่องสูบน้ำ 92 เครื่อง เรือท้องแบน 72 ลำ ห้องน้ำสำเร็จรูป 87 ห้อง ถังน้ำดื่ม 8 ใบ เครื่องจักรกล 28 คัน เต็นท์ที่พักอาศัยชั่วคราว 148 หลัง อาหารสัตว์ 184,500 กก. กำลังพลจาก มทบ.31 อส. อปพร. รวม 406 นาย ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3.3 จังหวัดอุทัยธานี ในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสะแกกรัง ของอำเภอเมืองฯ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลเกาะเทโพ ท่าซุง และสะแกกรัง ระดับน้ำสูง 0.10-0.25 ม. ระดับน้ำลดลง
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัดอุทัยธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มอบกระสอบทราย 50,000 ใบ ถุงยังชีพ 26,710 ชุด เรือท้องแบน 18 ลำ เต็นท์ 200 หลัง น้ำดื่ม 90,000 ลิตร น้ำดื่ม 56,888 ขวด ชุดเวชภัณฑ์ 15,669 ชุด รวมทั้ง นพค.15 มทบ.31 อปพร. อส. สถานีวิทยุ 934 สนับสนุนกำลังพลรวม 485 นาย ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่
3.4 จังหวัดลพบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรที่ติดกับริมแม่น้ำลพบุรีของอำเภอเมืองฯ (8 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.10-0.20 ม. ระดับน้ำลดลง
การให้ความช่วยเหลือ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำ 93 เครื่อง เรือท้องแบน 46 ลำ รถแบ็คโฮ 2 คัน รถเกรด 4 คัน ถุงยังชีพ 19,200 ชุด รถกู้ภัย 11 คัน และกระสอบทราย 37,800 ใบ 735 นาย น้ำมันเชื้อเพลิงและหล่อลื่น จำนวน 57,043.50 ลิตร กำลังพลจากหน่วยทหาร อปพร. อส. ช่วยเหลือผู้ประสบภัย เสริมคันดินป้องกันน้ำท่วมบริเวณริมคลองชัยนาท-ป่าสัก
3.5 จังหวัดสระบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรของอำเภอดอนพุด (3 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.25-0.75 ม. ระดับน้ำลดลง
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มอบเครื่องอุปโภคบริโภค 4,095 ชุด น้ำดื่ม 26,516 ขวด ยารักษาโรค 4,586 ชุด เสื้อผ้า 45 ชุด รองเท้า/ถุงมือ 545 คู่ เครื่องสูบน้ำ 34 เครื่อง เรือท้องแบน 48 ลำ ถังน้ำขนาด 1,000 ลิตร 30 ถัง เต็นท์ที่พักชั่วคราว 61 หลัง กระสอบทราย 8,272 ถุง อาหารกล่อง 1,520 ชุด พร้อมสนับสนุนน้ำมันเติมเครื่องสูบน้ำ 11,841 ลิตร สูบน้ำลงทะเลสาบบ้านหมอ
3.6 จังหวัดสิงห์บุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ (1 ตำบล) อำเภอพรหมบุรี (1 ตำบล) อำเภอบางระจัน (2 ตำบล) และอำเภอค่ายบางระจัน (1 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.20-0.45 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัดสิงห์บุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย มอบถุงยังชีพ 99,284 ชุด ยารักษาโรค 22,700 ชุด รถขุด 7 คัน เรือท้องแบน 42 ลำ เครื่องสูบน้ำ 68 เครื่อง รถบรรทุก 56 คัน
3.7 จังหวัดอ่างทอง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ อำเภอป่าโมก อำเภอไชโย ระดับน้ำสูง 0.30-0.95 ม. ส่วนที่อำเภอสามโก้ อำเภอแสวงหา อำเภอโพธิ์ทอง และอำเภอวิเศษชัยชาญ ระดับน้ำสูง 0.25-0.70 ม. ระดับน้ำลดลง
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัดอ่างทอง อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยทหาร มูลนิธิฯ องค์กรเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย จัดส่งรถผลิตน้ำดื่มเคลื่อนที่ 3 คัน เต็นท์ที่พักอาศัยชั่วคราว 190 หลัง น้ำดื่ม 502,187 ขวด ถุงยังชีพ 91,577 ชุด ยาและเวชภัณฑ์ 39,950 ชุด เรือพาย/ เรือกาชาด/เรือไฟเบอร์/เรือท้องแบน/เรือบริจาค 327 ลำ รถบรรทุก 31 คัน รถยนต์ Pick-up 16 คัน รถ Unimog 7 คัน เครื่องสูบน้ำ 79 เครื่อง สุขาเคลื่อนที่ 155 ห้อง แท็งค์น้ำ 2,000 ลิตร 68 ถัง
3.8 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 12 อำเภอ 3 เทศบาล ได้แก่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา (14 ตำบล) อำเภอบางบาล (16 ตำบล) อำเภอบางไทร (23 ตำบล) อำเภอผักไห่ (16 ตำบล) อำเภอเสนา (15 ตำบล) อำเภอมหาราช (12 ตำบล) อำเภอบางปะหัน (16 ตำบล) อำเภอบางปะอิน (11 ตำบล) อำเภอบ้านแพรก (5 ตำบล) อำเภอลาดบัวหลวง (6 ตำบล) อำเภอวังน้อย (3 ตำบล) อำเภอบางซ้าย (6 ตำบล) เทศบาลเมืองเสนา เทศบาลเมืองอโยธยา และเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา พื้นที่ในเขตเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะปกติ ยกเว้นเขตรอบนอกแนวคันกั้นน้ำยังคงมีน้ำท่วมขัง ระดับน้ำสูง 0.20-0.90 ม. ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง (อ.ภาชี สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ)
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หน่วยทหาร อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิร่วมกตัญญู องค์เอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมอบถุงยังชีพ 332,120 ชุด น้ำดื่ม 1,347,970 ขวด เต็นท์ 183 หลัง เรือท้องแบน 30 ลำ เรือไม้/เรือเหล็ก/เรือไฟเบอร์ 826 ลำ รถบรรทุกน้ำ 40 คัน รถแบ็คโฮ 10 คัน เครื่องสูบน้ำ 100 เครื่อง กระสอบทราย 779,790 ใบ รถผลิตน้ำดื่ม 1 คัน ห้องสุขาลอยน้ำ 70 ห้อง กำลังพล 4,796 คน สนับสนุนหญ้าแห้งอาหารสัตว์ 63,000 กก. ออกหน่วยเคลื่อนที่ตรวจรักษาโรค มอบยาเวชภัณฑ์จำนวน 20,884 ชุด ตั้งโรงทานประกอบอาหารเลี้ยงผู้ประสบภัย พร้อมจัดรถรับส่งอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประสบภัย
3.9 จังหวัดสุพรรณบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของจังหวัด เนื่องจากน้ำที่ท่วมจังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดอ่างทอง ไหลหลากเข้าทุ่งทำให้ท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ (3 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.30-0.50 ม. อำเภอบางปลาม้า (7 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.65-1.30 ม. และอำเภอสองพี่น้อง (14 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.80-1.65 ม. ระดับน้ำลดลง
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมอบถุงยังชีพ 150,794 ชุด น้ำดื่ม 6,500 ขวด ยาเวชภัณฑ์จำนวน 1,000 ชุด กระสอบทราย 300,000 ใบ เครื่องสูบน้ำ 35 เครื่อง เรือท้องแบน 22 ลำ พล ร.9 และศูนย์ ปภ.เขต 2 สุพรรณบุรี จัดรถบริการรับส่งประชาชนและเรือท้องแบนให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ที่ประสบภัย
3.10 จังหวัดนครปฐม น้ำที่ระบายจากคลองพระยาบรรลือ คลองพระพิมล คลองบางเลน ไหลเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางเลน (15 ตำบล) เทศบาลตำบลบางหลวง เทศบาลตำบลลำพญา เทศบาลตำบลบางภาษี และเทศบาลตำบลบางเลน ระดับน้ำสูง 1.00-1.70 ม. อำเภอนครชัยศรี (14 ตำบล) เทศบาลนครชัยศรี (ชุมชนริมคลองบางแก้ว ชุมชนคลองเจดีย์บูชา) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.40-0.60 ม. อำเภอพุทธมณฑล (4 ตำบล) น้ำท่วมชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์ ริมคลองโยง และริมคลองทวีวัฒนา และอำเภอกำแพงแสน (4 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.50-0.70 ม. เนื่องจากน้ำในแม่น้ำท่าจีนระบายลงทะเลได้ช้า
การให้ความช่วยเหลือ
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ส่งเรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ จากศูนย์ฯ เขต 2 สุพรรณบุรี 3 ลำ ศูนย์ฯ เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ 4 ลำ และ ศูนย์ฯ เขต 8 กำแพงเพชร 3 ลำ รวม 10 ลำ รถบรรทุก 2 คัน ช่วยเหลือผู้ประสบภัย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครปฐมได้จัดถุงยังชีพ จำนวน 10,000 ชุด และน้ำดื่ม มอบให้อำเภอต่าง ๆ ที่ประสบอุทกภัย รวมทั้งสนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระพิมล รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 9,692,134.40 บาท
3.11 จังหวัดปทุมธานี ในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ อำเภอสามโคก และอำเภอลาดหลุมแก้ว ระดับน้ำสูง 0.50-0.95 ม. เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำหรับอำเภอคลองหลวง อำเภอธัญบุรี และอำเภอลำลูกกา ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรที่ติดกับริมคลองและพื้นที่การเกษตรบางส่วน ระดับน้ำสูง 0.15-0.30 ม. ระดับน้ำลดลง
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัดปทุมธานีได้ระดมสรรพกำลังจากทุกหน่วยงานไปช่วยเสริมกระสอบทรายริมแม่น้ำ เพื่อป้องกันมิให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่ พร้อมกับมอบถุงยังชีพผู้ประสบภัย 31,717 ชุด เรือท้องแบน 133 ลำ กระสอบทราย 2,415,204 ใบ เครื่องสูบน้ำ 127 เครื่อง น้ำขวด 45,500 ขวด สร้างสะพานไม้เป็นทางเดินชั่วคราว 68 แห่ง จัดรถบริการรับส่งประชาชน 4 คัน
3.12 จังหวัดนนทบุรี น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูงประกอบกับมีน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้มีน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำของอำเภอปากเกร็ด และอำเภอเมืองฯ ระดับน้ำสูง 0.40-0.60 ม. ส่วนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำของกรมชลประทานจากทุ่งเจ้าเจ็ดผ่านคลองพระยาบรรลือ และคลองพระพิมลทำให้มีพื้นที่น้ำท่วม 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางกรวย อำเภอบางบัวทอง อำเภอบางใหญ่ และอำเภอไทรน้อย ระดับน้ำสูง 0.50-1.80 ม.ระดับน้ำทรงตัว
การให้ความช่วยเหลือ
1) จังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนเรือท้องแบน 154 ลำ กระสอบทราย 1,768,495 ใบ เครื่องสูบน้ำ 169 เครื่อง เรือสุขา 3 ลำ ถุงยังชีพภาครัฐและเอกชน 38,204 ชุด สร้างสะพานไม้ชั่วคราว 68 แห่ง กำลังพลช่วยเหลือผู้ประสบภัย 1,379 นาย รวมทั้งช่วยเหลือด้านยารักษาโรค และจัดรถบริการรับส่งประชาชนและเรือท้องแบนให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ที่ประสบภัย
2) จังหวัดได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำคันดินกั้นน้ำในลำคลองสายหลักและลำคลองสาขา พร้อมประสานกรมชลประทานนำเครื่องสูบน้ำ และเครื่องผลักดันน้ำ เร่งระบายน้ำออกสู่แม่น้ำท่าจีน
3.13 กรุงเทพมหานคร สถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ฝั่งตะวันออกเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ยกเว้น พื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย และคลองมหาสวัสดิ์จะมีน้ำท่วมในช่วงที่มีน้ำทะเลหนุน โดยกรุงเทพมหานคร และทุกหน่วยงานยังคงปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
4. สิ่งของพระราชทาน
ในวันนี้ (16 พ.ย.49) มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยการนำของ นายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการ และคณะจากส่วนกลาง เดินทางไปมอบสิ่งของประพระราชทานแก่ราษฎร ที่ประสบอุทกภัย ในท้องที่จังหวัดนครปฐม ที่วัดบางไผ่นารถ ตำบลบางไทรป่า อำเภอบางเลน จำนวน 2,000 ครอบครัว
และที่ว่าการอำเภอนครชัยศรี อำนครชัยศรี จำนวน 2,000 ครอบครัว
5. การให้ความช่วยเหลือแก่จังหวัดที่ประสบอุทกภัย
5.1 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ดังนี้
(1) เครื่องจักรกล 171 คัน/เครื่อง เรือท้องแบน 174 ลำ รถผลิตน้ำดื่ม 2 คัน เต็นท์ยกพื้นพักอาศัยชั่วคราว 555 หลัง (อ่างทอง 177 หลัง พระนครศรีอยุธยา 88 หลัง สุโขทัย 20 หลัง นครสวรรค์ 50 หลัง อุตรดิตถ์ 124 หลัง น่าน 39 หลัง ชัยนาท 35 หลัง และ สิงห์บุรี 22 หลัง) พร้อมเจ้าหน้าที่ 642 คน และสนับสนุนถุงยังชีพ 80,359 ชุด ไปปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
(2) จ่ายเงินค่าจัดการศพ 199 ราย รายละ 15,000 บาท กรณีเป็นหัวหน้าครอบครัว รายละ 40,000 บาท เป็นเงิน 5,285,000 บาท (คงเหลือ 80 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการ) ทั้งนี้จังหวัดที่ประสบภัยได้ใช้จ่ายเงินช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ไปแล้ว 364.512 ล้านบาท
(3) จัดส่งถุงยังชีพ ข้าวสารอาหารแห้ง ผ้าขาวม้า ผ้าถุง รองเท้ายาง ไปสนับสนุนจังหวัด ที่ประสบภัย คิดเป็นมูลค่า 41,649,800 บาท
5.2 กรมชลประทาน ได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัยในฤดูฝนปี 2549 ทั่วประเทศ รวม 995 เครื่อง แยกเป็นเพื่อการเกษตร 419 เครื่อง การอุปโภค-บริโภค 14 เครื่อง และช่วยเหลืออุทกภัย 562 เครื่อง นอกจากนี้ได้ส่งเครื่องผลักดันน้ำช่วยเหลืออุทกภัยทั่วประเทศ จำนวน 37 เครื่อง แยกเป็นจังหวัดสมุทรปราการ 5 เครื่อง กรุงเทพมหานคร 12 เครื่อง สมุทรสาคร 6 เครื่อง สุพรรณบุรี 4 เครื่อง นครปฐม 4 เครื่อง พระนครศรีอยุธยา 2 เครื่อง และเพชรบุรี 4 เครื่อง
5.3 ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้ประสานงานให้ นขต.ศบภ.ทบ. จัดกำลังพล 268 นาย รถยนต์บรรทุก 21 คัน เรือท้องแบน 16 ลำ และชุดประปาสนาม จำนวน 2 ชุด ให้การช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ประสบอุทกภัย
6. ปริมาณน้ำฝน ตั้งแต่ 07.00 น วันที่ 15 พ.ย.49 ถึง 07.00 น วันที่ 16 พ.ย.49 วัดได้ ดังนี้
จังหวัดพัทลุง (อ.เขาชัยสน) 40.0 มม. จังหวัดสงขลา (อ.กระแสสินธุ์) 30.7 มม.
จังหวัดนครศรีธรรมราช (อ.ขนอม) 20.3 มม. จังหวัดชุมพร (อ.ละแม) 20.2 มม.
7. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ (ข้อมูลวันที่ 16 พ.ย.49) โดยกรมชลประทาน
- เขื่อนภูมิพล ปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 13,297 ล้าน ลบ.ม. (รับได้อีก 165 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 99 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด วันนี้มีการระบาย 9.93 ล้าน ลบ.ม.
- เขื่อนสิริกิติ์ ปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 9,443 ล้าน ลบ.ม. (รับได้อีก 67 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 99 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด วันนี้มีการระบาย 7.94 ล้าน ลบ.ม.
- เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 927 ล้าน ลบ.ม. (รับได้อีก 31 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 97 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด วันนี้มีการระบาย 0.88 ล้าน ลบ.ม.
8. สภาพน้ำท่าในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและแนวโน้มสถานการณ์น้ำ (ข้อมูลวันที่ 16 พ.ย.49 โดย กรมชลประทาน)
- ปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ 1,875 ลบ.ม./วินาที เมื่อเวลา 06.00 น. และยังคงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
- ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท 1,810 ลบ.ม./วินาที เมื่อเวลา 06.00 น. และยังคงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
- ปริมาณน้ำไหลผ่านอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2,456 ลบ.ม./วินาที (เขื่อนพระรามหกปิดการระบายน้ำ)
๐ ปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่บริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ลงไปถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้อยู่ต่ำกว่าระดับตลิ่งแล้ว ในขณะนี้กรมชลประทานได้ เร่งระบายน้ำออกจากทุ่งฝั่งตะวันตกลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำท่าจีนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี อำเภอบางเลน และอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
9. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา 17.00 น.
มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อนึ่ง ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางที่ปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยตอนบนอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ ขอให้ขับขี่ยานพาหนะด้วยความระมัดระวังในระยะนี้
10. สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งเตือนให้ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11,12 จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง ตรัง สตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ที่คาดว่าจะเกิดภัยให้เตรียมพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหา อุทกภัย วาตภัย ดินถล่ม และ คลื่นลมแรง ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่โดยจัดเจ้าหน้าที่อยู่เวรเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานงานกับ อำเภอ กิ่งอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากเกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้นในจังหวัดใด ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ฯ ที่รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนั้นจัดเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรกลเข้าสนับสนุนทันที
11. ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากมีสถานการณ์คืบหน้าประการใด จักได้ติดตามและรายงานให้ทราบต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ