กรุงเทพฯ--27 ม.ค.--สหมงคลฟิล์ม
คำถาม โดยส่วนตัวแล้ว ตลอดชีวิตการทำงานที่ผ่านมาของ เท่ง เถิดเทิงได้ให้ความสนุกให้ความสุขกับคนทั่วไปมากี่ปีแล้ว
คำตอบ ตั้งแต่วัยเด็กเลยนะ ตั้งแต่วัยเด็กตั้งแต่เริ่มเล่นลิเกรู้ตัวเองเลยว่าตัวเองมีความสุขมากเมื่อขึ้นบนเวที แล้วก็มีเสียงหัวเราะแล้วก็มีเสียงอะไรขึ้นมา มันเป็นความสนุกของเรา
คำถาม พอจำได้ไหมตั้งแต่อายุเท่าไหร่ กี่ปีมาแล้ว
คำตอบ ก็ตั้งแต่อยู่ ป.4 อ่ะประมาณ 10 ขวบอยู่หน้าเวทีมาตั้งแต่ 10 ขวบ
คำถาม แล้วตอนนี้กี่ขวบแล้วครับ
คำตอบ ตอนนี้ 39 แล้วครับ 30 กว่าปีแล้วก็จะมีห่างจากเวทีประมาณ 3 ปีช่วงไปอยู่อีสานแล้วนอกนั้นมาก็อยู่บนเวทีหมดเลย
คำถาม จนถึงวันนี้คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จรึยัง
คำตอบ ประสบความสำเร็จแล้ว ประสบความสำเร็จมาตั้งแต่เข้าวงการทีวีแล้ว ส่วนวงการหนังถ้าพูดว่าประสบความสำเร็จก็สำเร็จนะก็ประสบความสำเร็จแต่เราคิดมุมมองของเรามันเป็นงานของเราที่ก้าวไปอีกก้าวหนึ่งแต่ถ้าถามตัวเองว่า Happy ไหม Happy มานานแล้ว
คำถาม อะไรเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของพี่เท่ง
คำตอบ เออ จุดเปลี่ยนผมว่าคงเป็น...... จุดเปลี่ยนมันจะค่อย ๆ เปลี่ยนมาตั้งแต่สมัยก่อนเล่นลิเก แล้วก็เปลี่ยนอาชีพมาตระเวนอีสาน เพราะคิดว่าตัวเองจะไม่ได้ก้าวขึ้นเวทีอีกแล้ว เพราะไปตระเวนตรงนั้นมันค่อนข้างสมบุกสมบัน แต่สุดท้ายมันก็สิ้นสุดการเดินทางของตัวเอง สิ้นสุดความลำบาก แต่ประสบการณ์ที่ได้มาค่อนข้างเยอะมาก พอมาจั่วไพ่ใบสุดท้ายก็คิดว่ากลับมาเล่นลิเกดีกว่า
คำถาม จนถึงวันนี้แล้ว หม่ำ เท่ง โหน่ง คือนักแสดงตลกที่ได้รับการยอมรับจากคนทั่วประเทศ ที่ไปถึงระดับเดียวกับที่ เด่น เด๋อ เทพ หรือตลกคณะ เด๋อ ดู๋ ดี๋ ดอน แดงเคยประสบความสำเร็จอย่างขีดสุดในยุคก่อน เพราะถ้าเอ่ยชื่อนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก รู้สึกยังไงที่เราอยู่จุดตรงนั้น
คำตอบ ถามผม ผมจะมองเป็นยุค สมัยก่อนนู้นเป็น เด่น เด๋อ เทพ 3ตัวไม่มีใครไม่รู้จัก ไอ้คำว่าดัง ดังจริงนะ เค้าดังจริงๆ คือมา เด๋อ ดู๋ ดี๋ มา เทพ เพชร จิ๋มมีงานเยอะมากจริงๆ แต่ยุคนี้ไม่มีใครปฎิเสธไม่รู้จัก 3 ช่า และไอ้ 3 ตัวนี้ก็มาเล่นหนัง เล่นหนังเป็นพระเอก
คำถาม เมื่อก่อนก็มีนะ เทพบุตร ต๊ะ ติ๊ง โหน่ง มันเหมือนวัฎจักรเป็นยุค
คำตอบ เป็นวัฎจักรเป็นยุค ถ้าเรามองแบบนี้เราก็สบายใจ
คำถาม รู้สึกภูมิใจไหม
คำตอบ ภูมิใจ แต่เราก็ปกติและก็ต้อนรับคลื่นลูกใหม่ด้วยเราไม่ได้ร่วง ผมไม่อยากใช้คำว่าร่วงหรือตก มันเป็นคำอัปมงคลของชีวิตผมไม่ชอบ ใช้คำว่าเราอยู่ตัวแล้ว อยู่ได้ 2-3รายการและก็ไปทำธุรกิจหรืออยู่บ้านก็ได้
คำถาม ประสบความสำเร็จไหม กี่ปีแล้ว
คำตอบ 10 ปีแล้ว เร็วมาก
คำถาม ถ้านับจาก 7 ประจัญบานก็เกือบครึ่งทศวรรษแล้วนะ
คำตอบ ประมาณเกือบ 5 ปีแล้ว
คำถาม ความสำเร็จที่เกิดขึ้น ที่ผ่านการยอมรับจากผู้คน กว่าจะมาถึงจุดนี้ ได้ของ พี่เท่ง เองรวมทั้งพี่หม่ำ และพี่โหน่ง มันเหมือนกับว่าพวกพี่มีแนวคิดและรูปแบบที่ไม่เพียงมีเอกลักษณ์ ชัดเจนและเต็มไปด้วยความโดดเด่น ซึ่งผ่านการกลั่นกรองมาแล้วรอบหนึ่งจากพวกพี่ๆทั้ง 3 คนเอง คือถ้ามุขไหนแป๊ก แก๊กนี้ไม่ผ่าน ก็จะถูกยิงทิ้งจากพวกพี่ ๆ กันเอง
คำตอบ มันต้องทันยุคทันสมัยนะคนทั่วไปจะชอบ 3 ช่า ตรงที่ว่าคนดูจะไม่รู้ว่าไอ้ 3 คนเนี่ยะมันจะทำอะไร มันจะเล่นกันโดยที่ว่ามันจะพาเราไปไหนกัน เวลาเล่นบนเวที เรายังมีขำกันเองเพราะไม่ได้เตี้ยมกัน แต่ถ้าเราเตี้ยมกันอย่าคิดว่าคนดูจะไม่รู้ คนดูฉลาดกว่าเราเยอะ คนไทยทุกวันนี้มีความรู้
คำถาม ซึ่งในบรรดาแก๊งค์ 3 ช่าแต่ละคนเองก็ต้องมีพรสวรค์เฉพาะตัวพอที่จะรู้วิธีรับมือ รู้มุข ทันกันไปกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปด้วย จะมาเตี๊ยมกันอย่างเดียวไม่ได้ เพราะไม่งั้นจะโดนพี่หม่ำดักมุขตลอด
คำตอบ ไม่ได้ ไม่ได้เลยนะจะมา เตี๊ยมมุข เพราะพี่หม่ำเวลาเจอกัน เค้าไม่มาตั้งมุขเตี๊ยมมุขกับเรานะ แต่จะอำกันเวลาอยู่หลังเวที อย่างถ้าไอ้โหน่งไปเติม ไปแต่งตัวบ้า ๆแบบเต็มยศ พี่หม่ำก้จะ มึงจะเอาฮา ...ไปถึงไห....นฮะ ไอ้ห่าแต่งตัวแบบนี้กูก็ตายดิ อยู่ด้านหลังก็อำกันสนุกสนาน อยู่หน้าเวทีก็มีดักมุขบ้าง มันดูแล้วสนุกสนาน บลิ้วอารมณ์กัน คือก่อนบลิ้วคนดู เราต้องบลิ้วตัวเองก่อน
คำถาม มันคือความสด ความเป็นธรรมชาติใช่ไหม
คำตอบ มันเป็นธรรมชาติ ชิงไหวชิงพริบชิงโง่ชิงฉลาดกับบนเวที
คำถาม “เท่ง เถิดเทิง” สนิทกับการแสดงมากน้อยแค่ไหน
คำตอบ สนิทกับการแสดง ถือว่าเป็นสายเลือดเลยนะ การแสดงทุกอย่างทุกอย่าง อย่างหนังก็ OK ถ้าพูดแล้วจะไม่ใช่การแสดงบนเวทีแต่เวลาเอาไปฉายแล้วก็เหมือนแสดงบนเวที ทักษะคล้ายๆกัน
คำถาม ทำลิเกมาก่อนแล้วถึงค่อยมาเป็นตลกจนวันนี้เป็นพระเอกหนังแล้ว เคยคิดมาก่อนไหมว่าชีวิตจะโด่งดังมีชื่อเสียงขนาดนี้
คำตอบ ไม่เคยหรอก ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมาเป็นคนที่รู้จักทั่วประเทศ ถ้ารู้ก็มาตั้งแต่ตอน 8 ขวบแล้วกรุงเทพป่านนี้รวยไปแล้ว
คำถาม รู้สึกยังไงกับการเป็น “พระเอกหนัง”
คำตอบ พระเอกหนัง รู้สึกยังไงเหรอ มองคนอื่นเหรอ
คำถาม มองคนอื่นก่อนก็ได้ แล้วค่อยย้อนมองที่ตัวเราเอง เท่ง เถิดเทิง ที่ทั้งประเทศรู้จักเนี่ยะหละ
คำตอบ คนอื่น ก็สมควรแล้วเป็นพระเอกเค้าหล่อมีความสามารถ มองตัวเอง เป็นพระเอกหนัง มองได้ไม่ชัดเจนหรอกเป็นพระเอกหนังก็จริง ไอ้โหน่ง ไอ้เท่ง ไอ้หม่ำ 3 ตัวหรือตลกทั่วไปเป็นพระเอกหนังก็ได้แต่ต้องเป็นพระเอกหนังตลก มันก็ต้องมีโลโก้ของมันติดไปเรื่อยๆ แต่ใจจริงผมอยากทำ เอาตลกไปเล่นแต่เนื้อเรื่องต้องดีไปเรียกน้ำตาคนดูนั้นแหละให้คนอื่นลืมภาพตลกไปซะ แต่ทุกวันนี้หนังไทยก็ยังทำไม่ได้ เพราะว่าด้วยความที่ว่าเดินไปข้างนอกคนเห็นเราก็ขำแล้ว ยังไม่ทันจะพูดอะไรเลย ความคุ้นเคย โลโก้ความเป็นตลกแต่ถ้าเราบังคับเค้า คุณเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ คุณก็โดน ไปไหนไม่ได้เลยคุณจะต้องดูดูดู เนื้อเรื่องทำให้ซึ้งทำให้น้ำตาร่วงให้ได้ ผมอยากทำ อยากเห็น
คำถาม ย้อนกลับไปที่ว่า อย่างพี่เองไม่ได้มองว่าเป็นพระเอกเต็มตัวแต่จริงๆ เหมือนพระเอกหนังที่เราเห็นกัน แต่จนถึงวันนี้ พื้นที่เปิดกว้างขึ้น คือการยอมรับของคน พี่หม่ำมีหนังเล่นต่อเนื่องเยอะขนาดนี้ในบทพระเอก พี่โหน่งก็ดี โดยเฉพาะพี่เท่งยอมรับซะเถอะว่า เป็นพระเอกหนังแล้วรู้สึกยังไงบ้างกับการเป็นพระเอก
คำตอบ ถามผม ผมปกตินะไม่รู้สึกรู้ขวัญกับคำว่าพระเอก เพียงแค่ว่ามันเป็นผลงานของเราชิ้นนึงเท่านั้น ชิ้นนี้แฟนตอบรับชิ้นนี้แฟนไม่ตอบรับอะไรอย่างนี้
คำถาม โดยส่วนตัว การรับเล่นหนังแต่ละเรื่องอะไรคือองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เท่ง เถิดเทิงตัดสินใจเลือกเล่นหนังแต่ละเรื่อง
คำตอบ ผมจะอ่านบทดูก่อน บทดีเล่น บทไม่ดีก็ไม่อยากเล่น
คำถาม แสดงว่าจริงๆแล้วมีบทมาถึงมือให้เท่ง เถิดเทิงเล่นมากกว่าที่เราเห็น แต่เท่ง เถิดเทิงตัดทิ้ง เลือกไม่เล่น
คำตอบ ก็ไม่ได้คัดทิ้งหรอก อย่าเรียกว่าคัดทิ้งเราเลือก ก็ใช่ว่าของเค้าไม่ดีนะ ของเค้าอาจจะดีก็ได้แต่บังเอิญในสายตาเรา เราคิดว่าไม่เหมาะกับเรา เนื้อเรื่องมันไม่ชอบอ่ะไม่ชอบตัวละครตัวนี้มันน่าจะไปอีกอ่ะ
คำถาม มีบทแบบไหนเป็นพิเศษไหมที่อยากทำ อยากเล่น
คำตอบ ก็คงจะเป็นหนังของตัวเองในอนาคตอันใกล้
คำถาม แล้วเคยฝันอยากร่วมงานกับใครเป็นพิเศษไหม
คำตอบ ก็มีนะอย่าง นิโคลาส เคจ
คำถาม ถ้าลิเกคือจุดเริ่มต้นของเรา หนังคือส่วนใดในชีวิตของเท่ง เถิดเทิง
คำตอบ หนังคือส่วนอะไร ถ้ามานั่งคิดตอนนี้แล้วตัวเองยังไม่มีธุรกิจอะไรเลย เคยทำธุรกิจหลายอย่างแต่แล้วเราก็ไม่มีเวลาไปให้ แต่กับหนังมันก็อยู่ในแขนงเดียวกับอาชีพของเราแล้วเราก็มีโครงการที่อยากจะทำหนัง อยากจะผลิตหนัง
คำถาม คิดมานานรึยังกับโปรเจ็กต์ที่จะทำ
คำตอบ คิดมานานแล้ว
คำถาม ฟังๆ ดูแล้วพี่เท่งเองค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องรายละเอียดเล็ก ๆน้อย ๆตลอดจนองค์ประกอบต่าง ๆของงานแต่ละชิ้นที่ทำพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นหนัง งานพิธีกร หรือ ทุก ๆ อย่างที่ทำ ไม่ใช่แค่รับงานแสดงก็แสดงอย่างเดียว
คำตอบ ทุก ๆอย่างที่ทำ เพราะเราไม่อยากเอาเปรียบคนดู แล้วอีกอย่างเราก็ต้องศึกษาเค้าด้วยเพราะโครงการเราก็ต้องทำหนังของเราด้วย เราก็ต้องศึกษาอย่างโน้นอย่างนี้ มันเป็นยังไงภาพโน้นภาพนี้ ความชัดเจนบางทีก็ เฮ้ย ฉากนี้มันไม่ได้นะตรงนี้ มันต้องอย่างนี้นะพูดไปอย่างนี้ไม่ดีมั้ง ก็ไปคุยกับพี่โอ๋(พาณิชย์ สดสี)ซึ่งโดยส่วนตัวเราเองเวลารับหนังแล้วเราค่อนข้างให้ความสนใจหรือให้ความสำคัญ ไปถ่ายหนังอย่างนี้เราจะไปคุยกับผกก.ค่อนข้างจะรู้เรื่อง ไม่ใช่แค่พี่โอ๋นะกับทุกๆคนที่ผ่านมาแล้วทุกคนก็ Happy กับเราด้วยคือเราขอมีส่วนในตรงนั้น OK คือเราเสนอไปคุณไม่เอาก็ได้ มันเป็นสิทธิ์ของคุณอยู่แล้วเพราะคุณเขียนบทมา เขียนไดอะล็อกมาอย่างนั้น
คำถาม แต่ดูเหมือนว่าพี่เท่งเองก็สนุกในการได้มีส่วนร่วมตรงนี้ กับการทำงานรวมทั้งการนำเสนอไอเดียหรือความคิดต่าง ๆ ในการทำงาน
คำตอบ สนุก ฟังดูสนุกกับการทำงาน เพราะเราพูดรู้เรื่องหมดกับทุกคน แล้วอีกอย่างเวลาถ่ายและเวลาไม่ถ่าย เราค่อนข้างจะทำให้กองถ่ายมีความสนุก มีเสียงฮาปะปนตลอดเราชอบเล่นอะไรอย่างนั้น
พาร์ทสอง
พ่อบุญเท่งยอดยี่เกทรงเครื่องแห่งภูเขาทอง
คาแรคเตอร์ที่ไม่ห่างจากตัวตนของเท่ง เถิดเทิง
กับบทบาทย้อนยุคครั้งแรกใน “โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง”
คำถาม พี่เท่งคิดว่าความน่าสนใจของหนังเรื่อง “โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง”อยู่ที่ตรงไหน
คำตอบ อันดับแรกเลยคือการที่โหน่งกับ เท่งมา ประกบกัน แล้วก็ไอ้เรื่องความสนุกสนานชัดเจน เป็นหนังฮา สนุก หนังตลกชาวบ้านเรียกกันสั้น ๆว่าหนังตลก แต่สิ่งที่จะให้เกินความตลก คือ ภาพๆสวยๆ มุมมองหลายๆ อย่าง สำหรับการย้อนยุคเมื่อ 80 ปีก่อน สมัยนั้นกรุงเทพมีลักษณะเป็นยังไง ภูเขาทองมีลักษณะยังไง โลเกชั่นการแต่งกายที่เป็นผลพ่วงให้กับคนดู คือไอ้ความที่เสื้อพงเสื้อผ้า บรรยากาศนี้สมจริง แต่ความสนุกอยู่ที่คาแรกเตอร์
คำถาม แสดงว่ามีเซอร์ไพรส์ที่คนอาจจะคิดไม่ถึงว่า ถ้าเป็นโหน่งกับเท่งต้องตลกอย่างเดียว
คำตอบ มีมุมสวยๆ อย่างผมเล่นเป็นบุญเท่งเป็นพระเอกยี่เกทรงเครื่อง มีความเป็นลิเก โหน่งก็จะมีอารมณ์แบบน้อยโหน่ง ทั้งคู่เป็นเหมือนนักเลง เป็นเหมือนเสือแต่ไม่เหมือนเสือ เอ๊ะยังไง ดูๆแล้วดูเป็นเสือก็ไม่น่าจะใช่เป็นแมวก็ไม่เชิงคือ จะมีอารมณ์สนุกสนานอยู่ในนั้น แต่ เป็นนักเลงภูเขาทอง แต่พูดถึงนักเลงไม่น่าเป็นลิเกหนะ
คำถาม อย่างนี้ต้องมีการปรับโฉมเปลี่ยนลุคส์ เท่ง เถิดเทิงที่คนรู้จักใหม่ด้วยไหม
คำตอบ ก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไร มาเพียงแค่ทรงผมเท่านั้นเอง เค้าอยากได้ผมแสกกลางแบบโบร่ำโบราณแล้วข้างๆ ก็เหี้ยนๆหน่อยแบบกะลาครอบ ทรงมหาดไทย ไดอะล็อกก็ไม่เน้นมาก ว่าจะต้องเป็นไดอะล็อกย้อนไป เพราะถ้าไดอะล็อกย้อนไปเมื่อ 80 ปีที่แล้วก็จะมีผลกับการเล่นมุขของเรา สิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนแน่ๆ ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับเสื้อผ้า ทรงผม เครื่องแต่งกายและก็โลเกชั่นที่ต้องสร้างขึ้นมาใหม่หมดให้ได้บรรยากาศย้อนยุคของบางกอกเมื่อปีพ.ศ. 2466 อ้อแล้วก็มีชุดลิเก ชุดยี่เกต้องเรียกว่ายี่เกด้วยนะ เป็นยี่เกทรงเครื่อง เพราะบุญเท่งเล่นเป็นพระเอกยี่เกชื่อดัง
คำถาม เป็นชุดยี่เกที่เราไม่เคยเห็นมาเลยนะ
คำตอบ ใช่ เป็นชุดเมื่อสมัย 80 ปีที่แล้ว ทางผู้กำกับทางทีมงานก็ต้องไปหาข้อมูลว่ายี่เกกเค้าแต่งตัวยังไง คงจะเป็นสวมยอดไม่ได้เขียนหัวเหมือนกับลิเกยุคนี้
คำถาม ต่างกับลิเกทั่วไปไหม
คำตอบ มันต่างกัน ชัดเจนเลย คือการร้อง การรำ การแต่งกาย มันต่าง
คำถาม ชีวิตจริงพี่เท่งเองก็มีความผูกพันกับลิเกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
คำตอบ อืม ถ้าลิเกก็ถือเป็นสายเลือดเลย เราก็รักอาชีพนี้มาก กตัญญกับอาชีพนี้มาก ผูกพันมาก เพราะลืมตาอ้าปากก็ได้เห็นที่บ้านเป็นลิเก แล้ววิชาอาชีพที่ใช้ทุกวันนี้เอามาจากลิเกพูดเต็มปากเอามาจากลิเก
คำถาม พูดได้ว่าเป็นคาแรกเตอร์แรกในชีวิตที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับตัวจริงของเรา และเป็นคาแรกเตอร์ที่เราคุ้นเคยมาทั้งชีวิต
คำตอบ ใช่ เพราะว่าเกี่ยวกับลิเกด้วย แต่มันแตกต่างตรงที่ว่าการแต่งกายของลิเกยุคนั้นกับลิเกยุคนี้มันผิดแปลกกันเรื่อย
คำถาม เห็นชุดที่แต่งดูแปลกตา อย่างนี้ต้องใช้เวลานานไหมครับ
คำตอบ ไม่นาน เพราะเราเป็นลิเกอยู่แล้วเรารู้ว่าตรงนี้ใส่อย่างนี้ไอ้นี้ใส่แบบนี้ ไม่นาน แต่เรารำคาญการแต่งหน้ามากกว่าเพราะต้องแต่งหน้าขาววอกเชียว
คำถาม ช่วยเล่าให้ฟังถึงคาแรกเตอร์ของบุญเท่ง ลิเกหนุ่มแห่งภูเขาทองหน่อย
คำตอบ ดู ๆ แล้วก็ค่อนข้างจะส่วนหนึ่งในชีวิตหรือความเป็นเท่ง เถิดเทิงเลยนะ แล้วก็ชีวิตอยู่ในมุมของลิเก ก็เหมือนชีวิตเราจริงๆ ซึ่งเรารักลิเกของเราถ้าใครจะมากลั่นแกล้งถ้าใครจะมาเอาที่เอาทางของลิเกไปทำอะไรอย่างอื่น เรายอมไม่ได้ซึ่งมันก็เป็นผลของเรื่องนี้ที่เราจะไปบู๊กับกองถ่ายหนังของพวกฝรั่งมังคาที่เข้ามาถึงบางกอกเพื่อมาสร้างหนังไทยเรื่องแรกที่ชื่อว่า“นางสาวสุวรรณ”
รวมๆแล้วคือมันมีลิเกอยู่คณะนึงแถวภูเขาทองและมีคนดูกันมาก และลูกชายของโต้โผคณะนี้ก็คือเรา แต่ผลรวมๆในฉากแล้วเราไม่ได้โชว์ด้านลิเกมาก เพียงแต่บอกว่าไอ้นี้เป็นลิเก แต่มันมีกองถ่ายหนังต้องการที่ของเราไปทำอะไรก็ไม่รู้ แล้วลิเกก็จะไม่ได้เล่น ตรงข้ามก็มีฉายหนังคนก็จะไปดูหนังกันเราก็อยากให้ศิลปะตรงนี้มีอยู่ตลอดไปแค่นั้นเอง
คำถาม ในคณะลิเกมีนักแสดงที่เราคุ้นเคยกันมาร่วมสร้างสีสันด้วยใช่มั้ย
คำตอบ มีพ่อดม(อุดม ชวนชื่น) นุ้ย(ชวนชื่น) กิ๊บ โคกคูน เป็นสีสัน ซึ่งแต่ละคนก็แพรวพราว เข้าขากันนะนะ เคยแสดงด้วยกัน กับนุ้ยนี้นาน 10 กว่าปีแล้ว แต่ก็มีเล่นตามรายการบ้าง แต่เมื่อก่อนก็อยู่ด้วยกันนาน รู้ใจกัน คนอื่นเป็นสีสันเป็นชูรสมาเพิ่มเติมสีสัน อย่างพ่อดมไม่เคยร่วมงานกัน แต่เค้าเป็นลิเกทางลิเกเค้าชัดเจนเลย อีกอย่างเค้าเล่นเป็นพ่อเรา เวลาแสดงเค้าค่อนข้างเป็นลิเกชัดเจนเลยไม่มีปัญหา กับพ่อดมอารมณ์หลักๆก็จะประมาณพ่อเป็นโผลิเกใหญ่ซึ่งลูกชายเป็นคนมุทะลุต้องคอยตักเตือนคอยปรับ แต่ละฉากที่พอพวกเรามารวมกันจะไม่ฟิกตายตัว แต่จะมีซ้อมก่อนว่าใครมีอะไรมีอะไร ก็เอาตรงนั้นเลย เหมือนขึ้นเล่นตลก บนเวทีถ้าเราไม่นัดกันถ้าผิดพลาดไปเราก็จะมีให้อภัยกัน แต่นี้มีการบันทึกภาพบนแผ่นฟิล์มเราก็ต้องซ้อมก่อนไดอะล็อกอะไร
คำถาม นอกจากนี้ได้ข่าวว่ามีพี่ชายพี่เท่งมาร่วมแสดงด้วย
คำตอบ มีพี่ชาย อ๋อ พี่ชายก็ไม่มีอะไร พี่ชายก็เป็นมือฉิ่งมือฉาบอยู่ในคณะลิเก คือผมไม่รู้เลยนะว่ามีพี่ชายมาเล่นด้วย ไม่รู้เรื่องเลย ทีมงานเขาไปติดต่อกันเอง ก็ไม่ใช่ตัวหลักๆอะไร เป็นตัวผ่าน เป็นคนหนึ่งๆที่อยู่ในโรงลิเก
คำถาม ได้ข่าวว่าในโหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง ได้ประกบนางเอกระดับมิสไทยแลนด์เวิลด์เลยทีเดียว
คำตอบ ครับ น้องยา(นิกัลยา ดุลยา) น้องเค้าสวยนะได้เจอกันมาแล้ว ต้องมีฉากหอมแก้มน้องเขาด้วย ต้องบอกว่าน้องเขามีสปีริตในการทำงานสูงมากแทบทุกฉากนะ ไหนจะต้องถ่ายกลางแดด ถ่ายในน้ำซึ่งอากาศหนาวมาก เป็นนางงามไม่ชอบ มาเหนื่อยก็อย่างนี้แหละ อำของเราตามประสา น้องเขาอาจจะยังไม่คุ้นกับการแสดงแต่ก็ทำได้ดีนะ ความเป็นตัวของตัวเอง รูปร่าง หน้าตาเค้าออกจะไทยๆ แล้วเรื่องนี้นางเอกก็ต้องนิ่งๆหน่อย คาแรกเตอร์ก็ตรงกับเค้าเลย
คำถาม ถือว่าร่วมงานกับพี่โหน่งในจอเงินเป็นครั้งแรก
คำตอบ จริง ๆกับโหน่งเจอกันทุกวันทำงานด้วยกันมาหลายปีมาก ๆก็ไม่มีอะไรรู้ทางกันหมด มาเล่นด้วยกันก็ยิ่งสบาย ไม่มีอะไรน่าห่วง ก็จะเติมกัน อำกันตลอด สรรหามาเรื่อย เสนอเขาไปเรื่อยเน้นความสด สนุก ฮา ๆ เหมือนไม่ได้มาทำงาน
คำถาม ลองยกตัวอย่างการรู้ทางกัน
คำตอบ อย่างมีฉากหนึ่งที่ตัวบุญเท่งโดดน้ำลงไปช่วยนางเอกจนตัวเองจมน้ำ ในซีนนี้นางเอกจะดึงเราขึ้นมาจากน้ำ เราก็จะนอนตักนางเอกก่อนเสร็จแล้วทุกคนก็มุงดูแต่ไม่มีใครช่วย สุดท้ายก็ต้องผายปอด ซึ่งเราจะสลบไปแล้ว แต่เราได้ยินไอ้โหน่งตะโกนว่าต้องผายปอด อารมณ์ก็ต้องยิ้มหน่อยๆ เพราะนางเอกจะผายปอดเรา และมีการประกบปาก
คำถาม อันนี้คือสดและก็ถือเป็นเสน่ห์
คำตอบ เวลาเราเล่นอะไรกับโหน่งเราไม่รอดูผลจากในโรงภาพยนตร์หรอก เราดูตั้งแต่คนรอบข้างดูคนที่อยู่ในกองถ่ายแล้ว ยิ่งถ้ามีเสียงเฮนะ จะยิ่งรู้เลยว่าตอนฉายในโรงจะเป็นยังไง บางทีถ่ายไปแล้วผกก.OK แต่เราก็ขอถ่ายเผื่อเอาไว้ เหมือนหลวงพี่เท่ง และสิ่งที่ไอ้เราเผื่อๆเอาไว้ก็เต็มไปหมดเลย
คำถาม พูดถึงผู้กำกับหน่อย เห็นว่าเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแก๊งค์ 3 ช่ามาก่อน
คำตอบ อย่างผกก.พี่โอ๋เค้าก็เป็นโปรดิวเซอร์ ชิงร้อยชิงล้านอยู่แล้ว ทำงานด้วยกันมา10 กว่าปีแล้ว ถือว่าเข้าขากัน คือเค้าเห็นเรา เห็นไส้เห็นพุงกันหมดแล้ว เค้าก็ OK เวลาถ่ายทั้งเราทั้งเขาก็จะมีการเติมกัน แล้วดูว่าอันนี้ ตลก อันไหนฮา เอาไว้ อันไหนแป๊ก ไม่เอา ก็ต่างคนต่างเสนอ ทั้งผมเอง ทั้งไอ้โหน่ง หรือตัวผู้กำกับเขา ก็ดูว่าอันไหนเห็นมีการหัวเราะ มีการมีอะไรกัน เราก็OK มันรู้จักกันหมดแล้วเราก็คุยกัน เรามีหน้าที่ก็เล่นไป เอามึงไปเลือกเอาแล้วกัน อันไหนฮามึงก็เลือกเอา
คำถาม คุยกันมานานแล้วรึยังสำหรับโปรเจ็กต์ “โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง”นี้
คำตอบ คุยกันก็ค่อนข้างประมาณ 4 -5 เดือน(ก่อนเปิดกล้อง) คุยกันก่อนว่า ผมต้องไว้ทรงอย่างนี้ๆแต่งกายต้องอย่างนี้ๆ ซึ่งเค้าเอารูปแบบมาให้เราดู เราก็ยังเป็นห่วงเราไม่เคยเล่นหนังแนวพีเรียดแล้วเอาตลกไปเล่นด้วยมันค่อนข้างจะยาก
คำถาม ฟังดูแล้ว คือ ปรกติหนังทั่วไปที่พี่เท่งเล่น คือสวมตัวเองเข้าไปในวันที่ถ่ายเป็นหลัก แต่นี้เหมือนว่าเข้าไปเกี่ยวข้องการพัฒนาโปรเจ็กต์ตั้งแต่แรกเลย
คำตอบ ตั้งแต่แรกเลย คุยกันตั้งแต่เริ่มแรก
คำถาม โดยทั้งนี้ก็จะทำงานบนโจทย์ หรือบนโครงเรื่องหลักที่มีอยู่แล้ว อย่างนี้มีการพูดคุยกันก่อนไหม เพราะความเป็นโหน่งเท่งโดดเด่นขนาดนี้
คำตอบ คุยกัน คุยกันแกจะบอกเรื่องนี้เป็นอย่างนี้ ย้อนๆยุคหน่อย พอบอก เราก็จะมีความกังวลเกี่ยวกับไดอะล็อกย้อนยุคมันจะได้รึเปล่า การแต่งกายมันจะถึงไหม โลเกชั่นจะถึงไหมแต่เราก็เชื่อมือ Work point ตอนแรกไปเห็นฉากเห็นอะไรเราก็อู้โห OK เลย เรื่องที่เรากังวลก็หายไปเลย ไม่ว่าจะเป็นฉาก การแต่งกาย ไดอะล็อก เราก็คุยกับเค้า มีแค่กลิ่นอายเฉยๆว่าอาจจะมีคำว่า เอ็ง ข้า หล่อน อะไรนิดๆหน่อยๆ แต่คำพูดร่วมสมัยคงจะไม่มี
คำถาม บรรยากาศการทำงานเป็นอย่างไรบ้าง
คำตอบ ไม่ถือว่าสาหัสนะไม่เหนื่อยเหมือน 7 ประจัญบานหรือมือปืนโลกพระจัน เพราะนั่นเป็นหนังบู๊แต่นี้เข้าทางเราอยู่แล้ว โชว์ไดอาล็อค โชว์แอ็กติ้ง
คำถาม พูดอะไรถึง โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทองหน่อย
คำตอบ เป็นภาพยนตร์ที่เน้นอารมณ์ฮา เน้นความสนุกสนานสไตล์โหน่งเท่ง โดยให้ภาพความสวยงามของเรื่องราว และโลเกชั่นย้อนยุค ซึ่งจะมีอะไรมากกว่าหนังตลกทั่วไป เรื่องของนักเลง สองคนที่ดูไม่เหมือนนักเลงเลย คนหนึ่งเป็นลูกหลานลิเก อีกคนเป็นลูกหลานพระยาที่มาแท็คทีมกันปกป้องศิลปวัฒนธรรม ไม่ให้ต่างชาติเข้ามาสร้างหนังเพราะกลัวว่าจะส่งผลกับลิเก แต่ขณะเดียวกันก็จะมีเรื่องราวความรัก สนุกสนาน อมยิ้มของตัวบุญเท่งที่ไปรักนางเอกหนัง แบบดอกฟ้ากับหมาวัด เพราะเขาเป็นลูกขุนมูลนาย ขณะที่เสือน้อยโหน่งก็มาแอบหลงรักนางเอกลิเกซึ่งเป็นน้องสาวเราก็เลยอลเวงปนฮา สนุกครับสนุก ห้ามพลาด โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง 9 มี.ค.ทั่วประเทศ
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--