กรุงเทพฯ--23 ส.ค.--ไอเดียลิสท์ คอมมิวนิเคชั่นส์
บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ จับมือสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย สสปน. และสสว. จัดงานนิทรรศการแสดงสินค้าด้านดนตรีและศิลปะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคพื้นเอเซียแปซิฟิก” (MIND 2006) เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่งานด้านศิลปะและวัฒนธรรมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางภาคพื้นเอเซียแปซิฟิก คาดมีคนนับล้านทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมงานและเจรจาธุรกิจอย่างคึกคัก
บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด ร่วมกับสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ หอการค้าไทย สำนักงานส่งเสริมการประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัด “งานนิทรรศการแสดงสินค้าด้านดนตรีและศิลปะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคพื้นเอเซียแปซิฟิก” (The International Trade Exhibition, Conference, Workshop, and Special Events for Music & Art 2006) หรือ MIND 2006 ระหว่างวันที่ 7 — 11 ธันวาคม 2549 ณ ฮอลล์ 1 — 3 อิมแพค เมืองทองธานี เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่งานด้านศิลปะและวัฒนธรรมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางงานดนตรีและศิลปะของเอเซียแปซิฟิก และมีส่วนร่วมในการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบรอบ 60 ปี
นายภูษิต ศศิธรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด กล่าวในฐานะผู้จัดงาน MIND 2006 ว่า เราตั้งใจให้งานนิทรรศการครั้งนี้ยิ่งใหญ่ในระดับสากล
และเป็นศูนย์กลางการจัดงานดนตรีและศิลปะในเอเซียแปซิฟิก โดยจะเชิญผู้ประกอบการธุรกิจด้านดนตรีและศิลปะทั้งในและต่างประเทศมแสดงสินค้า และเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงแนวคิดในการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านดนตรี การสัมมนาส่งเสริมดนตรีสู่ผู้ประกอบการ เวิร์คช็อปดนตรีและศิลปะ การจัดแสดงเทคโนโลยีอุปกรณ์และเครื่องเสียงจากนานาประเทศ รวมถึงการสร้างโอกาสทางธุรกิจและโอกาสในการพัฒนาตนเองเข้าสู่เส้นทางสายดนตรี โดยภายในงานจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจและการผลิตผลงานเพลง การผลิตศิลปิน ให้ก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพในด้านธุรกิจดนตรี
“สิ่งพิเศษสุดในงานนี้คือ เป็นการรวบรวมความหลากหลายทางด้านดนตรี ไม่ว่าจะเป็นการแสดงสินค้า กิจกรรมเชิงวิชาการและ Workshop ทางด้านดนตรีซึ่งครอบคลุมทั้งด้านการแต่งเพลง การร้องเพลง เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องของเครื่องดนตรี การทำ Music Marketing และเรื่องลิขสิทธิ์เพลง เป็นต้น กิจกรรมบันเทิงต่างๆ ได้แก่เวทีกลาง ซึ่งจะมีการแสดงผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปในแต่ละวัน Musician Lounge แหล่งนัดพบคนดนตรี เพื่อพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมถึงการสร้างโอกาสทางธุรกิจและโอกาสในการพัฒนาตนเองเข้าสู่เส้นทางสายดนตรี Music Street ถนนคนดนตรีในงาน ที่มีเครื่องดนตรีของเหล่าคนดังจัดวางในถนนสายนี้ การแสดงดนตรีหลากหลายแนว นับตั้งแต่ ดนตรีคลาสสิก จนถึงร่วมสมัยตลอดทั้ง 5 วันทั้งฟรีคอนเสริต์ และคอนเสริต์การกุศล พร้อมทั้งจัดให้มีการประมูลเครื่องดนตรีของบุคคลที่มีชื่อเสียง ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งจะบริจาคเพื่อทำประโยชน์ให้สังคมอีกด้วย ” นายภูษิต กล่าว
งาน MIND 2006 จะมีผู้เข้าชมงานไม่ต่ำกว่า 1,000,000 คน ซึ่งประกอบด้วย ผู้ชื่นชอบงานด้านดนตรีและศิลปะ และประชาชนทั่วประเทศที่พร้อมมาชื่นชมพระบารมีและพระปรีชาสามารถ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้บริหาร กลุ่มนักธุรกิจ ผู้ประกอบการด้านดนตรี ศิลปะ และงานบันเทิง เหล่าศิลปิน นักดนตรี นักร้อง และผู้เชี่ยวชาญในห้องอัดเสียง กลุ่มผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์และเทคโนโลยีเครื่องเสียง ผู้เชี่ยวชาญด้านแสงเสียง ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์งานศิลปะทั้งในและต่างประเทศ
นายภูษิต ยังกล่าวด้วยว่า การจัดงานครั้งนี้ รายได้จากการเข้าชมงานจะน้อมเกล้าน้อมถวายเพื่อโดยเสด็จพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสอันเป็นปีมหามางคลยิ่งที่พระองค์ทรงครองสิริราสมบัติครบ 60 ปีและจะมีพระชนมายุครบ 80 พรรษาในปี 2550 อีกด้วย
นายวินัย พันธุรักษ์ นายกสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า สมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยฯ ได้ร่วมกับ “เอ็กซ์โปลิงค์” ซึ่งเป็นธุรกิจภาคเอกชน และภาครัฐจัด “งานนิทรรศการแสดงสินค้าด้านดนตรีและศิลปะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคพื้นเอเซียแปซิฟิก” (MIND 2006) เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่งานด้านศิลปะและวัฒนธรรมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางงานดนตรีและศิลปะของเอเซียแปซิฟิก และมีส่วนร่วมในการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบรอบ 60 ปี
ในงาน จะจัดให้มี Royal Pavilion เพื่อแสดงอัจฉริยภาพทางด้านดนตรี ความเป็น “องค์อัครศิลปิน” ของพระองค์ท่าน พร้อมทั้งยังมีกิจกรรมทางด้านดนตรีอีกมากมาย พร้อมทั้งคอนเสริต์เพื่อสมทบทุนสร้างอาคารของสมาคมฯ โดยได้รับเกียรติจากศิลปินชื่อดัง อาทิ คุณสุนทร สุจริตฉันท์ ตำนานเพลงดิ้นได้ พร้อมทั้งรวบรวมนักดนตรีที่มีฝืมือมารวมตัวกันในคอนเสริต์ครั้งนี้
นายประพัทธ์โชต งามขำ รองผู้อำนวยการบริหาร หอการค้าไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยในฐานะผู้สนับสนุน “งานนิทรรศการแสดงสินค้าด้านดนตรีและศิลปะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคพื้นเอเซียแปซิฟิก” (MIND 2006) จะได้เตรียมจัดกิจกรรมพิเศษ เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจด้านดนตรีและศิลปะทั้งผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้จัดจำหน่าย ได้มีโอกาสเข้าร่วมแสดงสินค้าและความสามารถของคนไทยในด้านการผลิตให้คนไทยได้ประจักษ์ โดยจะมีบูธจัดแสดงงานด้านดนตรีและศิลปะมากสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 500 ราย ทั้งนี้ เพื่อให้คนไทยได้เห็นและศึกษางานด้านดนตรีและศิลปะจากนิทรรศการนี้
ปัจจุบันนี้ผู้ประกอบการด้านธุรกิจดนตรีและศิลปะในประเทศได้มีการพัฒนาศักยภาพที่เพิ่มขึ้น จนก่อให้เกิดการพัฒนารูปแบบที่หลากหลาย และยังก่อให้เกิดผลต่อทางเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น ทางหอการค้าไทยเห็นว่า การจัดงาน MIND 2006 ในครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจด้านนี้ของไทยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เอกชน รวมถึงนักธุรกิจต่างประเทศที่จะได้เข้าถึงความสามารถของคนไทยในด้านนี้
นายวิทยา สินทราพรรณทร ผู้อำนวยการฝ่ายการแสดงสินค้า สำนักงานส่งเสริมการประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) กล่าวว่า “งานนิทรรศการแสดงสินค้าด้านดนตรีและศิลปะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคพื้นเอเซียแปซิฟิก” (MIND 2006) ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกในไทย นับเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่สามารถทำให้ประเทศไทยเป็นที่สนใจของกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจดนตรีและศิลปะจากทั่วโลก เพราะมีขนาดของการแสดงและการประชุมวิชาการที่ใหญ่ มีพื้นที่กว่า 15,000 ตารางเมตร และยังมีการจัดสัมมนาแลกเปลี่ยนบรรดาเหล่าศิลปินจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งในด้านธุรกิจ ศิลปะ วัฒนธรรม และบันเทิง เป็นการทำให้ต่างประเทศได้เห็นศักยภาพและความสามารถของคนไทยที่นำมาแสดงในครั้งนี้ ตลอดจนผู้ประกอบการศิลปินไทยเองก็ได้รับรู้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อใช้ในการพัฒนาให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
นางจิตราภรณ์ เตชาชาญ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. หนึ่งในผู้สนับสนุนงานครั้งนี้ เปิดเผยว่า สสว. จะมีส่วนร่วมในการระดมผู้ประกอบการด้านดนตรีและศิลปะที่เกี่ยวข้องร่วมออกงาน เพื่อเผยแพร่และยกระดับผลงานสร้างสรรค์ดนตรีและศิลปะ ตลอดจนทำให้เกิดการเจรจาทางธุรกิจและการค้าในระดับสากล
ปัจจุบันนี้ผู้ประกอบการด้านดนตรีและศิลปะของไทยมีศักยภาพและความพร้อมที่จะแข่งขันกับต่างประเทศได้ แต่ยังขาดการส่งเสริมสนับสนุนในด้านเงินทุนและการบริหารการจัดการที่ดี ซึ่งทาง สสว.มีนโยบายที่จะยกระดับธุรกิจเหล่านี้ให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น แทนที่จะอยู่ในลักษณะของกลุ่มอาชีพเท่านั้น ซึ่ง สสว. มีความเชื่อมั่นว่า ช่องทางด้านนี้จะเป็นตัวจักรสำคัญที่ทำให้การพัฒนาศิลปะของไทยมีความมั่นคงและเป็นพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดีได้อีกทางหนึ่งด้วย