ฟอร์ดประกาศพร้อมนำเทคโนโลยีแก๊สโซฮอล์ E20 สนับสนุนนโยบายรัฐ

ข่าวเทคโนโลยี Tuesday May 10, 2005 12:08 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 พ.ค.--โอกิววี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์
ฟอร์ด เป็นผู้นำตลาดยานยนต์เชื้อเพลิงทางเลือก Flexible Fuel Vehicles (FFV) ส่งรถ FFV สู่ตลาดโลกแล้วกว่า 1 ล้านคัน
ฟอร์ดมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำเทคโนโลยีเชื้อเพลิงเอทานอลในประเทศไทย ประกาศเผยแพร่เทคโนโลยีเชื้อเพลิงทดแทน E20 สู่ผู้บริโภคชาวไทย
ฟอร์ดร่วมมือกับบริษัทบางจาก ในการส่งเสริมเทคโนโลยี และการใช้เชื้อเพลิงน้ำมันแก๊สโซฮอล์ในประเทศไทย
ฟอร์ดสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการสนับสนุนให้ใช้แก๊สโซฮอล์ เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมัน ซึ่งต้องนำเข้ากรุงเทพฯ ประเทศไทย 10 พฤษภาคม 2548 — ฟอร์ด ในฐานะผู้นำของโลกอีกหนึ่งทางเลือกทางด้านเทคโนโลยีเชื้อเพลิง ประกาศสนับสนุนรัฐบาลไทยอย่างเต็มที่ในการส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันจากต่างประเทศ
มร. จอห์น ฟิลิซ ประธาน ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า “ฟอร์ดยินดีสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลไทยเรื่องการใช้แก๊สโซฮอล์อย่างเต็มที่ ปัจจุบัน รถยนต์ฟอร์ดเอสเคปทุกรุ่นของฟอร์ดสามารถใช้แก๊สโซฮอล์ ซึ่งมีส่วนผสมของเอทานอลอยู่ 10% ได้อยู่แล้ว แต่เรามีเป้าหมายที่สูงกว่านั้น คือฟอร์ดต้องการเป็นผู้นำรายแรกในด้านเทคโนโลยีเอทานอลในประเทศไทย เราเป็นผู้นำเทคโนโลยีรถยนต์ Flexible Fuel Vehicles หรือ FFV ที่สามารถใช้แก๊สโซฮอล์ที่มีส่วนผสมของเอทานอลในระดับต่างๆ กัน ตั้งแต่น้ำมันเบนซินธรรมดา ไปจนถึงน้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอลสูง 85% หรือที่เรียกว่า E85 ได้สบายๆ”
ตลอดระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมา ฟอร์ดได้ผลิตรถยนต์ที่ใช้เอทานอลตั้งแต่ E20-E85 เป็นเชื้อเพลิงออกสู่ตลาดแล้วกว่า 1 ล้านคัน ในประเทศบราซิล ทวีปอเมริกาเหนือ และประเทศสวีเดน โดยเฉพาะประเทศบราซิลซึ่งประสพความสำเร็จเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการเริ่มโครงการเชื้อเพลิงทดแทน National Alcohol Program ตั้งแต่ปี 2518 ซึ่งโครงการดังกล่าว รัฐบาลบราซิลได้ประกาศนโยบายลดการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง และหันมาใช้แหล่งพลังงานที่เอื้อต่อสิ่งแวดล้อมแทน ระหว่างปี 2528-2533 ประมาณ 90% ของรถยนต์ในประเทศบราซิลใช้เอทานอลเป็นเชื้อเพลิง และในปัจจุบัน ประเทศบราซิลมีรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงเอทานอลและรถ FFV อยู่กว่า 6 ล้านคัน
“จากความสำเร็จของฟอร์ดทั่วโลก เราหวังที่จะได้มีโอกาสถ่ายทอดความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเอทานอลของเราเอื้อประโยชน์แก่ประเทศไทย และหวังว่าจะได้นำรถยนต์ฟอร์ดที่ใช้เทคโนโลยีเชื้อเพลิงทดแทนเอทานอล มาให้ผู้บริโภคชาวไทยได้ขับขี่กันทั่วไป ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล วันนี้ หากผู้บริโภคชาวไทยมีความต้องการเชื้อเพลิงเอทานอล ฟอร์ดพร้อมแล้วทั้งเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อตอบสนอง” มร. ฟิลิซกล่าว
กระทรวงพลังงานของไทย ได้รณรงค์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของเอทานอลอย่างกว้างขวาง เพื่อให้ความรู้และกระตุ้นให้ผู้บริโภคไทยหันมาใช้แก๊สโซฮอล์กันมากขึ้น เอทานอล ซึ่งผลิตจากพืชผลทางการเกษตร เช่น อ้อย และมันสำปะหลัง เป็นต้น จะสร้างประโยชน์ให้แก่เกษตรกรไทยและภาคเกษตรกรรมของประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น นอกจากนี้ เทคโนโลยีเอทานอลยังจะช่วยลดปริมาณไอเสีย ทำให้มลภาวะทางอากาศลดลง อากาศสะอาดขึ้น รวมทั้งเอทานอลยังเป็นเชื้อเพลิงหมุนเวียน ที่ช่วยลดการพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่ใช้แล้วหมดไป และประหยัดเงินตราของประเทศไทยจากการลดการนำเข้าน้ำมันได้อีกด้วย
ฟอร์ดได้สาธิตประสิทธิภาพเทคโนโลยีเอทานอลเมื่อเร็วๆ นี้ โดยการจัดการทดลองขับรถยนต์ที่ใช้พลังงานทดแทน แก๊สโซฮอล์ E20 ของฟอร์ดที่สนามพีระเซอร์กิต จังหวัดชลบุรี โดยมีผู้แทนจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน และกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน และสถาบันยานยนต์ไทยเข้าร่วมทดสอบ
ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้ ได้มีโอกาสพบกับวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเชื้อเพลิงทดแทนหลากหลายชนิดจากอเมริกาเหนือและญี่ปุ่น รวมทั้งได้ทดลองขับฟอร์ด เอสเคป E20 ที่สนามแข่ง หลังจากทดลองขับแล้ว ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า ฟอร์ด เอสเคป E20 ยังคงมีสมรรถนะเป็นเยี่ยม
เครื่องยนต์ที่สามารถใช้เชื้อเพลิง E20 นี้ ใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง E10 ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้น้ำมันเบนซินธรรมดา หรือน้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอลได้สูงถึง 20% เนื่องจากเครื่องยนต์ดังกล่าวถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ สามารถอ่านค่าได้ว่าเชื้อเพลิงที่เติมในรถนั้น มีปริมาณเอทานอลผสมอยู่เท่าไร และเครื่องยนต์จะปรับการทำงานระบบเผาไหม้ของตัวเองโดยอัตโนมัติ ได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ เพื่อให้พลังแรง สมรรถนะสูงสุดอยู่เสมอ
เทคโนโลยี E20 เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุด และเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่เหมาะกับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยและสภาวะของสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน รวมทั้งยังเป็นเทคโนโลยีที่มีระดับราคาพอประมาณที่ผู้บริโภคชาวไทยสามารถจะเป็นเจ้าของได้
ความสำเร็จจากการทดสอบการขับขี่ เป็นผลมาจากความร่วมมือและการสนับสนุนจากบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้จัดหาน้ำมันเชื้อเพลิง E20 สำหรับการทดสอบ ความสำเร็จดังกล่าวนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของความร่วมมือระหว่างฟอร์ดและบางจากในการส่งเสริมเทคโนโลยี E20 ร่วมกันในอนาคต
ดร. อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เป็นนิมิตหมายที่ดี ที่มีบริษัทรถยนต์สนใจนำรถยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 มาจำหน่ายในประเทศ ซึ่งตามที่รัฐมีนโยบายอย่างชัดเจนในการที่จะส่งเสริมการใช้เอทานอลให้มากขึ้นในอนาคต การใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 จะเป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้นโยบายนี้มีโอกาสเป็นไปได้ จึงควรเร่งสนับสนุนอย่างจริงจังตั้งแต่วันนี้ เพราะรัฐได้ประกาศโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ ซึ่งกำหนดให้รถยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เสียภาษีสรรพสามิตในอัตราเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น จากปกติที่เสียภาษีในอัตราร้อยละ 30-50 ดังนั้นรัฐจึงควรเร่งส่งเสริมให้บริษัทรถยนต์ต่างๆ ผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีความยืดหยุ่นสามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่มีส่วนผสมของเอทานอลในระดับสูงถึงร้อยละ20 ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย บริษัทฯมีความสามารถในการขยายการผลิตและการจำหน่ายได้ หากมีความต้องการใช้ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20มากเพียงพอ การดำเนินการตั้งแต่วันนี้เพื่อให้มีปริมาณรถยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20มากขึ้น จะเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการใช้ในอนาคต ”
มร. ฟิลิซ กล่าวสรุปว่า “ความร่วมมือระหว่างฟอร์ดกับบางจากจะสร้างประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย ฟอร์ดจะนำเสนอรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ E20 ให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นปริมาณความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทน E20 ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้แก่ผู้ผลิตยานยนต์รายอื่น บริษัทน้ำมัน เกษตรกร และผู้บริโภคทั่วไป"
เอทานอล คือ อนาคตของพลังงานของประเทศ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมกันทำให้เป้าหมายนี้บรรลุผลได้ ฟอร์ดต้องการที่จะเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีเอทานอล ดังนั้น ฟอร์ดจึงมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยี E20 มาสู่ผู้บริโภคชาวไทย”
ฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี เป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก เพื่อป้อนตลาดต่างๆ กว่า 200 แห่งทั่วทั้ง 6 ทวีป โดยเป็นผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำหลายแบรนด์ ได้แก่ แอสตัน มาร์ติน, ฟอร์ด, จากัวร์, แลนด์โรเวอร์, ลินคอล์น, มาสด้า, เมอร์คิวรี่ และ วอลโว่ อีกทั้งยังมีบริการที่เกี่ยวข้องมากมาย ได้แก่ ฟอร์ด มอเตอร์ เครดิต และบริการเช่ารถโดยเฮิร์ทซ์ บริษัทฯ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกนและ มีพนักงานประมาณ 325,000 คน และมีโรงงาน 110 แห่งทั่วโลก เชิญแวะชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.fordvehicles.com.
ข่าวประชาสัมพันธ์
ติดต่อ: นที ศาสตร์ยังกุล
โทร. 0 2 686 4000 ต่อ 4635
โทรสาร 0 2 264 1006--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ