สวทช. หนุนเอกชนพัฒนาเทคโนโลยี ผลิตขนมไทยสู่ตลาดโลก

ข่าวเทคโนโลยี Tuesday February 28, 2006 12:47 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--สวทช.
2 ยักษ์ใหญ่ บริษัทอุตสาหกรรมขนมไทย ผนึกกำลัง สวทช. พัฒนาขนมไทยให้ก้าวไกลสู่ตลาดโลก ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยระดับสากล พร้อมถ่ายทอดผลงานวิจัยแก่กลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจรายย่อย หลังประสบผลสำเร็จเกินคาดกับแบรนด์ “สวัสดี” ที่มัดใจลูกค้าต่างชาติ โกยเงินเข้าประเทศมหาศาล กลางปี 49 เตรียมส่ง 2 แบรนด์น้องใหม่ “สวีดัส-เซย์ไฮ” จับกลุ่มลูกค้าในประเทศ พร้อมขยายสาขาเพิ่มหลายจุด
อุตสาหกรรมขนมไทย เป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีศักยภาพในการเติบโต สามารถก้าวไปสู่การส่งออกนำเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศได้ ซึ่งนอกเหนือจากรายได้ที่จะเข้าสู่ประเทศแล้วนั้น ขนมไทยยังสามารถสื่อถึงวัฒนธรรมของไทยไปสู่ชาวโลกได้อย่างชัดเจน
นายพีรวงศ์ จาตุรงคกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุตสาหกรรมขนมไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท อุตสาหกรรมขนมไทย ตั้งขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2546 ตามมติของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งเล็งเห็นว่ากลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจเกี่ยวกับขนมไทยมีศักยภาพที่จะสามารถผลิตสินค้าเพื่อส่งออกต่างประเทศได้ แต่ยังขาดการรวมกลุ่มและไม่มีความเข้มแข็งพอ จึงได้ตั้งบริษัท อุตสาหกรรมขนมไทย ขึ้นมาเพื่อพัฒนาวิสาหกิจเหล่านี้ให้มีความสามารถในการส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการจัดตั้งเพื่อเป็นองค์กรหลักในการจัดการ ส่งเสริม ผลิต และจำหน่ายขนมไทยทั้งภายในและต่างประเทศ อีกทั้งเป็นองค์กรหลักในการประชาสัมพันธ์การบริโภคขนมไทย ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะมุ่งมั่นพัฒนาขนมไทย เพื่อก้าวไกลสู่ตลาดโลก
“แรกเริ่มนั้นเราได้จัดตั้งร้านค้านำร่อง ภายใต้ชื่อ “สวัสดี” ณ อาคารผู้โดยสารขาออก Terminal 2 ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ มีขนาดพื้นที่ 52.5 ตารางเมตร เพื่อเป็นแหล่งสร้างรายได้หลักของบริษัทฯ และเริ่มจำหน่ายสินค้าแก่ชาวต่างชาติ ทั้งขนมสด ขนมอบแห้ง ผลิตภัณฑ์แปรรูป เครื่องดื่มไทย สแน็ค ฯลฯ โดยเป็นสินค้าที่นำมาจากกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมทั่วประเทศ รวมถึงกลุ่มสินค้าโอทอปที่ได้มาตรฐาน”
ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯ ได้ทำการวิจัยเพื่อเก็บข้อมูลพบว่าขนมไทยมีปัญหาหลายด้านทั้งเรื่องรสชาติที่มีความหวานมากเกินไป กระบวนการผลิตที่ยังไม่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ อีกทั้งบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพ ส่งผลให้ขนมแตกหัก จึงได้ขอความร่วมมือไปยังโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย(ITAP) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญที่มีความชำนาญและมีเครือข่ายทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เข้ามาช่วยพัฒนาเทคโนโลยีให้กับบริษัทฯ โดยเราได้นำผู้ประกอบการที่มีศักยภาพแต่มีปัญหาไปให้ ITAP ช่วยเหลือในการพัฒนาเพื่อให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น
“ขณะนี้มีผู้ประกอบการที่ดำเนินการร่วมกับ ITAP แล้วจำนวน 7 ราย และยังมีผู้ประกอบการรายใหม่ที่กำลังจะเข้าร่วมอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าแต่ละรายจะเห็นผลได้ภายใน 6 เดือน คาดว่าในปี 2459 นี้ทาง ITAP น่าจะช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการรายใหม่ได้มากถึง 20 ราย”
นายพีรวงศ์ กล่าวต่อว่า บริษัทฯ โชคดีมากที่มีโอกาสเข้ามาร่วมมือกับทาง ITAP ซึ่งผลที่ได้รับทางตรงก็คือทำให้ผู้ประกอบการผลิตสินค้าได้มาตรฐาน มีคุณภาพ ผลิตได้ตรงเวลา สามารถเก็บรักษาขนมได้นานขึ้น ส่วนทางอ้อมก็คือผลวิจัยที่ได้จากทาง ITAP สามารถเผยแพร่ไปสู่สินค้าในกลุ่มอื่นๆ ได้ อีกทั้งยังช่วยร่นระยะเวลาในการดำเนินการให้สะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนลดลง ที่สำคัญกว่านั้นคือเมื่อสินค้าของเรามีมาตรฐานและคุณภาพเป็นที่ยอมรับ ทำให้ยอดขายตามมาโดยอัตโนมัติ ผู้ประกอบการบางรายมียอดขายเพิ่มมากขึ้นถึง 3 เท่า ขณะที่บางรายพลิกจากการเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กขยับขึ้นมาเป็นผู้ประกอบการขนาดกลางเลยก็มี นอกจากนี้ทาง ITAP ได้เริ่มนำผู้ประกอบการไปสู่ระบบ HACCP ซึ่งจากเดิมเราหวังแค่มาตรฐาน GMP เท่านั้น นี่ถือเป็นจุดสูงสุดสำหรับสินค้าเพื่อการส่งออก
ปัจจุบันมีลูกค้าส่วนใหญ่กว่า 70% จะอยู่ในประเทศในแถบเอเชีย ประกอบด้วยประเทศจีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อีก 20% จะเป็นประเทศในแถบตะวันตก อเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย ที่เหลือจะเป็นคนไทยที่มีกำลังซื้อและชาวตะวันออกกลาง นายพีรวงศ์ กล่าวในที่สุด
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเข้ารับการสนับสนุนในโครงการ ITAP สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2564-8000 หรือ www.nstda.or.th/itap--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ