กรุงเทพฯ--28 ก.ค.--สหมงคลฟิล์ม
มาเข้าฉากบู๊ด้วยกันเพราะความเข้าใจผิดระหว่างนักมวยหน้าสวย ที่ล้มคนมานักต่อนักจากหลายสังเวียน “ตุ้ม” ปริญญา เจริญผล ที่มารับบทเป็น เกรซ และนางเอกหน้าใหม่ “หนูจ๋า จิณวิภา แก้วกัญญา” ที่ไม่น้อยหน้าไปกว่ากันเพราะมีพื้นฐานเทควันโดมาบ้างพอสมควร ในภาพยนตร์แอ๊คชั่น-แฟนตาซี เรื่องมนุษย์เหล็กไหล ซึ่งฉากนี้เป็นฉากที่เกรซกับแม่ (ดารุณี กฤตบุญญาลัย) ถูกพวกอุสมาห์ (ปูแบล็คเฮด) จับตัวไป ฌาน(บอมเบย์ วสันต์ กันทะอู) เพื่อนสนิทเดินทางมาพร้อมกับพูนิมาเพื่อออกตามหา แต่ระหว่างนั้นทั้งคู่ต้องแยกย้ายกันไปคนละทางโ ดยฌานออกไปตามหาแม่ และพูนิมาไปเจอเกรซกำลังถูกมัดอยู่กับผนัง พูนิมาจึงเข้าไปช่วยแก้มัดออกมา แต่ด้วยความที่เกรซเข้าใจผิดคิดว่าคนที่มาแก้มัดเป็นพวกผู้ร้าย เกรซเลยต่อสู้แบบไม่ยั้งไม่เปิดโอกาสให้พูนิมาอธิบายจุดประสงค์เลย
ซึ่งฉากนี้ถ่ายทำกันที่โรงงานรถไฟมักกะสัน มีการซักซ้อมคิวบู๊กันพอหอมปากหอมคอให้กับนักแสดงทั้งสอง จากนั้นทีมงานก็เอาน้องตุ้มไปมัดติดกับกำแพงโรงงานให้นางเอกมาแก้มัด พอถึงคิวที่นางเอกมาแก้มัดให้ยังไม่ทันจะปลดผ้าปิดตาออกมาน้องตุ้มก็วาดลวดลายแม่ไม้มวยไทยฟาดแข้งเข้าใส่ ฝ่ายนางเอกก็ได้แต่คอยรับมือโดยที่ไม่ลงมือทำอะไร ทั้งคู่ต่อสู้กันด้วยรูปแบบวิชามวยที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยทีมงานพันนา ฤทธิไกรออกแบบคิวบู๊ให้ฝ่ายน้องตุ้มต่อสู้แบบมวยไทยมีทั้งหมัด เข่า ศอก เหมือนชกมวยจริงบนเวที มีการขึ้นสลิงกระโดดขึ้นบนแท่นวางของสูงๆ กระแทกเข่าลอยลงมา ส่วนหนูจ๋านางเอกของเรื่องต่อสู้แบบกังฟู เทควันโด กระโดดลอยตัวฟาดแข้งกันหนักหน่วง ซึ่งในตอนแรกที่เริ่มถ่ายหนูจ๋าเล่าให้ฟังว่าตัวเองเตรียมใจรับมือการเจ็บปวดไว้บ้างแล้วเพราะตุ้มเป็นถึงนักมวยอาชีพ ต่อยคนล้มมานักต่อนักแล้ว ส่วนตัวเองเพิ่งจะเข้ามารับบทบู๊เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ฝ่ายตุ้มก็กลัวว่าน้องใหม่จะเจ็บตัวต่างฝ่ายต่างไม่กล้าลงมือจริง เตะต่อยกันเบาเกินไป จนกระทั่งผู้กำกับเห็นว่ามันออกมาไม่สมจริง ตุ้มจึงออกปากให้น้องใหม่เตะได้ไม่ต้องยั้ง เปิดทางให้นางเอกได้แสดงฝีมือเต็มที่กันไปในฉากนี้ ก่อนที่พระเอกของเรื่องจะมาคลี่คลายสถานการณ์ให้รู้ว่าทั้งสองเป็นพวกเดียวกัน
“ จริงๆ ฉากนี้ถือว่าเป็นฉากยากที่สุดในเรื่องนี้สำหรับตุ้ม เพราะวันนั้นมันมีฉากที่ตุ้มต้องกระโดดจั๊มสลับเข่าลอยบนโต๊ะที่อยู่สูงมาก กระโดดอยู่หลายเทคมาก แล้วที่นั่นก็ฝุ่นเยอะหายใจไม่ค่อยสะดวก ตื่นเช้ามาลุกไม่ได้เลย เหมือนเราไปชกบนเวทีใหญ่มา ก่อนจะถ่ายซีนนี้กันก็มีการซ้อมกับสตั้นและกับน้องจ๋ามาก่อน ทางทีมพี่พันนาจะสอนเรื่องการวางท่าให้ตุ้มด้วย คือถึงเราจะเป็นมวยแต่มันมาใช้กับในหนังไม่ได้เต็มร้อย การถ่ายหนังมันต้องมีความสวยงามในท่วงท่าด้วย จะต่อยยังไงให้ดูเหมือนแรงแต่ไม่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเจ็บมาก มันต้องเซฟนักแสดงด้วยไม่ใช่ว่าเอาแต่แรงอย่างเดียว ความปลอดภัยก็ต้องมีด้วยเหมือนกัน
ตอนแรกที่เข้าฉากนี้กับน้องจ๋า กลัวว่าน้องเค้าจะเจ็บเค้าเป็นผู้หญิงตัวบางมากแล้วฉากนี้ตุ้มเตะต่อยแบบไม่ยั้งเลยด้วย เรามีกล้ามเนื้อและก็เป็นนักกีฬาอยู่แล้ว แต่บางทีเราก็ลืมตัวนะพลาดไปโดนบ้างก็มี ตอนแรกๆ ก็จะเตะต่อยกันแบบเบาๆ ยั้งมือต่างฝ่ายต่างก็กลัวจะเจ็บกัน บู๊กันอยู่หลายเทค พี่อ๊อดผู้กำกับก็ยังไม่โอเคไม่ผ่านสักที จนพี่อ๊อดมาเปิดเทปให้ดูแล้วรู้สึกว่ามันไม่สมจริง มันไม่สนุก ตุ้มเลยบอกน้องจ๋าว่าให้เต็มที่เลยไม่ต้องยั้งยอมเจ็บกันทีเดียวแล้วผ่านดีกว่า วันนั้นทั้งตุ้มกับจ๋าก็มีรอยช้ำกลับไปด้วยกันทั้งคู่ ได้ข่าวว่าน้องจ๋ามีรอยเขียวเต็มตัวไปหมด ตุ้มเองก็หนักไม่น้อยลุกไม่ขึ้นเลยค่ะ อยากให้ไปชมฉากนี้กันค่ะตุ้มได้แสดงฝีมือมวยเต็มที่เลยค่ะ”
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net