กรุงเทพฯ--2 ต.ค.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
กทม. เคร่งมาตรการรักษาวินัยทางการคลัง ป้องกันภาระค่าใช้จ่ายปีถัดไป โดยปี 53 กำหนดการยืมเงินสะสม กทม. เฉพาะจ่ายเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง และสวัสดิการ หลังพบการจัดเก็บรายได้จากรัฐบาลและส่วนราชการอื่นไม่ได้ตามเป้า ส่วนของกทม. เองเก็บได้เกินเป้า 105.23%
ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงสถานการณ์การเงินของกรุงเทพมหานครในปีงบประมาณ 52 และมาตรการทางการคลังปี 53 ว่า จากสถานการณ์การเงินของกรุงเทพมหานคร สามารถจัดเก็บรายได้ 38,530.86 ล้านบาท เป็นรายได้ที่กทม. จัดเก็บได้ 11,943.80 ล้านบาท จากประมาณการ 11,350 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบแล้วสามารถจัดเก็บได้ 105.23% ส่วนรายได้ที่รัฐบาลและส่วนราชการอื่นจัดเก็บให้เป็นเงิน 26,587.05 ล้านบาท จากประมาณการ 34,650 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบแล้วสามารถจัดเก็บได้เพียง 76.73% ต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 8,062.94 ล้านบาท ซึ่งกทม. ได้เบิกจ่ายเงินจากจำนวนดังกล่าวแล้วถึงวันที่ 28 ก.ย. 52 เป็นเงิน 31,480.76 ล้านบาท
จากสถานการณ์การเงินการคลังดังกล่าว กทม. จึงได้กำหนดมาตรการทางการคลังในปี 2553 เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์การเงิน โดยหากต้องมีการยืมเงินสะสมกรุงเทพมหานครได้เฉพาะกรณีเพื่อจ่ายเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง และเงินสวัสดิการต่างๆ ส่วนกรณีอื่นให้ขออนุมัติเบิกจ่ายจากงบประมาณประจำปี 2553 เท่านั้น
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า หากต้องมีการยืมเงินสะสม กทม. จะพิจารณาเฉพาะโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่อาจมีความเสียหายต่อกรุงเทพมหานครเท่านั้น เพื่อเป็นการรักษาวินัยทางการคลังและมิให้เป็นภาระต่อการใช้จ่ายงบประมาณในปีถัดไป