กรุงเทพฯ--5 ต.ค.--สกศ.
รศ.ธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา เปิดเผยว่า สกศ.ได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปี ๒๕๕๓ จากรัฐบาล จำนวน ๒๔๑.๗๘๑ ล้านบาท และงบเงินกู้ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งอีกจำนวน ๔๑ ล้านบาท โดยได้กำหนดแผนงานที่จะดำเนินการที่สำคัญ คือ โครงการตามกรอบการปฏิรูปการศึกษารอบสอง เพื่อปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้อย่างเป็นระบบพัฒนาคุณภาพ เพิ่มโอกาสทางการศึกษา และส่งเสริมการมีส่วนร่วม ได้แก่ การพัฒนาคุณภาพคนไทยยุคใหม่ให้เป็นกำลังคนที่มีคุณภาพ มีสมรรถนะและความรู้ ความสามารถ ซึ่งต้องพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ จัดทำโครงการประเมินผลด้านการจัดการเรียนรู้ โครงการวิจัยและพัฒนามาตรฐานการศึกษาของชาติ โครงการวิจัยและพัฒนาการจัดการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชนที่มีความสามารถพิเศษ เป็นต้น การพัฒนาคุณภาพครูยุคใหม่ โดยพัฒนาระบบผลิตครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา และการใช้ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา เช่น โครงการวิจัยและพัฒนารูปแบบการผลิตและพัฒนาครูแนวใหม่ โครงการศึกษาข้อมูลเพื่อวางแผนการผลิตและการใช้ครู เป็นต้น
เลขาธิการกกศ. กล่าวอีกว่าการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาและแหล่งเรียนรู้ยุคใหม่ โดยจัดทำแผนงานพัฒนาสังคมแห่งการเรียนรู้ด้วยเศรษฐกิจพอเพียงและภูมิปัญญาไทย และ การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการใหม่ โดยกระจายอำนาจการบริหารและการจัดการศึกษาให้กับสถานศึกษาและเขตพื้นที่การศึกษา พัฒนาระบบ ธรรมภิบาลให้มีความโปร่งใส เป็นธรรมระบบการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ พัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรเพื่อการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ เป็นต้น โดยการดำเนินการตามกรอบปฏิรูปการศึกษาฯ มีกลไกขับเคลื่อนสำคัญ คือ คณะกรรมการนโยบายและคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา สถาบันคุรุศึกษาแห่งชาติ สถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาฯ การสนับสนุนการศึกษาทางเลือก และการขับเคลื่อนการกระจายอำนาจสู่เขตพื้นที่
“สกศ.ยังมีส่วนที่ต้องดำเนินการคือ โครงการที่สนับสนุนการดำเนินปฏิรูปการศึกษาฯ ได้แก่ โครงการศึกษาเปรียบเทียบการพัฒนาการศึกษาไทยกับนานาชาติ โครงการวิเคราะห์สภาวะและแนวโน้มการศึกษา โครงการศึกษาวิจัยพระราชกรณียกิจด้านการศึกษา ๙ รัชกาล เป็นต้น ทั้งนี้ตนได้ขอให้ข้าราชการเพิ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ต้นปี ซึ่งนอกจากจะขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สองให้รวดเร็วแล้ว จะสามารถใช้จ่ายงบประมาณมีประสิทธิภาพและส่งผลดีต่อการประเมินประสิทธิภาพการปฏิบัติงานอีกด้วย”เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวในตอนท้าย