บริษัท ดีเอชซี (ประเทศไทย) จำกัด แถลงผลประกอบการตั้งเป้ารุกตลาดเครื่องสำอางกว่า 450 ล้านบาทภายในปี 49พร้อมปรับกลยุทธ์ด้านสินค้าและช่องทางการจัดจำหน่าย

ข่าวทั่วไป Wednesday June 28, 2006 08:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 มิ.ย.--ดีเอชซี (ประเทศไทย)
บริษัท ดีเอชซี (ประเทศไทย) จำกัด ชูยอดขายอันดับหนึ่งสยายปีกความงามสู่สาวไทย เผยแผนรุกตลาด เน้นเจาะกลุ่มสาววัยทำงาน พร้อมปรับโฉมบริการจัดส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยระบบ “Beauty Express Service” ลั่นทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้าน พร้อมจัดโรดโชว์ — โปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง ประเดิมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ชูคอนเซ็ปต์ “กำเนิดผิวสวยอย่างมีสุขภาพดีจาก DHC” มั่นใจสิ้นปียอดขายพุ่งสูงกว่า 450 ล้านบาท
คุณทรรศนีย์ รัตนเรืองไร ประธานบริษัท ดีเอชซี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว DHC จากประเทศญี่ปุ่น เผยถึงมูลค่าผลประกอบการประจำปี 2548 ว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (Skin Care) มียอดขายสูงถึง 360 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมผลิตภัณฑ์ DHC ในปัจจุบันได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคชาวไทย โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าวัยทำงานเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยฐานสมาชิกกว่า 60,000 ราย นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ DHC ยังได้รับการโหวตจากนิตยสารชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีเป็นอันดับ 1 ในเรื่องความงามที่โทรสั่งได้จากญี่ปุ่น (Beauty Delivery) รวมถึงในประเทศไทยด้วย
ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลมาจากคุณภาพของผลิตภัณฑ์ซึ่งเกิดจาก การคิดค้นและพัฒนาศาสตร์ความงาม ด้วยการนำ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ (Olive Virgin Oil) จากประเทศสเปน ซึ่งเปี่ยมไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ อุดมด้วยวิตามินเอ วิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ ผสมผสานเข้ากับเคล็ดลับความงามต้นตำรับจากญี่ปุ่น เพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์อันเหมาะกับสภาพผิวของชาวเอเชีย โดยเฉพาะผิวของคนไทยได้เป็นอย่างดี ด้วยผลิตภัณฑ์อันหลากหลายซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ทุกวัย
สำหรับการปรับโฉมบริการจัดส่งผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่นั้น คุณวิศาล เมฆสมณะศักดิ์ ผู้อำนวย การฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดีเอชซี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงเน้นเรื่องการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภค โดยสามารถสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านทาง Call Center 02-3536-333 พร้อมบริการจัดส่งผลิตภัณฑ์ให้ถึงมือผู้รับในฐานะที่เป็น “Beauty Delivery - ความงามที่โทรสั่งได้จากญี่ปุ่น” และจากการจัดส่งผลิตภัณฑ์ในปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น การจัดส่งด้วยหน่วยรถขนส่ง และการจัดส่งทางไปรษณีย์นั้น ทางบริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบระบบตลอดเวลา และมีการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดีที่สุด
ด้วยเหตุนี้ทางบริษัทฯ จึงทำการพัฒนารูปแบบใหม่จนเกิดเป็นระบบ “Beauty Express Service” โดยลูกค้าในเขตกรุงเทพมหานครจะมีทีม “Express Service Messenger” คอยจัดส่งผลิตภัณฑ์ให้ถึงมือลูกค้าภายในเวลา 1 — 2 วัน สำหรับลูกค้าต่างจังหวัดจะทำการจัดส่งผ่านทางไปรษณีย์ (EMS) โดยจะถึงมือผู้รับเร็วขึ้นภายใน 3 — 4 วัน โดยระบบ “Beauty Express Service” จะให้บริการครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทย
ปัจจุบันทางบริษัทฯ ยังคงเน้นการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางหลักในระบบของ Beauty Delivery และ Mail Order นอกจากนี้ยังเริ่มขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และขยายฐานลูกค้าใหม่ไปยังห้างสรรพสินค้าชั้นนำ โดยขณะนี้ได้มีการนำผลิตภัณฑ์ DHC บางประเภทไปจัดจำหน่ายยังห้างสรรพสินค้า และในอนาคตอันใกล้นี้ ยังเตรียมขยายการจัดจำหน่ายไปสู่ธุรกิจค้าปลีก (Retail business) และจัดจำหน่ายสินค้า Tax Free ผ่าน King Power พร้อมปรับกลยุทธ์ทางด้านสินค้าให้เป็น Convenience Size มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การตลาดของผลิตภัณฑ์ DHC ประเทศญี่ปุ่น
ในการแถลงข่าวครั้งนี้ทาง บริษัท ดีเอชซี (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทำการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ “Twin City” โดย คุณอาภรณ์ ทรัพย์มนชัย หัวหน้าฝ่ายการตลาด- ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอาง บริษัท ดีเอชซี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้ทางบริษัทฯ จะเน้นเรื่อง Brand Image มากขึ้นว่า DHC คือผู้นำด้านผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (Skin Care) โดยภาพยนตร์โฆษณาชุด “Twin City” จะเน้นเจาะกลุ่มผู้หญิงวัยทำงาน ส่วนคอนเซ็ปต์จะตอกย้ำเรื่อง “กำเนิดผิวสวยอย่างมีสุขภาพดีจาก DHC” ซึ่งหมายถึง น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ในผลิตภัณฑ์ DHC ช่วยให้ผู้หญิงสามารถมีผิวสวยสมบูรณ์แบบโดยการบำรุงอย่างเป็นระบบครบ 4 ขั้นตอน (DHC 4-Step Skincare) เริ่มตั้งแต่การทำความสะอาดเครื่องสำอาง (Cleansing) การขจัดเซลล์ผิวเก่า (Washing) การเติมความชุ่มชื่นให้แก่ผิว (Moisturizing) และการบำรุงความชุ่มชื่นสู่ผิว (Nourishing) ตามลำดับ
ภาพยนตร์โฆษณาชุด “Twin City” จะเป็นการเล่าเรื่องราวผ่านผู้หญิงทำงาน 2 คน ซึ่งเป็นโครงการแลกเปลี่ยนพนักงาน คนหนึ่งเป็นคนไทยที่ไปทำงานที่ญี่ปุ่น และอีกคนจะเป็นผู้หญิงญี่ปุ่นที่มาทำงานในเมืองไทย ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะอาศัยอยู่กันคนละที่ แต่ทั้งสองก็สามารถสวยใสได้ด้วยผลิตภัณฑ์ DHC ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากประเทศญี่ปุ่น
คุณอาภรณ์ ทรัพย์มนชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางบริษัทฯ ได้ใช้ทีมงาน และผู้กำกับฝีมือดีจากประเทศฮ่องกงในการถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ ซึ่งเคยผ่านงานกำกับภาพยนตร์โฆษณาให้ กับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมาแล้วหลายต่อหลายเรื่องด้วยกัน ประกอบกับสองนักแสดงสาวมากความสามารถอย่าง Michiko Mishima นางแบบสาวชาวญี่ปุ่นที่มีผลงานโฆษณาปรากฏทั่วเอเชีย ส่วนนักแสดงสาวชาว ไทยนั้นเราได้ คุณจันทรนภา เพชรภักดี ซึ่งเคยผ่านงานโฆษณาหลายชิ้นด้วยกันมาทำงานร่วมกัน
ในปีที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ได้ดำเนินกิจกรรมประชาสัมพันธ์ และจัดโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มียอดขายเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ Deep Cleansing Oil ได้รับการตอบรับอย่างแพร่หลายในกลุ่มผู้ใช้เป็นวงกว้าง โดยปัจจุบันมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ได้ทดลองใช้และบอกต่อกัน
อย่างไรก็ตามในปี 2549 ทางบริษัทฯ ยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความงามด้วยการนำเข้าผลิตภัณฑ์ใหม่หลายประเภทตามความต้องการของตลาด โดยเน้นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่จากประเทศญี่ปุ่น โดยประเดิมตลาดด้วยผลิตภัณฑ์ Concentrate Powder Series สารสกัดเข้มข้นรูปแบบผงที่เก็บรักษาคุณค่าจากสารบำรุงไว้เป็นอย่างดีด้วยระบบ Freeze dry ใช้ดูแลผิวต่างๆ ที่เป็นกังวลได้อย่างล้ำลึก ไม่ว่าจะเป็นผิวที่ขาดความชุ่มชื่น เต่งตึง ผิวหมองคล้ำ หรือจุดด่างดำ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเยี่ยมจากผู้บริโภค และในอนาคตอันใกล้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะนำเข้าผลิตภัณฑ์ Anti Aging ที่เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าให้สวยใส ตลอดจนเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของ Anti Aging care เพื่อผิวที่สวยใส
นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ จะเน้นเรื่องของการจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ”Twin City” ผ่านทางสื่อโทรทัศน์ และนิตยสาร การจัดโปรโมชั่นพิเศษ ตลอดจนการจัดกิจกรรมโรดโชว์ไปตามสถานที่ต่างๆ ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการให้แก่ผู้บริโภค และขยายฐานไปสู่กลุ่มสมาชิกใหม่ได้อย่างทั่วถึง
สำหรับเป้าหมายทางการตลาด คุณทรรศนีย์ รัตนเรืองไร ประธานบริษัท ดีเอชซี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวทิ้งท้ายด้วยความมุ่งมั่นว่า “บริษัทฯ ได้วางแผนงบประมาณจำนวน 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประกอบไปด้วย สื่อโทรทัศน์ นิตยสาร เป็นต้น โดยทางบริษัทฯ มั่นใจว่าภายในสิ้นปีจะสามารถทำยอดขายได้สูงถึง 450 ล้านบาท คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้น 25 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีสมาชิกทั้งหมดอย่างน้อยประมาณ 80,000 คน”
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ