กรุงเทพฯ--5 ต.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน
หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้ชี้แจงตัวเลขสถิติการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2552 ว่าหดตัวร้อยละ 25.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์หดตัวอยู่ที่ร้อยละ 17.0 (จากที่หดตัวร้อยละ 17.7 ในเดือนก่อน) แต่คาดการณ์ว่าแนวโน้มการส่งออกจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้ผู้ประกอบการเริ่มมีกำลังใจ แต่ก็ยังคงกังวลถึงเรื่องต้นทุนการผลิตซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันในตลาดระดับโลก
ปัจจุบันทั้งภาครัฐและเอกชนต่างทราบถึงปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนด้านลอจิสติกส์ของไทยที่สูงถึงร้อยละ18.4 ของGDP และตระหนักดีว่าการบริหารจัดการระบบลอจิสติกส์และซัพพลายเชนอย่างมีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตด้านลอจิสติกส์ลงได้ และยังช่วยเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขัน เนื่องจากระบบที่มีศักยภาพช่วยให้กระบวนการผลิตเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น และสามารถนำส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าทันตามกำหนดที่เวลา หากธุรกิจใดทำไม่ได้ตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงกันไว้ก็ต้องเสียค่าปรับ หรืออาจเสียโอกาสทางธุรกิจไปเลยก็ได้ เนื่องจากการแข่งขันของตลาดนั้นสูงมาก และแข่งขันกันด้วยเวลา ดังนั้น เวลาจึงมีค่ามากสำหรับธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ไม่ว่าจะเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่ เรียกได้ว่าความต้องการขนส่งสินค้าด่วนนั้น ต้องด่วนให้ได้ในหลายระดับ
ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงมองหาผู้ให้บริการขนส่งด่วน ที่มีความชำนาญและไว้วางใจได้ทั้งในแง่ของบริการขนส่งด่วน และสามารถให้คำปรึกษาด้านโซลูชั่นการขนส่งด่วนอีกด้วย บริษัทผู้ผลิตและร่วมออกแบบสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (EMS) ที่ใหญ่เป็นอันดับสามในแหลมฉบัง เป็นตัวอย่างของผู้ประกอบการที่สามารถดึงความชำนาญของบริษัทผู้ให้บริการด้านขนส่งด่วนมาเพิ่มศักยภาพให้กับบริษัทในด้านการนำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์อย่างชาญฉลาด จนสาสามารถควบคุมบริหารต้นทุนและทำให้ธุรกิจเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
เนื่องด้วยบริษัทแห่งนี้เป็นผู้ผลิตสินค้าประเภทชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่บริษัทด้านเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำของโลก ความท้าทายของบริษัทแห่งนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของเวลาการขนส่งด่วน และความพยายามที่จะควบคุมต้นทุนด้านลอจิสติกส์ กว่า 10 ปีที่บริษัทแห่งนี้ใช้บริการด้านขนส่งด่วนของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ผู้ให้บริการแบบ one-stop service เพื่อลดความซับซ้อนในการติดต่อประสานงาน เวลา และค่าใช้จ่ายในการนำเข้าวัตถุดิบและส่งออกชิ้นส่วนที่ถึงแม้ขนาดจะเล็กแต่มีมูลค่าสูงไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัยและทันเวลา
นางชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ กรรมการผู้จัดการ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทยและภาคพื้น อินโดจีน กล่าวว่า “ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ทำงานกับลูกค้าของเราในฐานะพันธมิตรที่ดี มีความเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง เพราะมีทีมงานที่ชำนาญการ พร้อมรับฟังปัญหา และช่วยให้คำปรึกษาในเรื่องการขนส่งอย่างต่อเนื่อง เราเข้าใจดีว่าธรรมชาติของธุรกิจนี้ต้องการโซลูชั่นการขนส่งด่วนที่สอดคล้องกับออเดอร์และตารางการผลิตที่บ่อยครั้งค่อนข้างด่วนมาก เรามีหน้าที่หาวิธีว่าทำอย่างไรจึงจะนำเข้าวัตถุดิบมาให้ได้เร็วที่สุด เพื่อให้ทันต่อไลน์การผลิต และส่งออกไปให้ทันเวลา เราใส่ใจในงานของลูกค้าเหมือนเป็นงานของเรา”
เริ่มตั้งแต่เมื่อบริษัทให้ดีเอชแอลไปรับวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์ในประเทศจีน ทีมงานดีเอชแอล ประเทศไทย จะติดต่อไปยังทีมงานดีเอชแอลในประเทศจีนเพื่อให้ช่วยประสานงานกับซัพพลายเออร์ เรียกว่าพูดภาษาเดียวกันเพิ่มความมั่นใจและความรวดเร็วในการติดต่อไปได้มาก หลังจากที่วัตถุดิบเข้ามาถึงศูนย์กระจายสินค้าสุวรรณภูมิแล้วดีเอชแอลได้ช่วยดำเนินการพิธีศุลกากรให้ได้อย่างรวดเร็วและจัดส่งวัตถุดิบให้ถึงโรงงาน ในส่วนขาออก ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส มีบริการการส่งด่วนที่ยืดหยุ่นได้ตามความต้องการของลูกค้า เช่น บริการส่งออกด่วนถึง 9 โมงเช้า หรือ เที่ยงของวันทำการถัดไป บริการขนส่งด่วนที่การันตีจัดหาเที่ยวบินที่เร็วที่สุดให้สำหรับสินค้า (Next Flight Out) และบริการขนส่งด่วนที่สุดที่ให้พนักงานดีเอชแอลนำสินค้าขึ้นเครื่องด้วยตัวเอง นอกจากนั้น ดีเอชแอลยังมีบริการเพิ่มมูลค่าที่ช่วยให้ลูกค้าติดตามสถานะการส่งสินค้าแบบเรียลไทม์ หมดกังวลไม่ว่าสินค้าจะอยู่ในสถานะใด
ด้วยบริการขนส่งด่วนที่มีให้เลือกหลายประเภทตามความต้องการของลูกค้า ความชำนาญด้านพิธิการศุลกากร และเครือข่ายของดีเอชแอลที่ครอบคลุมถึง 220 ประเทศ และอาณาเขตต่างๆ ทั่วโลก เป็นจุดแข็งที่ทำให้ซีเลสติก้าไว้ใจในการบริการขนส่งด่วนมาตรฐานระดับโลกของดีเอชแอล
นอกจากนี้ ดีเอชแอลยังมีระบบแผนสำรองไว้เพื่อรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้า ที่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริงในช่วงระหว่างการปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อปลายปี 2551 จึงทำให้บริษัทแห่งนี้ยิ่งเชื่อมั่นในศักยภาพและเครือข่ายของดีเอชแอล
“การสื่อสารกันเพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างเราและลูกค้าถือเป็นหัวใจสำคัญที่ก่อให้เกิดการให้บริการที่มีประสิทธิภาพสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าได้ ไม่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร ดีเอชแอลยังคงยึดมั่นกับมาตรฐานการให้บริหารและหน้าที่ของเราในการเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของลูกค้าของเรา” นางชนัญญารักษ์ กล่าว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน ประเทศไทย
อรวรรณ ชื่นวิรัชสกุล หรือ พิชญ์พธู ไวยโชติ
โทรศัพท์ 0-2627-3501 ต่อ 212 หรือ 217
โทรสาร 0-2627-3510
อีเมล์ ochuenwiratsakul@th.hillandknowlton.com
pwaiyachote@th.hillandknowlton.com
ข้อมูลเพิ่มเติมดีเอชแอล
ดีเอชแอล ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ระดับโลก
ดีเอชแอล เป็นผู้นำระดับโลกทางด้านอุตสาหกรรมลอจิสติกส์ และ ”ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ระดับโลก” มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญพิเศษในด้านบริการขนส่งด่วนระหว่างประเทศ การขนส่งทางอากาศ ทางเรือ และทางบก ตลอดจนโซลูชั่นด้านลอจิสติสก์ต่างๆ และบริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศ ปัจจุบัน ดีเอชแอลมีเครือข่ายเชื่อมโยงครอบคลุมมากกว่า 220 ประเทศและอาณาเขตต่างๆ ทั่วโลก ด้วยบุคลากรกว่า 310,000 คนทั่วโลก ที่พร้อมมอบบริการที่รวดเร็ว วางใจได้ และเกินความคาดหวังของลูกค้าโดยได้รับการสนับสนุนจากทีมงานระดับท้องถิ่น ที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งนี้ ดีเอชแอลได้แสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมโดยการสนับสนุนการปกป้องสภาพภูมิอากาศ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยพิบัติ และการส่งเสริมด้านการศึกษา ดีเอชแอล เป็นหนึ่งในตราสินค้าของดอยช์ โพสท์ ดีเอชแอล ซึ่งสามารถทำรายได้กว่า 54 พันล้านเหรียญยูโร ในปี ค.ศ. 2008 กรุณาเยี่ยมชมที่เว็บไซต์ http://press.ap.dhl.com เพื่อรับทราบข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับดีเอชแอล ในเอเชีย แปซิฟิก
ดีเอชแอล ประเทศไทย ให้บริการขนส่งและลอจิสติกส์อย่างครบวงจรด้วยศักยภาพของ 3 หน่วยงาน ได้แก่ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ดีเอชแอลโกลเบิลฟอร์เวิร์ดดิ้ง และดีเอชแอล ซัพพลายเชน ที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับความสะดวกอย่างเต็มที่จากการติดต่อผู้ให้บริการเพียงรายเดียว (one-stop-shop) ซึ่งรองรับการขนส่งทุกรูปแบบ ตั้งแต่เอกสารไปจนถึงตู้คอนเทนเนอร์ โดยมีพนักงานกว่า 6,300 คนให้บริการอย่างมืออาชีพ ผ่านเครือข่ายและจุดบริการมากกว่า 70 แห่ง ที่ให้บริการครอบคลุม 76 จังหวัดทั่วประเทศไทย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมที่เว็บไซต์ http://www.dhl.co.th