ฟิทช์คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นแก่ตั๋วแลกเงินบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ F1(tha)

ข่าวทั่วไป Friday December 16, 2005 09:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะสั้นที่ระดับ F1(tha) แก่โปรแกรมการออกตั๋วแลกเงินอายุไม่เกิน3 เดือนซึ่งสามารถออกหมุนเวียนใหม่ได้ มูลค่าไม่เกิน 8 พันล้านบาทของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
อันดับเครดิตระยะสั้นของโปรแกรมสะท้อนถึงวงเงินสินเชื่อสำรองซึ่งได้รับจากบริษัท เอ็กซอนโอเวอร์ซี อินเวสต์เมนต์ คอร์ปอเรชั่น หรือ EOIC ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท เอ็กซอนโมบิล (ExxonMobil) โดยที่โปรแกรมได้มีการจัดวางเพื่อให้วงเงินสินเชื่อสำรองที่ได้รับดังกล่าวสามารถครอบคลุมมูลค่าตั๋วแลกเงินที่ออกตลอดอายุของตั๋วแลกเงิน นอกจากนี้ เอสโซ่ (ประเทศไทย) ยังจะรักษาวงเงินสินเชื่อสำรองที่มีอยู่ให้ครอบคลุมและมีไว้เพื่อชำระภาระหนี้สินระยะสั้นของบริษัท ซึ่งนอกจากตั๋วแลกเงินภายใต้โครงการดังกล่าวแล้วยังรวมถึงภาระหนี้สินระยะสั้นอื่นๆที่มีกำหนดการชำระภายในระยะเวลา 1 ปีข้างหน้าอีกด้วย
อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการสนับสนุนในด้านการดำเนินธุรกิจและการเงินจาก ExxonMobil (อันดับเครดิตสากลระยะยาวที่ระดับ AAA และระยะสั้นที่ระดับ F1+ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันครบวงจรที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก เอสโซ่ (ประเทศไทย) เป็นหนึ่งในบริษัทในเครือของ ExxonMobil ที่ดำเนินธุรกิจการกลั่นน้ำมัน การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมัน และการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่สำคัญในทวีปเอเชีย โดย ExxonMobil มีเงินลงทุนใน เอสโซ่ (ประเทศไทย) ประมาณ 1.0 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ เอสโซ่ (ประเทศไทย) ยังได้รับความช่วยเหลือจากบริษัทแม่ในการจัดหาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป รวมถึงมีต้นทุนการกลั่นที่ต่ำและมีชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักมานานในประเทศไทย บริษัทในกลุ่ม ExxonMobil ถือหุ้น 87.5% ในเอสโซ่ (ประเทศไทย) ในขณะที่สัดส่วนที่เหลือถือโดยกระทรวงการคลัง
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เอสโซ่ (ประเทศไทย) ได้รับผลประโยชน์จากการที่ค่าการกลั่นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้น ปริมาณความต้องการบริโภคน้ำมันในภูมิภาคที่สูงและอุปทานส่วนเกินของกำลังการกลั่นน้ำมันภายในประเทศที่ลดลง ค่าการกลั่นโดยเฉลี่ยในประเทศเพิ่มขึ้นจาก 1.7 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในปี 2545 เป็น 2.9 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในปี 2546 และ 5.3 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในปี 2547 และยังคงอยู่ในระดับที่สูงในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2548 แม้ว่าโรงกลั่นได้หยุดการผลิตเป็นเวลา 30 วันเนื่องจากกำหนดการซ่อมแซมเครื่องจักร เอสโซ่ (ประเทศไทย) ยังมีผลกำไรจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในปี 2547 โดยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า (EBITDAR) 1.13 หมื่นล้านบาท เทียบกับ 1.11 หมื่นล้านบาทในปี 2546
อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตระยะสั้นนี้ยังได้พิจารณารวมถึงสถานะการเงินที่ยังคงอ่อนแอของ เอสโซ่ (ประเทศไทย) อีกทั้งยังสะท้อนถึงลักษณะวัฏจักรที่ผันผวนของธุรกิจน้ำมัน รวมถึงภาวะการแข่งขันที่สูงในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันในประเทศ ณ สิ้นปี 2547 เอสโซ่ (ประเทศไทย) มีหนี้สินรวมเพิ่มขึ้นเป็น 6.77 หมื่นล้านบาท จาก 6.44 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2546 เนื่องจากดอกเบี้ยค้างชำระจาก Zero Coupon Bond โดยในส่วนของโครงสร้างหนี้สิ เอสโซ่ (ประเทศไทย) มีหนี้สินระยะยาวคิดเป็นร้อยละ 87 ของหนี้สินรวม ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเงินกู้จากบริษัทในเครือ ประกอบด้วย Zero Coupon Bond จำนวน 4.11 หมื่นล้านบาทและสัญญาเช่าทางการเงินจำนวน 1.83 หมื่นล้านบาท ส่วนหนี้สินระยะสั้นคิดเป็นร้อยละ 13 ของหนี้สินรวม ณ สิ้นปี 2547 เอสโซ่ (ประเทศไทย) ยังคงมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDAR ในระดับสูงที่ 6.1 เท่า เปรียบเทียบกับระดับ 6.1 เท่า ณ สิ้นปี 2546 อัตราส่วนหนี้สินของ เอสโซ่ (ประเทศไทย) คาดว่าจะดีขึ้นในปี 2548 และ 2549 โดยมีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของ EBITDAR และการชำระคืน Zero Coupon Bond บางส่วนก่อนกำหนดในช่วงไตรมาสสี่ของปี 2548 ในด้านสภาพคล่องทางการเงินเอสโซ่ (ประเทศไทย) มีเงินสดอยู่ที่ระดับ 1.7 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2547 และมีวงเงินสินเชื่อสำรองที่ได้รับจาก EOIC ที่ช่วยสนับสนุนสภาพคล่องของบริษัท แม้ว่าวงเงินสินเชื่อสำรองดังกล่าวจะครบอายุสัญญาในกลางปี 2549 เอสโซ่ (ประเทศไทย) คาดว่าจะได้รับการต่ออายุสัญญาออกไปอีก
ติดต่อ
วสันต์ ผลเจริญ, เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล, Vincent Milton +662 655 4755
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) เป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตแบบสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ท่านสามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวไว้ตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฏเกณฑ์ในการดำเนินธุรกิจรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ