กรุงเทพฯ--6 ต.ค.--ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำเลซอยอารีย์ ถนนพหลโยธินจัดเป็นทำเลยอดนิยมของคนซื้อคอนโด ผู้ประกอบการรายใหญ่รายย่อยต่างให้ความสนใจเปิดโครงการในซอยอารีย์จำนวนมาก จากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์พบว่าโครงการอาคารชุดในซอยอารีย์ที่เปิดตัวในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมามีทั้งสิ้น 14 โครงการ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 1,550 หน่วย มียอดขายแล้วประมาณร้อยละ 95 หรือ 1,450 หน่วย ในจำนวนนี้เป็นโครงการที่ก่อสร้างเสร็จแล้วประมาณร้อยละ 50 และจะก่อสร้างแล้วเสร็จทุกโครงการภายในประมาณต้นปี 2554
สำหรับโครงการที่เปิดตัวใหม่ในปี 2552 นี้มีทั้งหมด 4 โครงการหรือประมาณ 500 หน่วย อาคารชุดในย่านนี้มีราคาขายเริ่มต้นที่ประมาณ 7 หมื่นบาทต้นๆ ไปจนถึง 1 แสนบาทต่อตารางเมตร โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 87,000 บาท ประเภทของห้องที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือห้องชุดขนาด 1 ห้องนอน (ประมาณ 50 ตารางเมตร) กลุ่มผู้ซื้ออาคารชุดในย่านนี้จะเป็นกลุ่มคนไทยที่มีเงินออมซึ่งได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจขาลงไม่มากนัก ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำลงทำให้คนตัดสินใจมาซื้ออสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ทำเลซอยอารีย์ยังไม่เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติเนื่องจากไม่มีแหล่งที่อยู่อาศัยและบริการต่างๆเพื่อคนต่างชาติ
ผู้ประกอบรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ 3 บริษัทประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวโครงการอาคารชุด 4 โครงการย่านซอยอารีย์ตอนต้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งมีจำนวนหน่วยคิดรวมกันประมาณ 880 หน่วยหรือร้อยละ 56 ของจำนวนห้องชุดทั้งหมดในซอยอารีย์ โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 95,000 บาทต่อตารางเมตร มียอดขายและยอดจองเกือบหมด
โครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่นั้นได้เปรียบและได้รับความสนใจมากกว่าผู้ประกอบการรายกลางและรายย่อย ดังจะเห็นได้จากอัตราการขายที่ต่างกันค่อนข้างมาก โดยโครงการของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์มีอัตราการขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 35 หน่วยต่อเดือนในขณะที่โครงการจากผู้ประกอบการนอกตลาดอสังหาริมทรัพย์มีอัตราการขายที่ประมาณ 5 หน่วยต่อเดือน เนื่องจากผู้ซื้อไม่มั่นใจในสถานภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศ จึงให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของผู้ประกอบการค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการรายกลางและรายย่อยก็ไม่ได้ประสบปัญหาทางการขายมากนักเพราะผู้ประกอบการกลุ่มนี้มักเลือกจุดขายที่แตกต่างออกไป เช่น แข่งขันด้วยราคาต่อตารางเมตรที่ต่ำกว่า หรือด้วยจำนวนหน่วยที่น้อยและหรูหรากว่า โดยโครงการเหล่านี้มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณตารางเมตรละ 80,000 บาท มียอดขายและยอดจองรวมกันอยู่ที่ประมาณร้อยละ 85
พื้นที่ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดสำหรับผู้ประกอบการอาคารชุดคือซอยอารีย์ 2 ซึ่งมีอาคารชุดทั้งสิ้น 4 โครงการหรือประมาณ 400 หน่วย และซอยอารีย์ 4 ซึ่งมีทั้งสิ้น 4 โครงการหรือประมาณ 250 หน่วย อาคารชุดในย่านนี้จะมีความสูงไม่เกิน 8 ชั้นเนื่องจากถนนย่อยที่แยกจากซอยอารีย์ค่อนข้างแคบ มีความกว้างไม่เกิน 6 เมตรจึงทำให้มีข้อจำกัดทางกฎหมาย สำหรับโครงการที่เป็นอาคารสูงซึ่งพัฒนาโดยผู้ประกอบการรายใหญ่จะอยู่บริเวณซอยอารีย์ที่ไม่แยกเข้าถนนย่อยและซอยอารีย์ 1
สาเหตุที่ทำให้ซอยอารีย์กลายเป็นย่านยอดนิยมของผู้ซื้อและผู้ขายอาคารชุดคือทำเลที่ตั้งใกล้ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน และสถานอำนวยความสะดวกต่างๆมากมายเช่น กระทรวงการคลัง กรมสรรพากร กรมประชาสัมพันธ์ กรมธนารักษ์ สำนักงานใหญ่บริษัท IBM ธนาคารกสิกรไทย และโรงพยาบาลวิชัยยุทธ อีกทั้งสะดวกต่อการเดินทางเพราะอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าอารีย์ ทางด่วน และถนนสามารถเชื่อมต่อได้ทั้งถนนพหลโยธินและถนนพระรามที่ 6 ซึ่งทำให้เกิดทั้งอุปสงค์การซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงและเพื่อลงทุนโดยเฉพาะโครงการจากผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียง ดังจะเห็นได้จากการนำอาคารชุดมาขายต่อแม้ว่าโครงการจะปิดขายไปแล้วซึ่งแสดงถึงการลงทุนเก็งกำไรของผู้ซื้อ
โดยภาพรวมแล้วอาคารชุดในซอยอารีย์ยังสามารถขายได้อย่างต่อเนื่อง สวนกระแสเศรษฐกิจขาลงในปัจจุบัน กลุ่มผู้ซื้ออาคารชุดในย่านนี้จะประกอบไปด้วยทั้งคนรุ่นใหม่และเก่า เนื่องจากซอยอารีย์เป็นย่านที่อยู่อาศัยของคนมีฐานะในยุคก่อนในขณะที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านค้า และร้านอาหารครบครันสำหรับคนรุ่นใหม่ สำหรับการซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าก็ยังสามารถเป็นไปได้ ถึงแม้จะได้รับผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่สูงเหมือนช่วงสภาวะเศรษฐกิจขาขึ้น แต่ก็สามารถหาผู้เช่าทั้งไทยและต่างชาติในราคาสมเหตุผลได้