กรุงเทพฯ--6 ต.ค.--กรมศุลกากร
วันนี้ (วันอังคารที่ 6 ตุลาคม 2552) เวลา 15.30 น. นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดี กรมศุลกากร แถลงข่าวกรมศุลกากรจับกุมยาไอซ์ ปริมาณ 11.5 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 60 ล้านบาท ณ อาคารสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ
ตามที่กรมศุลกากร ได้กำหนดเป็นนโยบายที่สำคัญในการเร่งรัดการปราบปรามสินค้าที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และเป็นภัยต่อสังคมส่วนรวม นอกเหนือจากการปราบปรามสินค้าลักลอบหลีกเลี่ยงหนีศุลกากร เพื่อความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีและปกป้องสังคมและสิ่งแวดล้อม และจากการสืบทราบว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร จึงได้สั่งการให้ นายสมชาย พูลสวัสดิ์ รองอธิบดีด้านปราบปราม นางกรศิริ พิณรัตน์ รองอธิบดีด้านยุทธศาสตร์ และนายธนัท สุวัธนเมธากุล ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มอบหมายให้นายอนุชาติ ประยูรทอง ผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปราม สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินการวางแผนจับกุมผู้กระทำผิด
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2552 เวลาประมาณ 11.30 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและปราบปราม ได้รับแจ้งว่า มีผู้ลักลอบนำสินค้าประเภทของต้องห้าม ต้องกำกัด เข้ามาในราชอาณาจักร โดยเที่ยวบินที่ W55049 วันที่ 25 กันยายน 2552 ระบุผู้รับสินค้าปลายทาง ชื่อ SASITON KUNWONY สำแดงชนิดสินค้า เป็น BOOK และ NUT น้ำหนัก 50 กิโลกรัม เมื่อเจ้าหน้าที่อายัดสินค้าและเปิดตรวจ จึงพบว่า มียาไอซ์ซึ่งเป็นของต้องห้ามนำเข้าซุกซ่อนอยู่ น้ำหนักประมาณ 11.5 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 60 ล้านบาท โดยมีผู้รับสินค้ารายดังกล่าว คือ MR.ALI REZELIDOUST (นายอาลี รีไซดาส) ชาวอิหร่าน อายุ 35 ปี และมีนายวิชัย บุญมางาม เป็นผู้เดินเอกสารให้
กรณีดังกล่าวเป็นความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยมิได้รับอนุญาต เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร 2469 มาตรา 27 และพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ยึดของกลางเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สรุปผลการจับกุมสินค้าลักลอบ สำแดงเท็จ หลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามข้อกำกัด สินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ของสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 ถึงปัจจุบัน รวม 181 ราย มูลค่าของกลางกว่า 120 ล้านบาท