กรุงเทพฯ--8 ต.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตามราคาทองคำแท่งที่ยังขยับขึ้นอีกเมื่อคืนนี้ จากความวิตกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อ + กองทุนทองคำ SPDR ยังเข้าทยอยสะสมเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน อีกราว 8.80 ตัน อย่างไรก็ตาม การที่ราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นมาเร็วและแรงนั้น อาจต้องเผชิญกับแรงขายทำกำไรระยะสั้นๆ
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นเป็นขาขึ้น, MACD 30 นาทีเคลื่อนอยู่ในแดนบวกและได้ตัดเส้น Signal จากด้านล่างทำให้ดูทิศทางเป็นบวก, MACDF 30 เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวก ทำให้ดูราคาเป็นบวก, Fast Stochastic เคลื่อนตัวขึ้น ทำให้ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 59.83 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะสั้นยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Bull, แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $1,037 - $1,049 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.31 - ฿33.45
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางเป็นขาขึ้น, RSI อยู่ที่ระดับ 78.699 ถือเป็นระดับ overbought และทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกและได้ตัดเส้น Signal จากด้านล่างทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDFเคลื่อนอยู่ในแดนบวก ทำให้ดูทิศทางเป็นบวก, Fast-Stochastic เคลื่อนตัวอยู่เหนือเส้น Trigger ทำให้ ราคามีโอกาสจะกลับตัวลง ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Bull โดยจะใช้แนวต้านที่ $1,052 เป็นแนวต้านระยะกลางที่สำคัญ ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $1,020 และ $985 ตามลำดับ
ราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 16,450 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 16,580 หรือที่ $1,045.00) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ 130 บาท ขณะที่ราคาของ GFV09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 16,340 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 240 บาท ซึ่งเท่ากับว่า GFV09 มีส่วนลดมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การขาย (Short) ทองแท่งที่ร้านทองแล้วมาเปิดสถานะซื้อ (Long) GFV09 จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 240-130 = 110 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท ซึ่งยังคงไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยอีกราว 15 บาท ในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — เมื่อคืนนี้
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐเปิดเผยข้อมูลปริมาณสำรองน้ำมันดิบลดลง -1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดไว้ก่อนหน้าว่าจะเพิ่มขึ้น +2.2 ล้านบาร์เรล มาที่ 337.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 ต.ค. ส่วนปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น +0.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง +0.3 ล้านบาร์เรล มาที่ 171.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น +2.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง +1.0 ล้านบาร์เรล มาที่ 214.4 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น +0.4% มาที่ 85.0%
ตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยของสหรัฐ — หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล (WSJ) รายงานว่าบรรษัทจำนองสินเชื่อบ้านของรัฐบาลกลาง (เฟรดดี แมค) และสมาคมการจำนองแห่งชาติของรัฐบาลกลาง (แฟนนี เม) กำลังจัดทำโครงการเพื่อช่วยเหลือธนาคารสินเชื่อจำนองที่อยู่อาศัยอิสระให้เข้าถึงสินเชื่อระยะสั้นที่จะนำไปปล่อยสินเชื่อบ้านได้
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง +5 สต. มาปิดที่ 33.38 บาท จากที่ปิด 33.33 บาทเมื่อวันก่อนหน้า หลังแข็งค่าขึ้นไปในช่วงต้นของการซื้อขาย แต่หลังจากที่แตะแนวต้าน 33.36 พบว่ามีแรงขายบาทออกมามาก ซึ่งคาดว่าจะเป็นการแทรกแซงจากทางการ (ธปท.) เพื่อช่วยเหลือให้ผู้ส่งออก ขณะที่เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลงอีก +2 สต. มาที่ 33.40 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.31 บาทและ 33.25 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 33.45 บาทและ 33.53 บาท
กองทุนทองคำ — กองทุนทองคำ SPDR ได้รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 7 ต.ค.52 เพิ่มขึ้น 8.80 ตันจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,109.31 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.71 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 35.66 ล้านออนซ์
ปัจจัยลบ
ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์ปิดแข็งค่าขึ้น -$0.0035 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4682 จากที่ปิด $1.4717 เมื่อวันก่อนหน้า หลังตลาดหุ้นยังขานรับการประมูลพันธบัตรอายุ 10 ปีที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งได้หนุนความเชื่อมั่นในสินทรัพย์สหรัฐทั้งในหุ้นและพันธบัตร + ธนาคารกลางหลายชาติเข้าแทรกแซงไม่ให้เงินตนเองแข็งค่ามากไป ส่วนเช้านี้ดอลลาร์อ่อนลง +.0029 มาที่ $1.4711
ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. ร่วงลง -$1.31 มาที่ $69.57 ต่อบาร์เรล จากที่ปิด $70.88 ต่อบาร์เรลเมื่อวันก่อนหน้า โดยได้รับแรงกดดันจากการที่ EIA รายงานว่า อุปทานน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้นสูงเกินคาด ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. ขยับขึ้น +$0.38 มาอยู่ที่ $69.95 ต่อบาร์เรล หลังกลุ่มกบฏสำคัญในไนจีเรียขู่ที่จะโจมตีอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของไนจีเรียอีกครั้ง เมื่อข้อตกลงหยุดยิงที่มีอายุ 3 เดือนหมดอายุลงในช่วงต่อไปในเดือนนี้
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — คืนนี้
1. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ เวลา 19.30 น. โดยผลสำรวจคาดว่าจะอยู่ที่ 5.40 แสนราย ลดลงจาก 5.51 แสนรายในสัปดาห์ก่อนหน้า
2. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งและยอดขายส่งเดือนส.ค. เวลา 21.00 น. โดยผลสำรวจคาดว่า ปริมาณสินค้าคงคลังภาคค้าส่งของสหรัฐจะลดลง -1.0% ในเดือนส.ค. หลังจากลดลง -1.4% ในเดือนก.ค. และคาดว่ายอดขายส่งจะเพิ่มขึ้น +0.7% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น +0.5% ในเดือนก.ค.
ECB และ BOE — จับตาการประชุมในวันนี้ของ ECB และ BOE เกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมต่อไป แต่อาจบ่งชี้ถึงกำหนดเวลาของการยุตินโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเชิงปริมาณ
ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ