กบข. โชว์ผลงาน 9 เดือนแรกผลตอบแทนพุ่งร้อยละ 7.80 รับเศรษฐกิจฟื้น

ข่าวทั่วไป Thursday October 8, 2009 15:37 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 ต.ค.--กบข. กบข.โชว์ผลงาน 9 เดือนแรกของปีนี้ ให้ผลตอบแทนกว่าร้อยละ 7.80 หรือกำไรกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท หลังเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว ดันตลาดหุ้นคึก นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลังในฐานะประธานคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวถึงผลการดำเนินงานของ กบข.ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ( มกราคม - กันยายน 2552 ) ว่าผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ที่ระดับร้อยละ 7.80 หรือคิดเป็นเงินจำนวน 24,742.74 ล้านบาท โดยมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิส่วนของเงินสมาชิก (ไม่รวมเงินสำรอง) จำนวนทั้งสิ้น 348,150.55 ล้านบาท ในขณะเดียวกันหากพิจารณาผลตอบแทนจากการลงทุนย้อนหลัง 12 เดือน ( ตุลาคม 51 - กันยายน 52 ) อยู่ที่ร้อยละ 7.30 หากเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุนในปี 51 ที่ผ่านมาซึ่งติดลบร้อยละ 5.17 หรือคิดเป็นเงิน 16,997 ล้านบาท กับผลตอบแทนในปี 52 ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า กบข. สามารถพลิกฟื้นสถานการณ์กลับมาในทิศทางที่ดีขึ้นโดยมีกำไรสูงถึง 24,742.74 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าผลการขาดทุนในปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าภาพรวมผลการดำเนินงานของ กบข.ในปีนี้ ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านอย่างเห็นได้ชัด “สัญญาณเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤติการเงินที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ หลังจากรัฐบาลกลางในหลายประเทศทั่วโลก ได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินการคลังอย่างจริงจังและพร้อมเพรียงกัน ส่งผลให้การค้าการลงทุนทั่วโลกกลับมาขยายตัวอีกครั้ง และความเชื่อมั่นการบริโภค รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนก็เริ่มฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลให้การส่งออกของประเทศไทยในช่วงครึ่งปีหลังปรับตัวดีขึ้นตามเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเริ่มกลับมาอีกครั้งหนึ่ง โดยในช่วงที่ผ่านมาเงินทุนต่างชาติได้ย้ายเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียและตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 59.36 ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งจะช่วยสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีแก่สมาชิก กบข.” นายสถิตย์กล่าว ทั้งนี้ ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นของ กบข.นี้ ก็จะแสดงเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นในบัญชีของสมาชิก กบข. ทุกคน ซึ่งอยู่ในรูปมูลค่าต่อหน่วยที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากสมาชิก กบข.ท่านใดที่ต้องการติดตามสถานะ และการเปลี่ยนแปลงของยอดเงินในบัญชีของตนเอง ก็สามารถตรวจสอบยอดเงินในบัญชีด้วยตนเองได้ โดยเข้าใช้บริการของระบบ GPF Web Service ที่เว็บไซต์ กบข.www.gpf.or.th หรือจะเลือกใช้บริการของระบบโทรศัพท์ตอบรับอัตโนมัติ ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1179 กด 8 ทั้งนี้หากสมาชิกนำยอดเงินในบัญชีของตนเองที่แสดงในใบแจ้งยอดปี 2551 มาเปรียบเทียบกับผลการคำนวณตามวิธีการดังกล่าวข้างต้น ก็จะเห็นได้ว่ายอดเงินของสมาชิกแต่ละคนล้วนแล้วแต่มีการปรับตัวที่สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน อย่างไรก็ดี เนื่องจาก กบข. มีการลงทุนทุกวัน และผลตอบแทนจากการลงทุนในแต่ละวันจะถูกจัดสรรให้กับบัญชีของสมาชิก โดยใช้หลักเกณฑ์การคำนวณจำนวนหน่วยและมูลค่าต่อหน่วย ดังนั้น ยอดเงินที่แสดงผลในบัญชีของสมาชิกจึงอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ทุกวันตามมูลค่าต่อหน่วยที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวันด้วย นายสถิตย์กล่าวว่า “การรื้อฟื้นความมั่นใจและความเชื่อมั่นของสมาชิก กบข. นับเป็นภารกิจแรกที่สำคัญในการบริหารจัดการกลยุทธ์ โดยปัจจุบันการฟื้นฟูผลตอบแทนได้มีระดับปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง กบข.ยังคงย้ำถึงจุดยืนในการบริหารกองทุนว่า กบข. จะยังคงจับตาดูภาวะเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดและบริหารเงินออมของสมาชิกอย่างรอบคอบและระมัดระวัง” นางสาววริยา ว่องปรีชา รองเลขาธิการสายบริหารงานสมาชิก รักษาการ เลขาธิการคณะกรรมการ กบข. กล่าวว่า สำหรับสัดส่วนการลงทุนปัจจุบันของ กบข. ณ วันที่ 30 ก.ย.52 ประกอบด้วยการลงทุนในตราสารหนี้ไทยร้อยละ69.3 ตราสารหนี้ต่างประเทศร้อยละ5.6 อสังหาริมทรัพย์ไทยร้อยละ4.1 การลงทุนทางเลือกร้อยละ3.5 ตราสารทุนไทยร้อยละ8.9 และตราสารทุนในต่างประเทศร้อยละ 8.6 ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนส่วนใหญ่ในสินทรัพย์ที่ความมั่นคงสูงและให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างมั่นคง อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาถึงแม้จะอยู่ในช่วงของกระบวนการสรรหาเลขาธิการคณะกรรมการ กบข.คนใหม่ การดำเนินงานของ กบข.ในทุกๆ ด้านก็มิได้หยุดนิ่ง ผลการดำเนินงานที่ปรากฏได้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในความพยายามบริหารจัดการ ที่มีเป้าหมายมุ่งแสวงหาผลตอบแทนที่ดีให้แก่สมาชิก โดยอยู่บนหลักการของการลงทุนตามกรอบที่กำหนดในฐานะกองทุนเงินออมเพื่อการเกษียณของข้าราชการสมาชิกที่มีกว่า 1.17 ล้านคนทั่วประเทศ "นับต่อจากนี้ยังคงเหลือระยะเวลาการลงทุนต่อเนื่องต่อไปอีก 3 เดือนจนกว่าจะครบปี กลยุทธ์การลงทุนของ กบข. ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ยังคงต้องติดตามทิศทางตลาดเงินตลาดทุนต่อไปว่าจะมีการปรับตัวไปในทิศทางที่เป็นบวกมากขึ้นต่อไปเรื่อยๆ หรือไม่ พร้อมทั้งต้องติดตามถึงปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด อันได้แก่ ผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทั่วโลกควบคู่ไปกับการดำเนินโยบายทางการคลังแบบขาดดุลในแต่ละประเทศ ราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่อาจจะส่งผลกระทบให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ รวมถึงแนวโน้มที่ธนาคารกลางทั่วโลกอาจเปลี่ยนแปลงการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นนโยบายการเงินแบบเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมาจะมีผลกระทบต่อราคาตราสารทุนและตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ สำหรับปัจจัยภายในประเทศนั้นยังคงต้องติดตามปัจจัยทางด้านการเมืองและเสถียรภาพของรัฐบาลที่อาจกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อไป” นางสาววริยากล่าว ทั้งนี้ กบข. จะบริหารงานให้ดีที่สุด ด้วยความรอบคอบ มีการกำกับดูแลการบริหารความเสี่ยงและมีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด ตลอดจนมีการรายงานผลดำเนินงานต่อสมาชิกสม่ำเสมอทุกระยะ ศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก กบข. โทร. 1179 กด 6 member@gpf.or.th / www.gpf.or.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ