กรุงเทพฯ--8 ต.ค.--สหมงคลฟิล์ม
กำหนดฉาย 5 พฤศจิกายน 2552
แนวภาพยนตร์ แอ็คชั่น
บริษัทผู้สร้างและจัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
บริษัทดำเนินงานสร้าง จอไทย
อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
ควบคุมงานสร้าง มานพ อุดมเดช
ดำเนินงานสร้าง พรสุวีณ์ พันธุ์พงศ์พิพัฒน์
กำกับภาพยนตร์ มานพ อุดมเดช
เขียนบท มานพ อุดมเดช
กำกับภาพ พิพัฒน์ พยัคฆะ
ลำดับภาพ มานพ อุดมเดช
ออกแบบงานสร้าง สินพร คนซื่อ, จาตน บุญสถิตย์
ออกแบบเครื่องแต่งกาย ศุภวรรณ รอดเกิด
ดนตรีประกอบ ผไท พ่วงจีน
แต่งหน้า ธิฐิพล แฝงสีคำ
ทำผม อัศวา สินธรรมรุ่ง
สร้างภาพพิเศษ อณิกนินทร์ เปลี่ยนละออ, บริษัท เซอร์เรียล สตูดิโอ
เว็บไซต์ภาพยนตร์ www.thevanquisher.com
ทีมนักแสดง โสภิตา ศรีบาลชื่น, แจ๊คกี้ อภิธนานนท์, เกศริน เอกธวัชกุล,
พีท ทองเจือ และ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
“ผู้หญิงเสน่ห์เพชฌฆาต” เมื่อปฏิบัติการลับ ถูกปิดฉากด้วยการหักหลัง ภารกิจครั้งสุดท้าย จึงต้องดับลมหายใจคนทรยศ อย่าประมาท “คมดาบของผู้หญิง”
เรื่องย่อ
“กุนจา” (โสภิตา ศรีบาลชื่น) ตำรวจสายลับสาวฝีมือฉกาจในหน่วยปฏิบัติการพิเศษซีไอเอถูกองค์กรของตัวเองสั่งจับตายเพื่อปกปิดความลับสำคัญบางอย่าง หลังเสร็จสิ้นการปฏิบัติภารกิจลับครั้งใหญ่ที่ชายแดนของประเทศไทย แต่โชคยังดี เธอเอาชีวิตรอดมาได้ และเก็บตัวเงียบเพื่อรอคอย...วันล้างแค้น
สองปีต่อมา ข้อมูลลับของซีไอเอในทำเนียบขาวเกี่ยวกับการก่อวินาศกรรมวางระเบิดกรุงเทพฯ เพื่อป้ายสีขบวนการโจรก่อการร้ายในไทย เกิดรั่วไหลไปเข้าหู “วายิบ” (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) หัวหน้าโจรก่อการร้าย ทำให้เขาจำเป็นต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อปกป้องขบวนการของเขาให้พ้นจากการถูกใส่ร้ายครั้งนี้
ในขณะเดียวกัน ซีไอเอก็มอบหมายให้ “แคลร์” (แจ๊คกี้ อภิธนานนท์) มือสังหารหญิง-หัวหน้าหน่วยสายลับคู่ปรับเก่าของกุนจา พร้อมด้วย “หน่วยพยัคฆ์ดำ” ภายใต้การนำของทหารสายลับหญิง “ศิรินทร์” (เกศริน เอกธวัชกุล) และซามูไรนักฆ่า “มาซารุ” (พีท ทองเจือ) เข้ามาจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด เพื่อภาพลักษณ์ฮีโร่จอมปลอมที่โลก...ต้องยอมสยบ
เมื่อฝ่ายหนึ่งต้องการโยนความผิดเพื่อปกปิดความลับ ฝ่ายหนึ่งต้องการเปิดโปงโฉมหน้าอันชั่วร้าย และอีกฝ่ายหนึ่งเผยตัวขึ้นอีกครั้งเพื่อกลับมาชำระแค้นส่วนตัว
นั่นนำมาซึ่งสถานการณ์อันเลวร้ายในคืนที่มหานครศิวิไลซ์อย่างกรุงเทพฯ กำลังโดนก่อวินาศกรรมขั้นร้ายแรง พร้อมด้วยการไล่ล่าสังหารอันสุดแสนดุเดือดของ “กุนจา, แคลร์ และศิรินทร์” สามสาวสายลับฝีมือระดับพระกาฬที่ต้องเดิมพันภารกิจนี้ด้วยชีวิตของ...พวกเธอ
...ระเบิดเวลาทำลายล้างครั้งใหญ่กำลังถูกเปิดสวิตช์นับถอยหลัง...
รายละเอียดงานสร้าง
การกลับอีกครั้งของผู้กำกับหนังมือเก๋า “มานพ อุดมเดช” (หย่าเพราะมีชู้, ครั้งเดียวก็เกินพอ, กะโหลกบางตายช้า กะโหลกหนาตายก่อน, คืนบาปพรหมพิราม ฯลฯ) กับการเปลี่ยนแนวกำกับหนังแอ็คชั่นเพียวๆ เป็นครั้งแรกใน “สวย...ซามูไร” (VANQUISHER) ผลงานเรื่องใหม่ล่าสุดในแนวแอ็คชั่นที่มีเนื้อหาอันเป็นสากล อิงสถานการณ์ของโลกที่คุณไม่อาจเมินเฉย
“ความเป็นมาของหนังเรื่องนี้มันมีพัฒนาการค่อนข้างจะยาวนาน หลังจากหนังแอ็คชั่นจากประเทศไทยอย่าง ‘องค์บาก’ ออกไปแล้วมันเป็นอะไรที่ได้รับความนิยมมาก ก็มีความคิดขึ้นว่าเรายังขาดหนังแอ็คชั่นที่เกี่ยวกับผู้หญิงและในตลาดที่เห็นๆ มันยังไม่มีอะไรที่ใหม่พอ เลยเกิดความคิดเต็มที่ที่จะทำเป็นหนังสไตล์แอ็คชั่นแฟนตาซี แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ผ่านความคิด มีการพูดคุย มีการหารือจนกว่าจะตกผลึกทางความคิดให้มากที่สุด
ในที่สุดก็เราก็ตัดสินใจเลือกแนวในเหตุการณ์ปัจจุบันซึ่งให้มันมีลักษณะของการอิงกระแสเหตุการณ์ของโลกด้วยอย่างเช่น กระบวนการก่อการร้ายสากลต่างๆ พวกนี้นะครับ ก็เลยโฟกัสให้มันอยู่ในความคิดแนวนี้ โดยให้เป็นเรื่องราวของพวกสายลับฝ่ายไทยที่เป็นตำรวจหญิงได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ต่างๆ ตามสไตล์ของหนังสายลับนี้ แล้วก็จะมีการหักหลังกันซับซ้อนครับ”
นอกจากเนื้อหาอันเป็นสากลโลกแล้ว หนังแอ็คชั่นเรื่องนี้ยังมีถ่ายทอดฉากแอ็คชั่นแปลกใหม่ไม่ซ้ำแนว แปลกตาไม่ซ้ำใคร ที่ผ่านการระดมความคิดและดีไซน์ออกมาให้ดูสนุกในทุกฉาก ผสมกลิ่นอายการต่อสู้ของโลกตะวันออกผ่านเรื่องราวของหนังที่ยกระดับ “ความเป็นนักสู้เพศหญิง” ไว้จนคุณต้องอึ้งและยอมสยบ
“ไฮไลต์ของหนังซึ่งเป็นเป้าหมายของเราก็คือ ต้องการที่จะขายแอ็คชั่นแนวใหม่ซึ่งหนังเรื่องนี้จริงๆ ไม่ได้เป็นการเน้นในเรื่องของ Martial Art ไม่ได้เน้นในสไตล์แบบที่เราคุ้นเคยนะครับ แต่ว่ามันจะมีลักษณะของการผสมผสานแอ็คชั่นรูปแบบต่างๆ ทั้งฟันดาบ, ยิงปืน, ขี่มอเตอร์ไซค์ผาดโผน, การต่อสู้ด้วยมือเปล่า ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะเป็นแอ็คชั่นในแบบ Realistic สมจริงมากๆ นะครับ
จะเรียกว่ายกย่องนักบู๊หญิงของไทยก็ได้นะครับ คือมันน่าจะมีผู้หญิงเยอะที่อยากจะเล่นหนังบู๊แต่โอกาสเขาไม่ค่อยมี อย่างในสมัยก่อนโน้นมันก็มีอย่าง ‘คุณปุ้ม-ม.ล.สุรีวัลย์ สุริยง’ หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยจะมีใครที่เด่นๆ เท่า เพราะว่าเราก็ไม่ค่อยจะเชื่อว่าผู้หญิงจะสามารถบู๊ได้ แต่ในความเป็นจริงโลกปัจจุบันเนี่ยผู้หญิงเวลาบู๊แล้วมันมันส์ได้ใช่ไหม กลับมาอีกทีเราก็เห็นแล้วก็คือมี ‘คุณจีจ้า ญาณิน’ นะครับ นี่ก็คือนักบู๊หญิงอันดับหนึ่งของบ้านเราและในย่านเอเชียนี่ก็ต้องถือว่าเขาเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ขึ้นมานะครับ
นอกนั้นก็จะมี ‘คุณนุ้ย เกศริน’ ที่เข้ามาตั้งแต่เรื่อง ‘เกิดมาลุย’ ก็จะเป็นคนที่มีความสามารถสูงทีเดียว และมาเรื่องนี้ก็คงจะมี ‘น้ำฝน โสภิตา’ นี่แหละครับ ก็ถ้า ‘สวยซามูไร’ ได้รับการต้อนรับดีในระดับหนึ่งเนี่ยบ้านเราก็จะมีนักแสดงบู๊ผู้หญิงเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งนะครับ
อย่างน้ำฝนไม่เคยเล่นหนังมาก่อนจริงๆ จังๆ มาเล่นเต็มตัวเรื่องแรก มันเหมือนมีการบ้านระดับหินเลย เอาเป็นว่าไปดูหนังแล้วจะแปลกใจจากคนซึ่งไม่มีพื้นฐานด้านศิลปะป้องกันตัวเลย แต่พอดูหนังแล้วคุณอาจจะบอกว่าทำไมมันเก่งจังอะไรอย่างนี้นะ ซึ่งแต่ว่าถ้าหากถามการทำงานโอ้โหเหนื่อยจริงๆ ครับ ไม่ใช่ธรรมดา มันเนื้อยเหนื่อยเลยล่ะ
หนังแอ็คชั่น มันถ่ายยาก มันต้องใช้เวลานาน ต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ ทำให้ผมเข้าใจคนอย่าง ‘โทนี่ จา’ อย่าง ‘ปรัชญา ปิ่นแก้ว’ เวลาทำหนังแอ็คชั่นนี่มันต้องมีความอดทนและต้องใจเย็นมากๆ นะครับกว่าจะได้แต่ละคัท แต่ละฉาก บางช็อตเนี่ยต้องซ้อมกันตั้งแต่บ่ายสองนะครับ และก็ต้องพักกันตอนหกโมงเย็น แล้วก็ถ่ายกว่าจะได้เกือบเที่ยงคืนแค่คัทที่ได้เพียงคัทเดียว แต่ต้องถ่ายร่วมประมาณสามสิบกว่าคัท อีกอย่างหนังเรื่องนี้ยังไงก็ต้องใช้สลิงด้วยนะครับเวลาจะเหินจะอะไรอย่างนี้มันยาก การกะจังหวะอะไรต่างๆ มันก็เลยยากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว นี่ยังไม่รวมเรื่องซีจีที่มีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนะครับ มันเหนื่อยยากมากครับ แล้วมันก็เป็นหนังที่ต้องใช้เงินเยอะนะครับ เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าไม่มีความอดทนจริงๆ แล้วเนี่ย ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหรือแม้แต่ผู้กำกับก็เหนื่อยก็ท้อได้เลยครับ”
รวบรวมหลากหลายนักแสดงมืออาชีพมาปะทะฝีมือผ่านคาแร็คเตอร์อันสุดเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็น พีท ทองเจือ, ศรัณยู วงษ์กระจ่าง, แจ๊คกี้ อภิธนานนท์, เกศริน เอกธวัชกุล พร้อมปั้นนักแสดงหญิงหน้าใหม่อย่าง โสภิตา ศรีบาลชื่น ที่ฝึกซ้อมพื้นฐานการต่อสู้เพื่อให้มารับบทสายลับนักสู้หญิงแกร่งแรงทุกองศาในเรื่องนี้โดยเฉพาะ
“จริงๆ เรื่องนี้มีตัวละครค่อนข้างเยอะและหลากหลาย แต่หลักๆ ที่เป็นตัวเดินเรื่องก็จะมีอยู่ประมาณ 4-5 คน ก็เริ่มจากนางเอกใหม่ ‘น้ำฝน โสภิตา’ รับบทเป็น ‘กุนจา’ ตำรวจสายลับหญิงที่ค่อนข้างนิ่งเงียบ แต่พอบทจะโหดก็จะโหดได้อย่างน่ากลัว คือมีความแข็งแกร่งอยู่ในตัวเองนะครับ แล้วก็เป็นคนจริงจัง เมื่อตัดสินใจแล้วก็จะไม่เปลี่ยนแปลง ตัวกุนจาเองก็จะเก่งทางด้านดาบซามูไร นี่ก็เป็นที่มาของชื่อหนัง ‘สวย…ซามูไร’ ครับ
ส่วน ‘นุ้ย เกศริน’ ก็จะรับบทเป็น ‘ศิรินทร์’ ทหารหญิงซึ่งอยู่ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษชื่อ ‘พยัคฆ์ดำ’ ซึ่งมีหน้าที่ในการจู่โจมเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติอะไรประมาณนั้น ก็จะมีลักษณะแบบทหารคือไม่เหลาะแหละนะครับ ซึ่งตัวศิรินทร์จะถูกส่งเข้ามาช่วยฝ่ายซีไอเอ แต่ตอนหลังมันมีเหตุการณ์ที่ทำให้รู้ว่า ไอ้เรื่องที่กำลังทำกันอยู่เนี่ยมันไม่ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องไม่ชอบมาพากลซะแล้ว ก็จะเกิดการพลิกผันของตัวละครตัวนี้ขึ้นมา
ส่วน ‘แจ๊คกี้’ ก็จะรับบท ‘แคลร์’ เป็นสายลับมือสังหารที่ทำตามหน้าที่ที่รับคำสั่งมา คือมันจะเหมือนกับถูกตั้งโปรแกรมไว้แล้วว่าถ้าทำอะไรก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ให้ฆ่าก็ต้องฆ่า เพราะฉะนั้นตัวแคลร์จึงมีโปรแกรมที่ถูกตั้งมาให้ทำลายล้างนะครับ เพราะฉะนั้นทั้ง 3 คนนี้ต่างมีหน้าที่ของตัวเอง เพราะฉะนั้นเมื่อมาเจอกันแล้วมันถึงไม่ยอมกันง่ายๆ
มาถึง ‘คุณพีท ทองเจือ’ ก็จะรับบท ‘มาซารุ’ สายลับญี่ปุ่นที่แฝงตัวอยู่ในสังคมไทย ก็จะมาเป็นผู้ช่วยของแคลร์ในการจัดการฝ่ายตรงข้าม ซึ่งในตอนหลังมาซารุก็จะมีความรู้สึกว่า เอ๊ะไอ้สิ่งที่ทำเนี่ยมันทำมากไปหรือเปล่า อย่างการที่จะวางระเบิดกรุงเทพฯ มันมากไปหรือเปล่า มันไม่ใช่แค่เรื่องการให้มาช่วยจับผู้ร้ายธรรมดาแล้ว อันนี้ก็คือจุดหักเหของตัวละครมาซารุนี้นะครับ
อีกตัวละครก็คือ ‘วายิบ’ ของ ‘คุณตั้ว ศรัณยู’ เป็นหัวหน้าโจรก่อการร้ายที่จะมาเป็นตัวเดินเรื่องที่จะเปิดเผยความชั่วร้ายในโลกของสายลับโดยเฉพาะ ความชั่วร้ายที่อยู่เบื้องหลังของซีไอเอ เพราะขบวนการของเขาถูกใส่ร้ายป้ายสีครั้งใหญ่ แล้วตัวนี้ก็จำเป็นที่จะต้องเป็นคุณตั้ว เพราะมันต้องการความเป็นดราม่าในฉากต่างๆ ของตัวละครนี้ เพราะฉะนั้นต้องเป็นนักแสดงที่มีความเจนจัดเชิงดราม่า จะเอาใครมาเล่นมันก็คงจะไม่ถึงใจเท่าคุณตั้ว ศรัณยูนี่แหละครับ”
ในด้านการถ่ายทำหนังแอ็คชั่นเรื่องนี้ ผู้กำกับชั้นครูผู้นี้ก็ได้เลือกใช้เครื่องไม้เครื่องมือชั้นดี เพื่อผลลัพธ์ชั้นยอดของภาพที่ออกมาในทุกๆ เฟรมของเรื่องด้วย
“หนังเรื่องนี้ผมตัดสินใจที่จะใช้กล้องที่หนังไทยไม่ค่อยคุ้นเคย ผมตัดสินใจที่จะใช้กล้องซึ่งดีที่สุดในโลกในแง่ของความละเอียดทางภาพ มันไม่ใช่กล้อง HD อย่างที่เรารู้จักกันทั่วๆ ไป แต่ว่ามันเป็นกล้องที่เรียกว่า HD Film Stream ซึ่งมีความแตกต่างจากการใช้ฟิล์มเพียงไม่เกิน 10 % นะ แล้วผมก็เลือกใช้กล้องตัวนี้ซึ่งถือว่าแพงมากๆ ในแง่การถ่ายทำ แต่ก็เพื่อให้ผลของภาพออกมาดีที่สุดนั่นเอง นี่ก็คือเสน่ห์อย่างหนึ่งในแง่ของภาพนะครับ”
เมื่อรวมทุกองค์ประกอบดังกล่าวผสมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ก็ทำให้เกิดเป็นหนังแอ็คชั่นแหวกแนวเนื้อหาสุดเข้มข้นในสไตล์ผู้กำกับมือเก๋า “มานพ อุดมเดช” เรื่อง “สวย...ซามูไร” นี้ขึ้น
“ในแง่เสน่ห์ของเรื่องก็คือว่า ผมได้นางเอก 3 รุ่น แล้วก็ทั้ง 3 คนเนี่ยได้มาทำงานร่วมกันนะครับแล้วก็มาแสดงร่วมกัน ทั้ง 3 คนก็ทำงานประสานกันได้อย่างกลมกลืน ผู้หญิงพูดน้อยแล้วก็สู้จริงนะครับ เล่นจริงยอมกล้าสู้แล้วก็กล้าชน อย่างนุ้ยเนี่ยก็เป็นนักแสดงถ้าจะพูดก็เป็นนักแสดงรุ่นพี่นะ แต่น้ำฝนก็กล้าชนอย่างไม่ประหม่าแม้กระทั่งเล่นคู่กับแจ๊คกี้ก็ไม่ประหม่ากล้าที่จะชน อันนี้คือสิ่งที่ผมก็ทึ่งในตัวเด็กคนนี้เหมือนกันนะครับ
จริงๆ แล้ว ผมก็รักทุกซีนกับหนังเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องของความประทับใจส่วนตัวที่ทำงานหนังแอ็คชั่นครั้งแรก แล้วภาพอะไรต่างๆ ออกมาแล้วมันมันส์ในความรู้สึกของผม มันเป็นสิ่งที่ไม่ชินตาที่เราเคยเห็นจากภาพยนตร์ทั่วๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นต่างประเทศหรือของไทยเราเองนะครับ เรื่องนี้มันก็เป็นหนังแอ็คชั่นที่มันในความรู้สึก เป็นหนังแอ็คชั่นผู้หญิงซึ่งไม่หน่อมแน้มครับ เป็นหนังซึ่งสนุกมากแล้วก็มีรสชาติที่แปลกใหม่จากที่เราคุ้นเคยกับหนังแอ็คชั่นทั่วๆ ไป ถ้าต้องการที่อยากจะได้หนังแอ็คชั่นที่สาระและความมันส์ ก็ไม่น่าจะปฏิเสธ ‘สวยซามูไร’ นะครับ”
คาแร็คเตอร์ตัวละคร
กุนจา (น้ำฝน-โสภิตา ศรีบาลชื่น) — ตำรวจสาวสายลับฝีมือฉกาจของหน่วยปฏิบัติการพิเศษซีไอเอ ปฏิบัติตามคำสั่งขององค์กรอย่างซื่อสัตย์ แต่ภายหลังจากการถูกสั่งเก็บเพื่อปกปิดความลับบางอย่าง แต่เธอรอดชีวิตมาได้ นั่นทำให้ความคิดของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และรอคอยวันชำระแค้นส่วนตัวอย่างสาสม
“ก่อนที่ฝนจะมาเล่นหนังเรื่องนี้ ฝนก็ต้องเรียนพวกคิวบู๊ต่างๆ เพิ่มเติม เพราะว่าตัวฝนเองไม่มีพื้นฐานทางเรื่องพวกนี้มาก่อน อามานพเขาก็ส่งไปเรียนคิวบู๊ไม่ว่าจะเป็นพวกเรื่องฟันดาบ เรียนมวย แล้วก็คือฟิตตัวเองอยู่ตลอดเวลา บางทีก็ซ้อมตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 2 ทุ่มของทุกวันค่ะ แต่ที่หนักสุดก็เห็นจะเป็นพวกฟันดาบซามูไร พวกคิวบู๊ในเรื่องนี้มันจะหนักหนักมากค่ะ ก็ต้องบอกก่อนเลยว่าฝนไม่มีพื้นฐานทางด้านการต่อสู้มาก่อน ไอ้ความยากก็ยากมาก เราก็ไม่คิดว่าฉากแอ็คชั่นมันจะยากขนาดนี้ แต่ใจเราสู้อยู่แล้ว แต่ตอนที่เริ่มถ่ายทำครั้งแรก โอ้โห ถ่ายวันแรกฝนยิงปืนก็ยิงไม่ออก ทำอะไรไม่ได้ น้ำตานี่ไหลๆๆ มันเหมือนตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูก ถึงแม้ว่าเราจะเรียนทั้งแอ็คติ้งเรียนทุกอย่างมามากพอสมควรแล้ว แต่มันก็ยังไม่เหมือนกับประสบการณ์จริงที่ได้เจอตอนถ่ายทำ มันยากมากๆ ฝนจะค่อนข้างเครียดเรื่องแอ็คติ้ง จะว่าไปเรื่องคิวบู๊ฝนไม่ค่อยเครียดมากเท่าแอ็คติ้งนะคะ
ฉากแอ็คชั่นในเรื่องจะเยอะมาก แค่ชื่อเรื่องก็บอกแล้วว่าต้องมีสู้ๆ กันตลอดเรื่อง มีทั้งฉากฟันดาบ ยิงปืน สองอย่างนี้เกือบตลอดเรื่อง แล้วก็มีฉากไล่ล่า ขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ล่ากัน มีขึ้นสลิงแอ็คชั่นต่อสู้กัน
อย่างในเรื่องนี้ฉากที่ฝนชอบเหมือนกันก็คือฉากที่ใช้ดาบซามูไรต่อสู้ในอู่แท็กซี่ที่มีนินจามาสู้ด้วยเป็นสิบๆ คน เป็นฉากลองเทค (Long Take) ก็คือถ่ายแบบยาวมากๆ รวดเดียว แล้วก็ได้ใช้ฝีมือในการร่ำเรียนการฟันดาบญี่ปุ่นมา แล้วรวมทั้งความจำและความแม่นยำของเราด้วย น้ำหนักการฟัน แล้วก็การแอ็คติ้ง แอ็คชั่นทุกอย่างมันต้องได้ เพราะว่าเขาจะใช้กล้องแฮนด์เฮลถ่ายตามเจาะเราไปทุกที่อะไรอย่างนี้ค่ะ ก็เป็นอีกฉากแอ็คชั่นในเรื่องนี้ที่มันก็สนุกดีค่ะ
เสน่ห์และความน่าสนใจของหนังเรื่อง ‘สวยซามูไร’ นี้นะคะ ก็จะเป็นหนังแอ็คชั่นฮีโร่เท่ๆ ของกลุ่มผู้หญิงหลายๆ คนที่ไม่ค่อยได้เห็นในหนังไทยเท่าไหร่ค่ะ แล้วก็เป็นเป็นเรื่องของความพิถีพิถัน ความละเอียดไม่ว่าจะเป็นภาพ เป็นสีแสงทุกอย่าง มันจะเป็นภาพที่สวยๆ เป็นแอ็คชั่นสวยๆ ซึ่งได้คุณอามานพมาเป็นผู้กำกับด้วยแล้วรับรองว่ามีความละเอียดในด้านต่างๆ สูงแน่นอน และก็จะสนุกไปกับมันได้ไม่ยากค่ะ ก็อยากให้ลองเปิดใจเข้ามารับชมหนังเรื่องนี้กันดีกว่านะคะวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้แล้ว ก็อยากจะให้มาดูถึงความตั้งใจของตัวนักแสดงทุกๆ คนรวมทั้งทีมงานด้วยค่ะ ทุกคนทำเต็มร้อยสู้สุดๆ ค่ะ”
ผลงานภาพยนตร์ที่ผ่านมา: ตุ๊กแกผี (2547), สวย...ซามูไร (2552)
แคลร์ (แจ๊คกี้ อภิธนานนท์) - หัวหน้าสายลับสาวตัวร้ายอันดับหนึ่งแห่งหน่วยนักรบปฏิบัติการพิเศษซีไอเอ เธอภักดีกับองค์กรของตนมากเกินไป จนกระทั่งสังหารได้แม้แต่ลูกน้องมือขวาอย่างกุนจา ซึ่งเธอมิอาจล่วงรู้ได้เลยว่า นั่นเป็นการนับถอยหลังวันหมดลมหายใจของเธออย่างรวดเร็ว
หลังปฏิบัติการภารกิจที่ชายแดนภาคใต้ของไทยได้แล้ว เธอได้รับมอบหมายให้เดินทางกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง เพื่อจัดการสังหารวายิบผู้ล่วงรู้ข้อมูลลับบางอย่างของซีไอเอ
“ต่างกันเยอะค่ะ ต่างจาก ‘บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม’ เพราะว่าเรื่องนั้นเป็นหนังตลก แล้วก็ต้องทำอะไรบ๊องๆ หน่อย ส่วนใน ‘ปืนใหญ่จอมสลัด’ การแสดงก็จะโตขึ้นมาก ก็จะเป็นบทเจ้าหญิงที่นิ่งๆ เงียบๆ ส่วนเรื่องนี้ก็เปลี่ยนมาอีกแนวทางหนึ่งเลย ได้เล่นแอ็คชั่น ได้ขึ้นสลิง สนุกมาก ทำงานกับทีมนี้เพราะว่าคุณอามานพก็เป็น Professional มาก ต้องเรียกมาทำเวิร์คช็อปก่อนทุกครั้งทุกซีน ถ้าไม่ได้มาด้วยตัวก็จะต้องโทรศัพท์บรีฟตลอดว่าจะต้องทำอะไร ตัวละครตัวนี้จะต้องเป็นคนที่โหดทางสายตา ไม่ต้องพูดอะไรมาก ต้องทำเสียงให้ต่ำไว้ คุณอาบอกให้ทำเสียงต่ำแล้วก็ฆ่าคนทั้งเรื่องเลย (หัวเราะ)
จริงๆ ฉากแอ็คชั่นนี้ไม่ยากเท่าไหร่นะ จะยากตอนแสดงฉากอารมณ์มากกว่า ฉากที่คุณอามานพบอกว่าไม่ต้องพูดอะไรนะ ให้ส่งสายตาให้รู้ว่า...ให้มองกล้องแล้วก็เห็นเป็นกุนจาแล้วก็เพ่งเข้าไปแล้วหน้าเหมือนยิ้มๆ นั่นแหละยากมาก ให้มองแล้วให้หน้าดุ แล้วในใจเราคิดว่าเราดุแล้ว ในใจจริงๆ แล้วคิดถึงอะไรที่จะมาทำร้ายเราแล้วเราก็ตั้งรับสู้อะไรอย่างงี้ค่ะ ก็ยากพอตัวเลย ส่วนฉากแอ็คชั่นจะสนุกมากกว่า เพราะเหมือนได้ปลดปล่อยไปในตัวด้วยนะคะ”
ผลงานภาพยนตร์ที่ผ่านมา: บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 2 (2550), ปืนใหญ่จอมสลัด (2551), สวย...ซามูไร (2552)
ศิรินทร์ (เกศริน เอกธวัชกุล) — สายลับสาวของซีไอเอผู้เก่งกาจทางด้านการต่อสู้อย่างหาตัวจับยาก
เธอเข้ามาพัวพันกับการไล่ล่าครั้งนี้ด้วยหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากเบื้องบน ก่อนที่จะระแคะระคายความลับบางอย่างขององค์กรที่ตนสังกัดอยู่ นั่นทำให้เธอถอนตัวและเปลี่ยนความคิดมาต่อสู้เพื่อความถูกต้องแทน
“สำหรับเรื่อง ‘สวยซามูไร’ นุ้ยก็รับบทเป็น ‘ศิรินทร์’ ค่ะ ก็เป็นทหารสาวแกร่งมีความเป็นผู้นำสูง เพราะว่าในเรื่องเนี่ยศิรินทร์จะเป็นหัวหน้าและต้องตัดสินใจอะไรหลายๆ อย่าง อีกอย่างหนึ่งก็คือเป็นเรื่องของความคล่องแคล่วในรูปแบบของผู้หญิงที่มีความสามารถของศิลปะป้องกันตัวหลายๆ ด้านค่ะ ในเรื่องก็จะเป็นอาชญากรซ่อนเงื่อนนิดนึง เพราะว่าจะมีมุมหักหลังอะไรกันมากมายก็ต้องไปดูกันในหนังค่ะ
แอ็คชั่นสำหรับเรื่องนี้นะคะก็ต้องเป็นเรื่องของแอ็คชั่นเสี่ยงตายค่ะ เพราะว่าต้องโดนถีบตกตึกอะไรอย่างนี้ ซึ่งแบบความยากก็คือใจอย่างเดียวเลยอย่างที่บอก เพราะว่าอย่างความสามารถของนุ้ยเนี่ยทุกคนอาจจะรู้อยู่แล้วว่านุ้ยเป็นนักกีฬาเทควันโด แต่ในเรื่องนี้คนปกติบางครั้งคนอาจจะต้องหลับตาเวลาเห็นเท้าลอยมาหาหน้าตัวเอง แต่ของนุ้ยเนี่ยพอเป็นการแสดงเพื่อให้สมจริง นุ้ยจะต้องลืมตาไว้เพื่อให้เห็น ก็จะเห็นเท้าลอยมาเต็มๆ เข้าใกล้หน้ามาแล้วก็อัดโดนหน้าตัวเอง ตรงนี้มันก็คือใจล้วนๆ ค่ะ”
ผลงานภาพยนตร์ที่ผ่านมา: เกิดมาลุย (2547), ไฉไล (2549), สลัดตาเดียวกับเด็ก 200 ตา (2551), ส้มตำ (รับเชิญ-2551), สวย...ซามูไร (2552)
วายิบ (ตั้ว-ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) — หัวหน้ากลุ่มโจรก่อการร้ายของไทย เมื่อหน่วยรบของเขาถูกใส่ร้ายป้ายสีอย่างเจ็บปวด เขาจึงต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่ออุดมการณ์และเรียกร้องความถูกต้องให้กับฝ่ายของตนเอง แม้จะตายก็ยอม
“หนังแอ็คชั่นทั่วไป ก่อนจะบู๊กัน ก่อนจะฆ่ากันก็จะพูดในแง่แกหักหลังฉัน แกฆ่าพ่อแม่ฉันโดยเป็นสูตรทั่วไป แต่เรื่องนี้มันจะมันจะเป็นหนังแอ็คชั่นไทยไม่กี่เรื่องที่เป็นเรื่องของอุดมการณ์ คือเป็นอารมณ์ที่เราเห็นได้จากหนังฝรั่งคือ CIA ทำอย่างนี้ เผ่าพันธุ์เราเป็นอย่างนั้น มันมีเรื่องของอุดมการณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง เวลาพูดถึงซีนแรงๆ ที่มาเยอะๆ ก็จะพูดด้วยอุดมการณ์ศรัทธาแนวทางของมวลชนอะไรประมาณนี้ครับ มันก็ดูแปลกหูแปลกตาไปจากเรื่องอื่นๆ ทั่วๆ ไปดีนะครับ
คนดูน่าจะมีอะไรหนักๆ ดูบ้าง ถ้าจะบอกว่ามันเบาก็ไม่ใช่ ไม่อยากให้ความหนักเป็นอุปสรรคที่จะดูเพราะหนังก็ต้องมีตัวเลือกหลายๆ แบบ อันนี้ก็เป็นแนวทางหนึ่ง แต่แน่นอนมันอยู่ภายใต้ลักษณะของหนังอยู่แล้วครบรสชาติของหนังบู๊ แหม! เรายังดูเจมส์บอนด์กี่เรื่องต่อกี่เรื่องที่พูดถึงการตามล่าขีปนาวุธบ้าง พูดเรื่องกลุ่มขุดน้ำมันบ้างอะไรอย่างนี้ เราอย่าไปคิดว่ามันไกลตัว เพราะเดี๋ยวนี้โลกมันเล็กลงมันก็มาถึงเมืองไทยได้ แต่ตรงนี้มันก็ทำให้ดูแปลกตา มันไม่ใช่จุดใหญ่ที่ทำให้คนดูสับสน”
ผลงานภาพยนตร์ (บางส่วน): อย่าบอกว่าเธอบาป (2530), กาเหว่าที่บางเพลง (2537), มหัศจรรย์แห่งรัก (2538), บินแหลก (2538), เรือนมยุรา (2539), สตางค์ (2543), สุริโยไท (2544), เกิร์ลเฟรนด์ 14 ใสวัยกำลังเหมาะ (2545), ซุ้มมือปืน (2548), อำมหิตพิศวาส (2549), สลัดตาเดียวกับเด็ก 200 ตา (2551), องค์บาก 2 (2551), สวย...ซามูไร (2552)
มาซารุ (พีท ทองเจือ) — ซามูไรนักฆ่าหนุ่มของซีไอเออยู่ใน “หน่วยพยัคฆ์ดำ” เช่นเดียวกับศิรินทร์ ภายใต้คำสั่งของแคลร์ ทำให้เขาต้องเข้ามาพัวพันกับการไล่ล่าในครั้งนี้ และต้องขับเคี่ยวต่อสู้กับกุนจาจนถึงที่สุด แต่แล้วอะไรบางอย่างก็มากระตุ้นความคิดของเขาให้แปรเปลี่ยนไป...
“ความยากง่ายของตัวเรื่องจะอยู่ที่ตัวบทเรื่องนี้จะเป็นเนื้อเรื่องของผู้หญิง ผู้หญิงจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ประเด็นต่างๆ ของตัวเนื้อเรื่องจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เข้ากับตัวเรื่องตัวแสดงตัวนี้ มันเป็นโจทย์ใหม่ของนักแสดงอย่างผม ผมก็มองหาว่าจุดไหนเป็นจุดที่ดีที่สุดแล้วก็เหมาะสมที่สุดในตัวแสดงที่ชื่อ ‘มาซารุ’ ใช้เวลาพอสมควร แต่ก็ไม่ยากจนเกินไปเพราะยังมีแอ็คชั่นอยู่ ไอ้ความถนัดตรงนั้นมันปรับให้คาแร็คเตอร์ตัวอื่นๆ ชัดขึ้นด้วย
จริงๆ แล้วเรื่อง ‘สวยซามูไร’ นี้ก็เป็นหนังแอ็คชั่นที่มีกลิ่นอายความเป็นตะวันออกและความเป็นไทยรวมอยู่ที่เดียวกัน มีความรู้สึกของการเป็นญี่ปุ่นเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เยอะ นักแสดงหลายตัวเป็นคนญี่ป่นและก็มีทั้งนินจา ซามูไรอยู่ในเรื่องนี้ด้วย ตัวบทเองก็น่าจะเป็นการดำเนินเรื่องที่ทำให้คนได้ติดตาม ถ้าท่านผู้ชมเคยเป็นคนที่เคยติดตามของคุณอามานพในแง่ของบท บทในเรื่องนี้พอถึงเวลาที่ตัดต่อออกมาแล้วก็จะมีอะไรที่น่าสนใจซ่อนอยู่ในนั้นเยอะ มีจุดพลิกผันจุดอะไรที่เขาซ่อนอยู่ในนั้นเยอะ เหตุกาณ์ปลายทางที่มันจะเกิดขึ้น ผมคิดว่าเสน่ห์ของอามานพน่าจะอยู่ที่ตรงนี้ที่จะดำเนินเรื่องแล้วทำให้หนังน่าสนใจมากขึ้นครับ ก็อยากให้มาติดตามชมกันนะครับ”
ผลงานภาพยนตร์ (บางส่วน): ผีสามบาท (2544), จังหวัด 77 (2546), ธิดาช้าง (รับเชิญ-2547), ตุ๊กแกผี (2547), สวย...ซามูไร (2552)
ประวัติ “น้ำฝน โสภิตา ศรีบาลชื่น” (สวย...ซามูไร)
ชื่อ-สกุล: โสภิตา ศรีบาลชื่น
ชื่อเล่น: น้ำฝน
อายุ: 27 ปี
น้ำหนัก: 50 กิโลกรัม ส่วนสูง: 164 เซนติเมตร
การศึกษา: ปริญญาโท คณะศิลปศาสตร์ เอกความเป็นผู้นำทางสังคมธุรกิจและการเมือง มหาวิทยาลัยรังสิต
ความสามารถพิเศษ: ฟันดาบซามูไร
สีโปรด: สีฟ้า
กีฬาที่ชอบ: ยิงปืน ตีกอล์ฟ
งานอดิเรกยามว่าง: อยู่กับครอบครัว, แต่งบ้าน, อ่านหนังสือ
อาหารจานโปรด: ส้มตำปู-ปลาร้า / อาหารประเภท พิซซ่า, พาสต้า
ผลไม้ที่ชอบ: กีวี
สไตล์การแต่งตัว: กางเกงยีนส์ เสื้อยืด / ตามกาลเทศะ
เครื่องประดับที่ชอบใส่: นาฬิกา, กำไล, ต่างหู, แหวน
สัตว์เลี้ยงตัวโปรด: สุนัขชื่อ เต้าหู้, เต้าฮวย, เต้าเจี้ยว, ข้าวตัง, หมูอ้วน
สถานที่ท่องเที่ยวที่อยากไป (ในประเทศ): จ. กระบี่
ประเทศที่อยากไป: ประเทศโมนาโค
แหล่งช็อบปิ้ง: EMPORIUM
ดาราที่ชื่นชอบ: Tom Hanks
นักร้องที่ชื่นชอบ: Beyonce
หนังที่ชอบ: The Lady Killers
เพลงที่ชอบ: Bossanova
ผลงาน: ตุ๊กแกผี (2547), สวย...ซามูไร (2552)
อธิบายความเป็นตัวเอง: อยู่ง่าย กินง่าย นอนง่าย
คติประจำใจ: ไม่มีใครมาลิขิตชีวิตเราได้ นอกจากตัวเราเอง
ผลงานภาพยนตร์ที่ผ่านมาของ “มานพ อุดมเดช”
“ผมว่าผู้กำกับหรือศิลปินควรจะศึกษาความเป็นไปของสังคมว่าไปถึงไหน การสร้างหนังไม่ใช่แค่บันทึกภาพลงบนแผ่นฟิล์มแค่นั้น ผมถือว่าเขาควรจะทำงานไม่แตกต่างไปจากนักค้นคว้าหรือนักวิจัยอื่นๆ ต้องเป็นนักติดตามความเคลื่อนไหวของกระแสสังคมในโลก กระแสการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และลึกลงไปกว่านั้น คนทำหนังโดยเฉพาะผู้กำกับควรจะเป็นนักคิดด้วย”
ประชาชนนอก (2521) — หนังตีแผ่ความจริงของสังคมไทย ที่ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนในสังคมเมืองและชนบทมีอยู่ทั่วทุกหัวระแหง หนังแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งของฝ่ายนายทุนและชาวนา-กรรมกร ที่กลายเป็นการต่อสู้ถึงขั้นเลือดตกยางออก
(หนังได้รับการคัดเลือกให้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติหลายประเทศ / ได้รับประกาศนียบัตร Outstanding Film จากงานมหกรรมนานาชาติกรุงลอนดอน ปี 2524 / ติด 1 ใน 10 ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของ Tony Rayn นักวิจารณ์ระดับโลกชาวอังกฤษ)
หย่าเพราะมีชู้ (2528) — เรื่องราวการขึ้นโรงขึ้นศาลของหญิงสาวที่มีสามีเป็นนายพลฟ้องหย่าในข้อหามีชู้กับเหล่าทหารเกณฑ์ ความเลวร้ายอยู่ที่การใช้อิทธิพลมืดค่อยๆ กำจัดพยานไปทีละคน หนังเป็นการประชันบทบาทครั้งสำคัญของนักแสดงยอดฝีมือของไทยไม่ว่าจะเป็น สินจัย หงษ์ไทย, อภิชาติ หาลำเจียก, นาถยา แดงบุหงา และชลประคัลภ์ จันทร์เรือง
(รางวัลตุ๊กตาทอง สาขาภาพยนตร์ยอดนิยม และภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ปี 2528)
ครั้งเดียวก็เกินพอ (2529) — หนังดราม่าธริลเลอร์เล่าเรื่องราวของการคุกคามทางเพศ เมื่อชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งมีความสัมพันธ์ทางเพศชั่วข้ามคืน ฝ่ายหญิง (สินจัย หงษ์ไทย) ไม่ตั้งใจจะสานต่อความสัมพันธ์นั้น แต่ฝ่ายชาย (ลิขิต เอกมงคล) หายอมไม่ การคุกคามทางเพศจึงบังเกิดขึ้นแก่หญิงสาว
(รางวัลตุ๊กตาทอง 4 สาขาในปี 2530 คือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้แสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม-ลิขิต เอก มงคล และบันทึกเสียงยอดเยี่ยม)
กะโหลกบางตายช้า กะโหลกหนาตายก่อน (2534) — หนังแนวฟิล์มนัวร์สไตล์ไทยๆ ที่สะท้อนด้านมืดของกิเลสตัณหาของมนุษย์ผ่านตัวละครหลัก 3 คน ที่ถูกบางอย่างกำหนดให้ต้องมาพบกัน และบางอย่างที่กำหนดให้พวกเขาต้องเดิมพันกันด้วยชีวิต หนังเป็นการประชันฝีมืออย่างเข้มข้นของสุรศักดิ์ วงษ์ไทย, อังคณา ทิมดี และ ขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย และเมื่อพูดถึงผลงานของผู้กำกับคุณภาพคนนี้ หนังเรื่องนี้มักจะเป็นชื่อแรกๆ ที่หลายคนนึกถึงก่อนเสมอ
(หนังได้รับรางวัลกำกับภาพยอดเยี่ยม และลำดับภาพยอดเยี่ยมจากชมรมวิจารณ์บันเทิงปี 2534)
ดอกไม้ในทางปืน (2542) — เรื่องราวของมือปืนนาม “ลพ ลำนารายณ์” ที่คิดจะล้างมือจากวงการอันป่าเถื่อนนี้ เมื่อเขาได้พบรักแท้กับ “ดลใจ” สาวขายประกันชีวิต เมื่อเส้นทางที่เคยเดินเป็นเส้นขนานถูกนำมาบรรจบกันด้วยคำว่า “รัก” ชีวิตของทั้งคู่อาจจะต้องแปรเปลี่ยนไปตลอดกาล
คืนบาปพรหมพิราม (2546) — ดัดแปลงจากเรื่องจริงที่เป็นคดีอาชญากรรมอื้อฉาวอันเป็นเรื่องราวของ “สำเนียง” หญิงสาวต่างถิ่นสติไม่สมประกอบคนหนึ่งที่ถูกพบเป็นศพโดนรถไฟทับขาดสามท่อน ทุกคนคิดว่านั่นเป็นอุบัติเหตุ แต่อย่างไรเสีย เมื่อความจริงจะต้องถูกเปิดเผย นักข่าวท้องถิ่นคนหนึ่งก็เริ่มตามล่าหาความจริง และพบว่านี่เป็นคดีฆาตกรรมอำพราง หาใช่อุบัติเหตุอย่างที่คิดไม่ หญิงสาวต่างถิ่นคนนี้ถูกชายเกือบทั้งหมู่บ้านพรหมพิรามข่มขืนกระทำชำเรา และถูกฆ่าเพื่ออำพรางคดี...โลกช่างโหดร้ายกับเธอยิ่งนัก
(หนังคว้ารางวัลสุพรรณหงส์ทองคำสาขาภาพยนตร์แห่งชาติยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม, บันทึกเสียงยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม และเป็นผลงานแจ้งเกิดของนางเอกสาวอย่าง พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์ ที่คว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากสถาบันเดียวกันไปครองด้วย)
ตุ๊กแกผี (2547) — ถือเป็นการพลิกแนวการกำกับของ “มานพ อุดมเดช” จากหนังแนวเรียลิสติกมาสู่หนังบันเทิงแนวสยองขวัญ-แฟนตาซีอย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรกในผลงานกำกับเรื่องที่ 7 นี้ ที่บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มคนที่ต้องเข้าไปผจญกับความลึกลับดำมืดและอาถรรพณ์ของสัตว์ที่หลายคนไม่อยากพบพานอย่าง “ตุ๊กแก” ...สิ่งที่คุณเห็น อาจไม่เป็นอย่างที่คิด