ภาวะตลาดและแนวโน้มราคาทองคำแท่ง ประจำวันที่ 9 ต.ค.52 โดยวายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 9, 2009 10:47 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 ต.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT) ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากความเชื่อที่ว่าหลายประเทศกำลังกระจายทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศหรือสกุลเงินที่ใช้ในการชำระบัญชีออกจากดอลลาร์ และความวิตกต่อเงินเฟ้อที่เป็นผลจากการกระตุ้นทางคลังมูลค่ามหาศาลและการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเชิงรุกของสหรัฐ กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT) ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นเป็นขาขึ้น, MACD 30 นาทีเคลื่อนอยู่ในแดนบวกทว่าได้ตัดเส้น Signal จากด้านบนทำให้ดูทิศทางเป็นลบ, MACDF 30 เคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบก ทำให้ดูราคาเป็นลบ, Fast Stochastic เคลื่อนตัวขึ้น ทำให้ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 32.163 ถือเป็นระดับ oversold อยู่เล็กน้อยทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวขึ้น, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Bull, แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $1,044 - $1,063 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.25 - ฿33.37 ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางเป็นขาขึ้น, RSI อยู่ที่ระดับ 75.744 ถือเป็นระดับ overbought และทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกและได้ตัดเส้น Signal จากด้านล่างทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDFเคลื่อนอยู่ในแดนบวก ทำให้ดูทิศทางเป็นบวก, Fast-Stochastic เคลื่อนตัวอยู่เหนือเส้น Trigger ทำให้ ราคามีโอกาสจะกลับตัวลง ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Bull โดยจะใช้แนวต้านที่ $1,065 เป็นแนวต้านระยะกลางที่สำคัญ ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $1,020 และ $985 ตามลำดับ ราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 16,550 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 16,630 หรือที่ $1,050.35) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ 80 บาท ขณะที่ราคาของ GFV09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 16,530 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 100 บาท ซึ่งเท่ากับว่า GFV09 มีส่วนลดมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การขาย (Short) ทองแท่งที่ร้านทองแล้วมาเปิดสถานะซื้อ (Long) GFV09 จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 100-80 = 20 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท ซึ่งยังคงไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยอีกราว 15 บาท ในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้ ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน ปัจจัยบวก ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — เมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกร่วงลงมากกว่าคาดถึง 33,000 ราย มาที่ 5.21 แสนรายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 ต.ค.ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนม.ค. จาก 5.54 แสนรายในสัปดาห์ก่อนหน้า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งร่วงลง -1.3% ในเดือนส.ค. หลังร่วงลง -1.6% ในเดือนก.ค. ขณะที่ยอดขายส่งเพิ่มขึ้น +1% ในเดือนส.ค. หลังเพิ่มขึ้น +0.6% ในเดือนก.ค. ECB และ BOE — ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.0% ตามความคาดหมายนอกจากนี้ ECB ยังตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากข้ามคืนที่ระดับ 0.25% และตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 1.75% พร้อมระบุว่า เศรษฐกิจยูโรโซนกำลังมีเสถียรภาพ แต่ก็ได้เตือนเกี่ยวกับความหวังต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะไม่รวดเร็วอย่างที่คาด โดยกล่าวเสริมว่า อัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันเหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจแล้ว เช่นเดียวกับธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ที่ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมระบุว่า จะยังดำเนินโครงการซื้อสินทรัพย์วงเงิน 1.75 แสนล้านปอนด์ต่อไป เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาด ธนาคารกลางมาเลเซีย - นางเซติ อัคห์ทาร์ อาซิส ผู้ว่าการธนาคารกลางมาเลเซียให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า มาเลเซียอยู่ในระหว่างการหารือกับจีนเกี่ยวกับแนวทางในการสว็อปสกุลเงิน โดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อทำการค้าด้วยเงินหยวน ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์ปิดอ่อนค่าลง +$0.0103 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4788 จากที่ปิด $1.4685 เมื่อวันก่อนหน้า หลังตัวเลขข้อมูลการจ้างงานสหรัฐได้เพิ่มความเชื่อมั่นที่เกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง และการประมูลพันธบัตรล่าสุดของสหรัฐได้รับการตอบรับที่ย่ำแย่ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนปรับลดการถือครองสินทรัพย์ของสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีข่าวที่ลือกันอีกว่าประเทศต่างๆ กำลังกระจายทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศหรือสกุลเงินที่ใช้ในการชำระบัญชี ออกจากดอลลาร์ ส่วนเช้านี้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น -$0.0030 มาที่ $1.4758 ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. พุ่งขึ้น+$2.12 มาที่ $71.69 ต่อบาร์เรล จากที่ปิด $69.57 ต่อบาร์เรลเมื่อวันก่อนหน้า หลังตัวเลขยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกร่วงลง และบริษัทค้าปลีกรายใหญ่เผยยอดขายรายเดือนที่สดใส จึงเป็นแรงหนุนให้มีการคาดการณ์ในทางบวกต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐก็ทะยานขึ้น และดอลลาร์ก็ร่วงลงด้วย ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. ร่วงลง -$0.49 มาอยู่ที่ $71.20 ต่อบาร์เรล ปัจจัยลบ ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น -9 สต. มาปิดที่ 33.29 บาท จากที่ปิด 33.38 บาทเมื่อวันก่อนหน้า เช่นเดียวกับสกุลเงินอื่นๆ ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะที่ ธปท.ยังคงพยายามเข้าแทรกแซงเพื่อไม่ให้บาทแข็งค่าเร็วจนเกินไป ขณะที่เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลง +4 สต. มาที่ 33.33 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.25 บาทและ 33.20 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 33.37 บาทและ 33.44 บาท ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — คืนนี้ 1. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนส.ค. เวลา 19.30 น. โดยผลสำรวจคาดว่า สหรัฐจะขาดดุลการค้า -3.30 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นจาก -3.196 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค. กองทุนทองคำ — กองทุนทองคำ SPDR ได้รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 8 ต.ค.52 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,109.31 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.73 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 35.66 ล้านออนซ์ ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ