กรุงเทพฯ--12 ต.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะย่อตัวลง และอาจปิดลบได้ หลังดอลลาร์ยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น แม้ FED ยังคงต้องกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่ FED ก็วิตกว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้น ดังนั้น FED จึงพร้อมที่จะคุมเข้มนโยบายการเงินเมื่อเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น + การที่สหรัฐขาดดุลการค้าลดลง จึงช่วยหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและกดดันราคาทองคำได้ในระยะนี้ (ดูข่าวสารสำคัญเพื่อการลงทุนในหน้าถัดไป)
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
Source : Bisnews (Daily)
Source : Bisnews (30 Min)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นเป็นขาขึ้น, MACD 30 นาทีเคลื่อนอยู่ในแดนบวกทำให้ดูทิศทางเป็นบวก, MACDF 30 เคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบวก ทำให้ดูราคาเป็นบวก, Fast Stochastic เคลื่อนตัวลง ทำให้ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวลง, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 57.108 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะสั้นยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Bull, แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $1,043 - $1,054 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.25 - ฿33.38
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางเป็นขาขึ้น, RSI อยู่ที่ระดับ 75.33 ถือเป็นระดับ overbought และทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกและได้ตัดเส้น Signal จากด้านล่างทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDFเคลื่อนอยู่ในแดนบวก ทำให้ดูทิศทางเป็นบวก, Fast-Stochastic เคลื่อนตัวอยู่เหนือเส้น Trigger ทำให้ ราคามีโอกาสจะกลับตัวลง ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Bull โดยจะใช้แนวต้านที่ $1,065 เป็นแนวต้านระยะกลางที่สำคัญ ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $1,020 และ $985 ตามลำดับ
ตาราง 3 : แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ
Source: YLG’s estimations
พิจารณาตารางที่ 3 และกราฟด้านซ้ายมือ พบว่าราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 16,450 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 16,660 หรือที่ $1,051.60) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ 210 บาท ขณะที่ราคาของ GFV09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 16,430 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 230 บาท ซึ่งเท่ากับว่า GFV09 มีส่วนลดมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การขาย (Short) ทองแท่งที่ร้านทองแล้วมาเปิดสถานะซื้อ (Long) GFV09 จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 230-210 = 20 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท ซึ่งยังคงไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยอีกราว 15 บาท ในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
GDP ไตรมาส 3/09 ของสหรัฐ — ผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำประจำเดือนต.ค.พบว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะเพิ่มขึ้น +3.2% ในไตรมาส 3 ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.2% จากระดับที่พวกเขาเคยคาดไว้เมื่อเดือนที่แล้วและเป็นการขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบ 2 ปี หลังติดลบ -0.7% ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โดยฟื้นตัวขึ้นจากภาวะตกต่ำรุนแรงที่เริ่มขึ้นในเดือน ธ.ค.ปี 2007 จากการฟื้นตัวของการใช้จ่ายในด้านการบริโภคส่วนบุคคล การลงทุนด้านที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2005 และการลดลงของปริมาณสินค้าคงคลังภาคธุรกิจในอัตราที่ลดลง ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า GDP ในไตรมาส 4 ปีนี้จะเพิ่มขึ้น +2.4% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากผลสำรวจในเดือนที่แล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า มาตรการ Cash for clunkers ที่สิ้นสุดลงในเดือนส.ค. ทำให้ความต้องการซื้อรถต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาส 3
ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. ขยับขึ้น +$0.08 มาที่ $71.77 ต่อบาร์เรล จากที่ปิด $71.69 ต่อบาร์เรลเมื่อวันก่อนหน้า หลังจากที่ร่วงลงในช่วงแรก จากการดีดตัวขึ้นของดอลลาร์ ซึ่งมีอิทธิพลมากกว่าแนวโน้มอุปสงค์ที่สดใสขึ้น หลัง IEA ได้ทบทวนปรับเพิ่มประมาณการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกสำหรับปี 2010 อย่างไรก็ดี ตลาดได้รับผลกระทบจากข้อมูลการส่งออกน้ำมันทางทะเลมากขึ้นของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. พุ่งขึ้น +$0.31 มาอยู่ที่ $72.08 ต่อบาร์เรล
? ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง +1 สต. มาปิดที่ 33.30 บาท จากที่ปิด 33.29 บาทเมื่อวันก่อนหน้า โดยเป็นการแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาชี้น้ำทิศทางตลาด ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนไป ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับสกุลเงินอื่นๆ ขณะที่เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลงอีก +1 สต. มาที่ 33.31 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.25 บาทและ 33.21 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 33.38 บาทและ 33.47 บาท
แนวโน้มค่าเงินของประเทศเศรษฐกิจใหม่ BRIC - รอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า สกุลเงินเรียลของบราซิลและรูปีของอินเดียอาจรักษาความแข็งแกร่งไว้ได้ในปี 2010 ในขณะที่นักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดเกิดใหม่เพราะหวังในอัตราการเติบโตที่ระดับสูง แทนที่จะลงทุนในประเทศพัฒนาแล้ว โดยครั้งนี้เป็นการสำรวจความเห็นนักยุทธศาสตร์การลงทุนกว่า 100 รายเกี่ยวกับสกุลเงินของกลุ่มประเทศ BRIC ซึ่งได้แก่บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน ซึ่งเป็นประเทศตลาดเกิดใหม่ชั้นนำ โดยผู้ตอบการสำรวจนี้มีทั้งนักยุทธศาสตร์การลงทุนใน BRIC สหรัฐ และยุโรป ขณะที่คาดว่าสกุลเงินรูเบิลของรัสเซียอาจร่วงลง แต่หยวนของจีนอาจแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ซึ่งจีนก็เคยประกาศมาแล้วหลายครั้งว่า จีนกำลังปฏิรูประบบอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อปล่อยให้หยวนเคลื่อนไหวได้อย่างยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น แต่จีนจะไม่ปล่อยให้ความเคลื่อนไหวของหยวนทำลายเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของจีน
ปัจจัยลบ
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — เมื่อคืนวันศุกร์
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า สหรัฐขาดดุลการค้า -3.07 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน ส.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ ขณะที่การค้าในภาคบริการทำให้ยอดส่งออกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และการนำเข้าลดลงมากขึ้น
ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์ปิดแข็งค่าขึ้น -$0.0062 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4727 จากที่ปิด $1.4789 เมื่อวันก่อนหน้า หลังหลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) กล่าวว่า FED จะเตรียมพร้อมคุมเข้มนโยบายการเงิน ขณะที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ส่วนเช้านี้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีก -$0.0034 มาที่ $1.4693
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
กองทุนทองคำ — กองทุนทองคำ SPDR ได้รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 9 ต.ค.52 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,109.31 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.75 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 35.66 ล้านออนซ์
ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
Source : Bloomberg
ข้อมูลจาก YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน