กรุงเทพฯ--14 ต.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มทรงตัวและอาจปิดบวกได้อีก หลังนักลงทุนคาดการฟื้นตัวของสหรัฐมีแนวโน้มจะตามหลังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่นำโดยเอเชียและประเทศที่ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ ทำให้สหรัฐต้องคงอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐยังคงอยู่ใกล้ 0% ไปจนถึงปี 2010 ดังนั้น เงินทุนจึงยังคงไหลออกจากสหรัฐ และทำให้ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงต่อไปเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญๆ เช่นยูโรและเยน (ดูข่าวสารสำคัญเพื่อการลงทุนในหน้าถัดไป)
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
Source : Bisnews (Daily)
Source : Bisnews (30 Min)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นเป็นขาขึ้น, MACD 30 นาทีเคลื่อนอยู่ในแดนบวกทว่าได้ตัดเส้น Trigger จากด้านบนทำให้ดูราคาเป็นลบ, MACDF 30 เคลื่อนตัวอยู่ใกล้ 0 ทำให้ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, Fast Stochastic เคลื่อนตัวลง ทำให้ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวลง, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 54.553 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะสั้นยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Bull, แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $1,053 - $1,071 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.23 - ฿33.31
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางเป็นขาขึ้น, RSI อยู่ที่ระดับ 79.682 ถือเป็นระดับ overbought และทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกและได้ตัดเส้น Signal จากด้านล่างทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDFเคลื่อนอยู่ในแดนบวก ทำให้ดูทิศทางเป็นบวก, Fast-Stochastic เคลื่อนตัวอยู่เหนือเส้น Trigger ทำให้ ราคามีโอกาสจะกลับตัวลง ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Bull โดยจะใช้แนวต้านที่ $1,092 เป็นแนวต้านระยะกลางที่สำคัญ ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $1,020 และ $985 ตามลำดับ
ตาราง 3 : แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ
Source: YLG’s estimations
พิจารณาตารางที่ 3 และกราฟด้านซ้ายมือ พบว่าราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 16,650 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 16,820 หรือที่ $1,063.65) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ 170 บาท ขณะที่ราคาของ GFV09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 16,680 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 140 บาท ซึ่งเท่ากับว่า GFV09 มีส่วนลดน้อยกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การซื้อ (Long) ทองแท่งที่ร้านทองแล้วมาเปิดสถานะขาย (Short) GFV09 จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 170-140 = 30 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท ซึ่งยังคงไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยอีกราว 15 บาท ในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
คาดการณ์ราคาทองคำ - บริษัท CitiFX ซึ่งเป็นฝ่ายการวิจัยอัตราแลกเปลี่ยนและตลาดสินทรัพย์ทางเทคนิคเปิดเผยว่า การที่ทองแตะจุดสูงสุดครั้งใหม่ และปิดเหนือระดับสำคัญที่ 1,030 ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อาจจะทำให้ทองมีแนวโน้มที่จะทะยานขึ้นสู่ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ในอีกไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือนข้างหน้า
ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์ปิดอ่อนค่าลง +$0.0079 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4850 จากที่ปิด $1.4771 เมื่อวันก่อนหน้า หลังนักลงทุนวิตกว่าตลาดแรงงานสหรัฐที่อ่อนแอ และการฟื้นตัวที่ล่าช้าจะทำให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐยังคงอยู่ใกล้ 0% ไปจนถึงปี 2010 ดังนั้นจึงมีเงินไหลออกจากสหรัฐ ส่วนเช้านี้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น -$0.0004 มาที่ $1.4846
OPEC - โอเปกระบุในรายงานรายเดือนว่า อุปสงค์ในน้ำมันดิบโอเปกจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 28.39 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2010 โดยปรับขึ้น 3 แสนบาร์เรลต่อวันจากตัวเลขคาดการณ์ครั้งก่อน ขณะที่อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอาจเพิ่มขึ้น 7 แสนบาร์เรลต่อวัน มาที่ระดับ 84.93 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2010 โดยตัวเลขนี้สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ครั้งก่อนราว 2 แสนบาร์เรลต่อวัน
ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. พุ่งขึ้น +$0.88 มาที่ $74.15 ต่อบาร์เรล จากที่ปิด $73.27 ต่อบาร์เรลเมื่อวันก่อนหน้า หลังโดยได้รับแรงหนุนจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) คาดการณ์ในทางบวกต่ออุปสงค์ + อุณหภูมิที่ลดลงในสหรัฐ และจากการคาดการณ์ว่าอุปสงค์ในน้ำมัน heating oil อาจเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ และจากการร่วงลงของดอลลาร์ ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. ขยับขึ้นอีก +$0.40 มาอยู่ที่ $74.55 ต่อบาร์เรล
ปัจจัยลบ
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — เมื่อคืนนี้
1. ABC News เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ Consumer Comfort Index (CCI) ร่วงลงมาที่ระดับ -48 ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 ต.ค. หลังจากอยู่ที่ระดับ -45 ในสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่ผู้บริโภคสหรัฐมีมุมมองที่ซบเซาเกี่ยวกับบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยและการเงินส่วนบุคคล
2. บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันเปิดเผยผลประกอบการสูงเกินคาด แต่รายงานรายได้ที่ต่ำกว่าคาด
3. บริษัทอินเทลรายงานผลประกอบการและรายได้ที่สูงเกินคาด นอกจากนี้ ยังคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 4 สูงกว่าเป้าหมายของที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ อันเป็นผลจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวของยอดขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น -5 สต. มาปิดที่ 33.26 บาท จากที่ปิด 33.31 บาทเมื่อวันก่อนหน้า ตามทิศทางสกุลเงินในภูมิภาค ขณะที่การแทรกแซงของ ธปท. ก็ยังไม่สามารถสกัดการแข็งค่าของเงินบาทได้มากนัก ขณะที่เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลง +1 สต. มาที่ 33.27 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.23 บาทและ 33.21 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 33.31 บาทและ 33.37 บาท
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — คืนนี้
1. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย. เวลา 19.30 น. โดยผลสำรวจคาดว่า ราคานำเข้าจะเพิ่มขึ้น +0.2% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น +2.0% ในเดือนส.ค. ขณะที่ราคาส่งออกจะเพิ่มขึ้น +0.1% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น +0.7% ในเดือนส.ค.
2. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ย. เวลา 19.30 น. โดยผลสำรวจคาดว่า ยอดค้าปลีกจะลดลง -2.1% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น +2.7% ในเดือนส.ค. และยอดค้าปลีกที่ไม่รวมรถยนต์จะเพิ่มขึ้น +0.2% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น +1.1% ในเดือนส.ค.
3. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค. เวลา 21.00 น. โดยผลสำรวจคาดไว้ว่า ปริมาณสินค้าคงคลังภาคธุรกิจจะลดลง -0.9% ในเดือนส.ค. หลังจากลดลง -1.0% ในเดือนก.ค.
4. API จะเปิดเผยตัวเลขปริมาณสำรองน้ำมันประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 9 ต.ค. เวลา 04:00 น. โดยผลสำรวจคาดว่าปริมาณสำรองน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้น +0.7 ล้านบาร์เรล ส่วนปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น 0.1 ล้านบาร์เรลและปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น +0.7 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง -0.3%
ผลประกอบการไตรมาส 3/09 ของสหรัฐ — สัปดาห์นี้
1. เจพี มอร์แกน เชสในวันนี้ 2. โกลด์แมน แซคส์และไอบีเอ็มในวันพรุ่งนี้ 3. แบงก์ ออฟ อเมริกา และเจเนอรัล อิเล็กทริกในวันศุกร์
กองทุนทองคำ — กองทุนทองคำ SPDR ได้รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 13 ต.ค.52 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,109.31 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.77 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 35.66 ล้านออนซ์
ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
Source : Bloomberg
อมูลจาก YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน LBMA 653/14 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ปากซอย 9) แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 Tel: 0-2287-1155, 0-2677-5520 Fax: 0-2677-5512 www.ylgbullion.com