ฟิทช์ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารเกียรตินาคินเป็นลบ

ข่าวทั่วไป Tuesday July 25, 2006 10:44 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารเกียรตินาคิน (“KK”) เป็นลบ จากเดิมที่แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KK ที่ ‘BBB+(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F2(tha)’
การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตภายในประเทศสะท้อนถึงการถดถอยของคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคาร อันเนื่องมาจากจากการที่มีการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างๆที่สูงและสภาวะการดำเนินธุรกิจที่อ่อนแอลง ฟิทช์ตั้งข้อสังเกตว่าความเสี่ยงต่างๆนี้ได้ถูกลดทอนลงในระดับหนึ่งด้วยบทบาทที่ชัดเจนในการดำเนินธุรกิจของ KK รวมทั้งเงินกองทุนและผลกำไรที่แข็งแกร่งของธนาคาร แม้ว่าการกันสำรองหนี้สูญที่อาจสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อผลกำไรได้
KK รายงานผลกำไรสุทธิที่ 2.4 พันล้านบาท ในปี 2548 เพิ่มขึ้นจาก 2.2 พันล้านบาท ในปีก่อนหน้า เนื่องมาจากการเติบโตของสินเชื่อที่สูง โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ซึ่งมีการเติบโตถึง 30.2% ในปี 2548 และสินเชื่อโครงการที่อยู่อาศัยและการก่อสร้าง ซึ่งมีการเติบโตถึง 17.4% ธนาคารยังได้บันทึกกำไรจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพด้วย ผลกำไรสุทธิของ KK เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 พันล้านบาท ในครึ่งปีแรกของปี 2549 จาก 1.1 พันล้านบาท ในครึ่งปีแรกของปี 2548 เนื่องมาจากการเติบโตของสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารลดลงเป็น 5.6% (หลังจากปรับตัวเลขให้เป็นตัวเลขสำหรับงวดบัญชีรายปีแล้ว) ในครึ่งปีแรกของปี 2549 จาก 6.5% ในปี 2548 เนื่องมาจากการแข่งขันที่รุนแรงและต้นทุนการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มสูงขึ้น
ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 สินเชื่อโครงการที่อยู่อาศัยและสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์คิดเป็นสัดส่วน 36.8% และ 52.4% ของสินเชื่อทั้งหมดของ KK ตามลำดับ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น 8.6 พันล้านบาท หรือ 14.5% ของสินเชื่อทั้งหมด ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 จากระดับ 6.2 พันล้านบาท หรือ 12.6% ณ สิ้นปี 2547 เนื่องมาจากหนี้ที่ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แล้วบางส่วนย้อนกลับมาเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อีก และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่เกิดขึ้นใหม่ ระดับสำรองหนี้สูญลดลงเป็น 47.4% ของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 จาก 57.9% ณ สิ้นปี 2547 โดยมีสาเหตุหลักมาจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่สูงขึ้น ฟิทช์ตั้งข้อสังเกตว่าการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างๆที่สูงมากของธนาคารได้เพิ่มความเสี่ยงที่จะต้องกันสำรองหนี้สูญเพิ่ม โดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของภาคธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างเพิ่มขึ้นเป็น 30.7% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 จาก 21.3% ณ สิ้นปี 2547 หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ก็เพิ่มขึ้นเป็น 4.4% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 จาก 3.8% ณ สิ้นปี 2547
เนื่องจากสถานการณ์ทางด้านตลาดทุนที่อ่อนแอและส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ของ KK ที่ลดลง สัดส่วนค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ได้ลดลงเป็น 5.2% ของรายได้ทั้งหมดของ KK ในปี 2548 จาก 9% ในปี 2547 สัดส่วนของรายได้จากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของธนาคารซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 13% ของรายได้ทั้งหมด ในปี 2548 ก็น่าจะยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อคิดเป็นสัดส่วนของรายได้ทั้งหมด
ธนาคารระดมเงินทุนเพื่อการปล่อยสินเชื่อส่วนใหญ่จากผู้ฝากเงินรายใหญ่ที่มีสถานะทางการเงินดี สินทรัพย์และเงินลงทุนที่มีสภาพคล่องของ KK คิดเป็นสัดส่วน 15.42% ของยอดเงินฝาก ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารอื่น ในขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากของธนาคารอยู่ในระดับที่สูงที่ระดับ 129% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 ตัวเลขเหล่านี้ได้เน้นให้เห็นถึงโครงสร้างของฐานเงินทุนเพื่อการปล่อยสินเชื่อและสภาพคล่องที่ยังไม่แข็งแกร่งเมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารอื่น อัตราเงินกองทุนขั้นที่ 1 ของ KK ที่ระดับ 23.3% ของสินทรัพย์เสี่ยง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 ซึ่งเป็นระดับที่สูง แต่ถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสม เมื่อพิจารณาถึงขนาดที่เล็กของธนาคาร การเติบโตที่สูง และการที่มีการปล่อยสินเชื่อให้ภาคธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงเป็นจำนวนมาก
KK ก่อตั้งในปี 2514 โดยมีฐานะเป็นบริษัทเงินทุน และเป็นธนาคารพาณิชย์ในเดือนตุลาคม 2548 ธุรกิจหลักของ KK คือการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ในขณะที่ธุรกิจอื่นๆของธนาคารได้แก่ การปล่อยสินเชื่อโครงการที่อยู่อาศัย การบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ รวมทั้งธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์และวาณิชธนกิจ ตระกูลวัธนเวคิน ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญและมีส่วนร่วมในการบริหาร ได้ควบคุมการบริหารงานของธนาคาร เมื่อพิจารณาถึงส่วนแบ่งการตลาดทางด้านเงินฝากที่น้อยมากและการที่ธนาคารไม่มีผู้ถือหุ้นที่เป็นสถาบันที่แข็งแกร่ง การสนับสนุนจากภาครัฐนั้นไม่ควรยึดถือเป็นสิ่งที่แน่นอน
ติดต่อ
ชัยพัฒน์ ไพฑูรย์, สรสิทธิ์ วรรณประเสริฐ, Vincent Milton, กรุงเทพฯ +662 655 4755
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตระดับเพื่อการลงทุน หรือมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำแม้จะอยู่ในระดับเพื่อการลงทุน อันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศจะอยู่ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนภายในประเทศในแต่ละประเทศนั้นๆ และมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับแต่ละประเทศ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นไม่สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฏข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ