กรุงเทพฯ--15 ต.ค.--บลจ.กรุงไทย
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุน กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เอฟไอเอฟ3เดือน1 ( KTFF3M1 ) ซึ่งปิดจำหน่ายเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2552 สามารถจำหน่ายหน่วยลงทุนได้เกินมูลค่าโครงการ 1,500 บาท โดยมียอดเงินลงทุนทั้งสิ้นกว่า 1,600 ล้านบาท
ดังนั้น ในสัปดาห์นี้ บริษัทจะจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 1 (KTFF1) อายุโครงการ1 ปี 10 เดือน เพื่อให้ลูกค้ากระจายการลงทุน ในกองทุนที่มีความหลากหลายของอายุโครงการ ซึ่งมีมูลค่า 1,500 ล้านบาท ตั้งแต่วันนี้ ถึง วันที่ 20 ตุลาคม 2552 เป็นกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ (Monetary Stabilization Bond หรือ Korea Treasury ) ทั้ง 100% ซึ่งปัจจุบันได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นระดับ F1โดย Fitch และเงินลงทุนจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
สำหรับแนวโน้มผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ปรับเพิ่มขึ้น โดยเกิดจากการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในสกุลวอน ประกอบกับต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลวอนต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ ปรับลดลง หลังจากผู้ว่าธนาคารกลางเกาหลีใต้ส่งสัญญาณว่ายังจำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.0% ต่อไป ประกอบกับกระแสการไหลสุทธิของเงินตราต่างประเทศเริ่มชะลอตัวลงบ้าง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของกองทุนอยู่ที่ 3.20% ต่อปี โดยจ่ายผลตอบแทนทุก 3เดือน เข้าบัญชีออมทรัพย์ ในรอบสุดท้ายผลตอบแทน และเงินต้น จะโอนเข้าบัญชีกองทุนเปิดกรุงไทยเซฟวิ่งฟันด์
ฝ่ายวิจัย บลจ. กรุงไทย รายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุด 2.0% ตามการคาดการณ์ของตลาด จากสัญญาณการชะลอตัวลงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทำให้คาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะชะลอลงในไตรมาสที่4นี้ ทำให้นักลงทุนคลายความวิตกจากการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้
ส่วนกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภท Rollover อยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 3เดือน1 ( KTSIV3M1 ) ถึงวันที่ 16 ตุลาคม 2552 เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน ได้แก่ หุ้นกู้ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด 6% เงินฝาก/ บัตรเงินฝาก/ตั๋วแลกเงินธนาคารสินเอเซีย 20% ธนาคารเกียรตินาคิน 24% บมจ.เอเชียเสริมกิจลีสชิ่ง 25% และบมจ.ปตท.อะโรเมติกส์ และการกลั่น 25% โดยกองทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 1.35% ต่อปี