กรุงเทพฯ--15 ต.ค.--บลจ.แอสเซท พลัส
บลจ.แอสเซท พลัส เปิดเสนอขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ (Rollover) กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น 6 เดือน กองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟตราสารหนี้ 2 (ASP-ACFIXED2) ลงทุนในตราสารหนี้เอกชนไทย ผลตอบแทน 1.60% ต่อปี** เปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่วันเดียว 19 ตุลาคม นี้
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวถึงภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะสั้นค่อนข้างทรงตัว ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวค่อนข้างผันผวนจากแรงขายพันธบัตรรัฐบาลไทยของต่างชาติและกองทุนรวม ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลด้านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศออสเตรเลีย และการเพิ่มขึ้นอัตราเงินเฟ้อ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 20-40 bps ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
“ในช่วงนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะสั้นน่าจะทรงอยู่ในระดับปัจจุบัน และมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้นในระยะยาว และหากตัวเลขผลประกอบการในไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ซึ่งมีแนวโน้มออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ประกาศออกมา น่าจะส่งผลให้ภาวะการลงทุนในต่างประเทศ และตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง” ดร.วิน กล่าว
ดร.วิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในด้านของแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทย คาดว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งนี้น่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ในระดับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยยอมรับได้ ประกอบกับแนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาทจะทำให้ราคาน้ำมันถูกลง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่ออัตราเงินเฟ้อ โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับที่ประมาณ 1% ในปีหน้า ซึ่งก็จะทำให้อัตราผลตอบแทนการลงทุนในตราสารหนี้ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำในปัจจุบัน
“แม้เศรษฐกิจในเอเชียส่วนใหญ?ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก สำหรับตัวเลขชี้นำเศรษฐกิจของไทยปรับตัวดีขึ้น ทั้งตัวเลขการผลิตในภาคอุตสาหกรรมการส่งออก การจ้างงาน และการใช้จ่ายภาคเอกชน ทำให้ กนง.ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.25% ยังคงอยู?ในระดับที่เหมาะสมที่จะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยไม่สร้างแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อ และน่าจะยังคงใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยแบบผ่อนปรนไปถึงสิ้นปี” ดร.วิน กล่าว
“สำหรับผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้บ้าง และชอบลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพในประเทศ ในวันที่ 19 ตุลาคม นี้ บริษัทฯ จะเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟตราสารหนี้ 2 (ASP-ACFIXED2) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ ที่เปิดเสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้ จะลงทุนในตั๋วแลกเงิน บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) บมจ. สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (ROJANA) บมจ.ภัทรลิสซิ่ง (PL) ธนาคารทิสโก้ (TISCO) และบมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) อายุประมาณ 6 เดือน คาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1.60% ต่อปี**
**รายละเอียดพอร์ตการลงทุนกองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟตราสารหนี้ 2 (ASP-ACFIXED2)
ชื่อตราสาร อันดับความน่าเชื่อถือ สัดส่วนการลงทุน ผลตอบแทนของตราสาร ผลตอบแทนการลงทุน ค่าใช้จ่ายกองทุน ผลตอบแทนของกองทุน
(โดยประมาณ) (%ต่อปี)* (%ต่อปี) (%ต่อปี) (%ต่อปี)
บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น FITCH Rating: A- 22.20% 1.65 0.37
บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ A- 22.20% 1.80 0.40
บมจ.ภัทรลิสซิ่ง A- 22.20% 1.69 0.38
ธนาคารทิสโก้ A- 11.20% 1.50 0.17
บมจ.บัตรกรุงไทย BBB+ 22.20% 2.20 0.49
1.80 0.20 1.60
*ผู้ขายตราสารณ วันที่29กันยายน2552หากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไปผู้ลงทุนอาจจะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ระบุไว้
ทั้งนี้ตราสารที่จะลงทุนอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาวะตลาดหรือตามที่ผู้จัดการกองทุนเห็นว่าเหมาะสม
ติดต่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติม
ผู้ลงทุนทั่วไป : Call Center 02-672-1111
สื่อมวลชน : ส่วนงานประชาสัมพันธ์ มุกพิม จุลพงศธร โทร. 02-672-1000 ต่อ 3308
อีเมล์: mookpim_ch@assetfund.co.th