กรุงเทพฯ--16 ต.ค.--กรมสรรพสามิต
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในรอบปีงบประมาณ 2552 (ตุลาคม 2551 — กันยายน 2552) ว่ากรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีได้รวม 291,221.20 ล้านบาท สูงกว่าในช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนจำนวน 12,908.73 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.64
สำหรับรายได้ภาษีสรรพสามิตในรอบ 3 ปีย้อนหลัง คือ ปีงบประมาณ 2549 2550 และ 2551 กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีได้จำนวน 274,095.65 ล้านบาท 287,231.35 ล้านบาท และ 278,312.47 ล้านบาท ตามลำดับ
อธิบดีกรมสรรพสามิตกล่าวต่อว่าในปี 2553 กรมสรรพสามิตจะบริหารงานภายใต้แนวคิดหลัก 5 ประการ กล่าวคือ
1. การบริหารจัดเก็บภาษีให้มีมาตรฐานและเป็นธรรม
มุ่งเน้นการบริหารการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตให้เป็นไปตามเป้าหมาย ควบคู่กับการสร้างมาตรฐานในการจัดเก็บภาษี รวมทั้งการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้ที่เสียภาษีโดยสุจริต
2. การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี
ปรับปรุงระบบการจัดเก็บภาษี ระบบการตรวจสอบ และระบบการควบคุมสินค้าที่อยู่ในความรับผิดชอบให้รัดกุมและมีมาตรฐาน รวมถึงการนำระบบแผนที่ภาษี (Tax Map) และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี
3. การจัดทำแผนแม่บทภาษีสรรพสามิต (Excise Tax Reform Master Plan)
จัดทำแผนแม่บทภาษีสรรพสามิตเพื่อสร้างกรอบการบริหารงานภาษีสรรพสามิต โดยคำนึงถึงการสร้างความเป็นกลางให้แก่ระบบภาษีและสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจของผู้ประกอบการ
4. การยกระดับการให้บริการประชาชน
ปรับปรุงการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ผู้เสียภาษีและประชาชนให้สามารถเข้าถึงการให้บริการต่างๆ ของกรมสรรพสามิตได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยการขยายระบบรับชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (e-Excise) ให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น รวมถึงการให้บริการประชาชนเบ็ดเสร็จผ่านสำนักงานอัจฉริยะ (Smart Office) และ Call Center 1713 เป็นต้น
5. สร้างขวัญและกำลังใจให้แก่บุคลากร
ปรับปรุงด้านสวัสดิการของบุคลากรทั้งในด้านการทำงานและความเป็นอยู่ เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ (Career Path) รวมถึงการสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ภายในองค์กร เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทักษะและประสบการณ์ให้แก่บุคลากรอย่างต่อเนื่อง
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
สำนักงานเลขานุการกรม
กรมสรรพสามิต
โทร./โทรสาร 02 241 4778