กรุงเทพฯ--19 ต.ค.--คต.
นายวิจักร วิเศษน้อย รักษาการอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.)เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2552 สหภาพยุโรปได้สรุปผลการร่างระเบียบการติดฉลากยางรถยนต์สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล (C1) รถประเภท Light utility vehicle (C2) และยานพาหนะขนาดใหญ่ (C3) จะต้องมีฉลากที่แสดงถึงประสิทธิภาพในการประหยัดเชื้อเพลิงและตัวชี้วัดที่สำคัญอื่นๆ เรียงจาก A ประสิทธิภาพสูงสุด ถึง G ประสิทธิภาพต่ำสุด ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 เป็นต้นไป
หลังจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2555 เป็นต้นไป ผู้จัดจำหน่ายยางรถยนต์จากโรงงาน สำหรับรถยนต์ประเภท C1 และ C2 จะต้องให้ข้อมูลประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิงของยางแก่ผู้ซื้อ ร้านค้าหรืออู่ซ่อมรถยนต์ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของการติดสติกเกอร์บนสินค้า หรือการแสดงฉลากควบคู่กับสินค้า นอกจากนี้ยังมีการจัดระดับสำหรับยางที่มีระดับเสียงต่างกันในขณะขับเคลื่อน โดยสภายุโรปเสนอให้มีการออกแบบรูปภาพใหม่บนฉลาก และแสดงระดับเสียงจากยางเป็นหน่วยเดซิเบล ไม่รวมยางประเภท Re - treaded tyres, off - road tyres และ racing tyres ทั้งนี้ รัฐบาลประเทศสมาชิกอียูมีสิทธิที่จะให้แรงจูงใจในการผลิตยางที่มีคุณภาพในการประหยัดเชื้อเพลิง โดยจะสามารถให้แรงจูงใจได้ต่อเมื่อเป็นยางที่อยู่ในระดับ C ขึ้นไปเท่านั้น คณะกรรมาธิการยุโรปจะเผยแพร่คำอธิบายความหมายของสิ่งที่อยู่บนฉลากยางรถยนต์และการคำนวณการประหยัดเชื้อเพลิงบนเว็บไซต์ภายในมิถุนายน 2555 โดยร่างระเบียบดังกล่าวจะต้องผ่านการรับรองจากคณะมนตรียุโรป (ตัวแทนประเทศสมาชิกอียู) ก่อนที่จะได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการขั้นสุดท้ายจากสภายุโรปต่อไป ซึ่งสามารถดูรายละเอียดร่างระเบียบดังกล่าวได้จาก http://www.europarl.europa.eu/news/expert/infopress_page/052-61342-271-09-40-909-20090928IPR61340-28-09-2009-2009-false/default_en.htm
นายวิจักรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยส่งออกยางรถยนต์ไปสหภาพยุโรป มีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 10,469 ล้านบาท (ปี2549-2551) ในปี 2551 ไทยส่งออกมูลค่า 13,593 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 20 และในปี 2552 (มค.- สค.) ไทยส่งออกมูลค่า 7,008 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 26 ผู้ผลิตยางรถยนต์ของไทย จึงควรศึกษาร่างระเบียบนี้ ซึ่งจะมีผลใช้บังคับแน่นอนในปี 2555