ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิต “ธ. เกียรตินาคิน” และหุ้นกู้เท่าเดิมที่ “A-/Stable”

ข่าวทั่วไป Friday December 8, 2006 08:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 ธ.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) คงเดิมที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีความสามารถ ความสำเร็จในการขยายธุรกิจใหม่เพื่อทดแทนธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มีขนาดลดลงเรื่อยๆ ตลอดจนการมีฐานะเงินกองทุนและสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในระดับแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงปัจจัยแวดล้อมในธุรกิจธนาคารพาณิชย์และจากการถดถอยของคุณภาพสินทรัพย์ อันดับเครดิตดังกล่าวยังได้พิจารณาถึงประโยชน์จากการเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบที่จะทำให้ธนาคารมีความยืดหยุ่นทางการเงินที่ดีขึ้นและมีโอกาสในระยะยาวในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของธนาคารมีข้อจำกัดจากการมีมูลค่าและเครือข่ายทางธุรกิจที่จำกัดเมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีข้อจำกัดจากภาวะการแข่งขันในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่ทวีความรุนแรงและปัญหาคุณภาพสินเชื่อสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่าธนาคารจะสามารถรักษาระดับการทำกำไรและฐานะเงินกองทุนและสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่องในระยะปานกลาง นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงการมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ตลอดจนผลงานที่เป็นที่ยอมรับ และเงินกองทุนที่พอเพียงซึ่งจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงให้แก่ธนาคารจากความไม่แน่นอนของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและธุรกิจได้
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ธนาคารเกียรตินาคินได้หันมาดำเนินธุรกิจให้กู้ยืมตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมาเพื่อที่จะทดแทนธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ถดถอยลงและคาดว่าจะค่อยๆ เลิกให้บริการภายใน 2 ปีข้างหน้า โดยเน้นการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และอสังหาริมทรัพย์ซึ่งธนาคารได้ประสบการณ์และความชำนาญมาจากการบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพเป็นสำคัญ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2549 สินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ของธนาคารมีสัดส่วน 55% และ 34% ของสินเชื่อรวมของธนาคารตามลำดับ ธุรกิจดังกล่าวช่วยสร้างรายได้ที่ต่อเนื่องและให้ผลตอบแทนที่ดีแก่ธนาคาร อย่างไรก็ตาม ปัจจัยทางเศรษฐกิจและธุรกิจที่เอื้ออำนวยน้อยลงมีผลกระทบต่อคุณภาพสินทรัพย์ของสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อก่อสร้างของธนาคาร และนำมาซึ่งการถดถอยลงอย่างต่อเนื่องของคุณภาพสินเชื่อ อัตราส่วนสินเชื่อจัดชั้นที่ค้างชำระเกิน 3 เดือน (ชั้นปกติ ชั้นสงสัย และชั้นสงสัยจะสูญ) ต่อสินเชื่อรวมของสินเชื่อแต่ละประเภทของธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 5.1% และ 31.8% ตามลำดับ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2549 จากระดับ 3.7% และ 17.5% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2547
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า จากการที่ธนาคารเน้นให้สินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงแต่ให้ผลตอบแทนสูง โดยเฉพาะสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ผู้บริหารของธนาคารจึงมีนโยบายในการรักษาเงินกองทุนและสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2549 สินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคาร (สินเชื่อจัดชั้นที่ค้างชำระเกิน 3 เดือน ยอดคงค้างสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้ และสินทรัพย์รอการขาย) คิดเป็น 0.76 เท่าของเงินกองทุนและค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของธนาคาร ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ระดับ 1.19 เท่าสำหรับธนาคารพาณิชย์ไทยทั้ง 14 แห่ง (รวมธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับอนุญาตใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารสินเอเซีย จำกัด (มหาชน) ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) และธนาคารเกียรตินาคิน)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ