กรุงเทพฯ--20 ต.ค.--ธนาคารไทยพาณิชย์
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2552 ก่อนสอบทาน แสดงกำไรสุทธิจำนวน 5.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2551 ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลประกอบการ
ที่ปรับตัวดีขึ้นมาจาก รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30.1 จากการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและกำไรจาก
เงินลงทุน นอกจากนี้ การที่ธนาคารสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.4 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน นับเป็นอีกปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อผลประกอบการที่ดี ท้ายสุด สินเชื่อด้อยคุณภาพได้ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 4.7
ณ สิ้นกันยายน 2552 จากร้อยละ 5.2 ในปี 2551
ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ให้ความเห็นต่อผลประกอบการในไตรมาสนี้ว่า “ผลประกอบการที่ดีของธนาคารแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 และธนาคารมีความพร้อมที่จะเข้าสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากนี้ไปด้วยการมีเงินกองทุน ผลกำไรสุทธิ และผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นในระดับสูง มีมูลค่าตลาดรวมสูงเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มสถาบันการเงินของประเทศ ศักยภาพในการแข่งขันที่อยู่ในระดับสูงของธนาคาร ณ ขณะนี้ เป็นผลมาจากโครงการปรับปรุงธนาคารที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธนาคารมีความสามารถที่จะตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากและรวดเร็วได้เป็นอย่างดี”
ผลกำไรสุทธิที่ปรับตัวดีขึ้นของธนาคารนั้น ปัจจัยหลักมาจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้ค่าธรรมเนียม โดยเฉพาะ
จากธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจ Bancassurance และผลิตภัณฑ์กองทุนรวม ทั้งนี้ รายได้ค่าธรรมเนียมในไตรมาส 3 อยู่ที่
4,850 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 เทียบกับไตรมาส 3/2551 เป็นผลสืบเนื่องจากความสามารถในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่อลูกค้าได้ครบวงจรโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าบุคคล ซึ่งเป็นฐานลูกค้าใหญ่ที่มีการเติบโตต่อเนื่อง
ในภาวะที่เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน ธนาคารสามารถควบคุมและบริหารค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย
แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายจากการลงทุนขยายเครือข่ายและลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจเพื่อรองรับเศรษฐกิจฟื้นตัวในปี 2553 ค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยในไตรมาส 3 อยู่ที่ 8,583 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.4 เทียบกับไตรมาส 3/2551
ทั้งนี้ ธนาคารยังคงสามารถรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่องในช่วงภาวะเศรษฐกิจหดตัว สินเชื่อด้อยคุณภาพ
อยู่ที่ร้อยละ 4.7 ณ สิ้นไตรมาส 3/2552 ลดลงจากร้อยละ 5.2 ในช่วงเวลาเดียวกันปี 2551 และอยู่ในระดับเดียวกันกับสินเชื่อ
ด้อยคุณภาพ ณ สิ้นมิถุนายน 2552 ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ร้อยละ 84.5 ณ สิ้นไตรมาส 3/2552
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ให้ความเห็นว่า “ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จในแนวทางการดำเนินธุรกิจของธนาคารในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ธนาคารสามารถเติบโตได้ในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว” กรรมการผู้จัดการใหญ่ได้กล่าวเสริมว่า “ธนาคารมุ่งมั่นที่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจต่อไปเมื่อเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น โดยได้วางรากฐานในการดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง เพื่อให้สามารถรองรับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่ในระยะต่อไป”
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศที่ให้บริการทางการเงินแบบครบวงจร ก่อตั้งขึ้นโดยพระบรมราชานุญาตในปี พ.ศ. 2449 โดยเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2552 ธนาคารมีมูลค่าตลาดรวม (Market Capitalization) สูงเป็นอันดับที่ 1 ในกลุ่มสถาบันการเงิน (289 พันล้านบาท) มีเครือข่ายสาขาและจุดให้บริการมากที่สุดในประเทศไทย (สาขารวมทั้งสิ้น 961 สาขา ศูนย์แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 122 แห่ง เครื่องเอทีเอ็ม 6,798 เครื่อง) เพื่อให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ลูกค้าธุรกิจขนาดกลาง/ขนาดย่อม และลูกค้าบุคคล ด้วยขนาดสินทรัพย์ 1,299 พันล้านบาท สามารถเรียกดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.scb.co.th
ติดต่อ
สื่อสารองค์กร
ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน)
โทร : 02-544-4502, 02-544-4517
Email : [email protected]