กรุงเทพฯ--21 ต.ค.--กรมสรรพสามิต
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบให้กรมสรรพสามิตยกเว้นการจัดเก็บภาษีธุรกิจสปา จากอัตราการจัดเก็บภาษีจากปัจจุบันที่จัดเก็บในอัตราร้อยละ 10 ของรายรับจากการให้บริการ เมื่อวันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2552 และนายแพทย์พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้กรมสรรพสามิตดำเนินการแก้ไขและออกประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไข การยกเว้นภาษีสรรพสามิตให้แก่สถานบริการประเภทอาบน้ำหรืออบตัว และนวดในสถานบริการเสริมความงามหรือเพื่อสุขภาพ เมื่อวันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2552 โดยมีผลบังคับใช้ทันที
สำหรับแนวทางการจัดเก็บภาษีสถานบริการประเภทอาบน้ำ หรืออบตัว และนวด ในสถานบริการเสริมความงามหรือเพื่อสุขภาพ มีดังนี้
1. รายรับที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 — 18 ตุลาคม 2552 ผู้ประกอบการทุกรายยังคงต้องมีหน้าที่ชำระภาษีเหมือนเดิม
2. ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2552 เป็นต้นไป
- ผู้ประกอบการที่ได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีทันที แต่ต้องมีหน้าที่เสียภาษีสำหรับรายรับที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1-18 ตุลาคม 2552
- ผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้รับรองมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข ก็จะต้องมีหน้าที่เสียภาษี ไปจนกว่าจะได้รับหนังสือรับรองมาตรฐาน ดังนั้น ผู้ประกอบการจะต้องดำเนินยื่นขอใบรับรองมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุขโดยด่วน เนื่องจากจะได้รับสิทธิการยกเว้นภาษีตั้งแต่วันที่ ได้รับรองมาตรฐาน สำหรับสถานประกอบการในเขตกรุงเทพฯ สามารถยื่นคำร้องได้ที่สำนักงานส่งเสริมธุรกิจบริการ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ในเขตต่างจังหวัด สามารถยื่นคำร้องได้ที่สำนักงานสาธารณสุข
จังหวัดทุกจังหวัด เมื่อผู้ประกอบการได้หนังสือรับรองมาตรฐานแล้ว ให้แจ้งสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ เพื่อทราบถึงสิทธิได้รับการยกเว้นภาษีตามประกาศกรมสรรพสามิตฉบับดังกล่าว
ข้อกำหนดของมาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานของสถานที่ การบริการ และผู้ให้บริการ
ซึ่งสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thaispa.go.th
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวทิ้งท้ายว่า การยกเว้นภาษีดังกล่าว เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการสปาให้มีศักยภาพในการแข่งขันสู่ระดับสากล และส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการให้บริการสปา รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ อันจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวในการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
กรมสรรพสามิต
โทร/โทรสาร 0 2241 4778