กรุงเทพฯ--22 ต.ค.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
สภากทม. ห่วงผลกระทบจากเตาเผาศพ ตั้งคณะกรรมการวิสามัญฯ แก้ไขข้อบัญญัติสุสานและฌาปนสถาน พ.ศ. 2546 มุ่งพัฒนาวัดให้มีเตาเผาที่มีความเหมาะสมและทันสมัยเข้ากับสภาพปัจจุบัน และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมของกรุงเทพมหานคร
นายกิตพล เชิดชูกิจกุล ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 4 (ครั้งที่3) ประจำปี พุทธศักราช 2552 โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะผู้บริหาร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร ศาลาว่าการกทม.
ในที่ประชุมนายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ สมาชิกสภากรุงเทพมหานครเขตพระโขนง ได้เสนอญัตติร่างข้อบัญญัติกทม. เรื่อง สุสานและฌาปนสถาน เนื่องจากทุกวันนี้ที่ดินในกทม. ราคาสูงขึ้นทำให้วัดที่มีพื้นที่จำกัดไม่สามารถหาที่สร้างเตาเผาศพได้ ขณะบางวัดมีแต่ไม่สามารถใช้งานได้เพราะพื้นที่ว่างโดยรอบไม่เพียงพอตามที่กฎหมายกำหนดคือ 20 เมตร ข้อกำหนดนี้ออกมาเพื่อสอดรับความปลอดภัยจากมลภาวะเป็นพิษจากการเผาศพ แต่เนื่องจากสภาพปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทำให้วัดที่มีพื้นที่จำกัดไม่สามารถพัฒนาวัดได้ และจากความแออัดของที่อยู่อาศัยและมีคนตายทุกวัน ดังนั้นหากวัดในชุมชนหรือใกล้เคียงไม่สามารถเผาศพได้ ญาติก็ต้องนำไปวัดอื่นที่ไกลออกไปซึ่งก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก อย่างไรก็ตามปัจจุบันเทคโนโลยีเกี่ยวกับเตาเผาทันสมัยเป็นเตาเผาปลอดมลพิษมากขึ้นน่าจะไม่ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากมลพิษ จึงเสนอควรจะแก้ไขข้อบัญญัติกทม. เรื่องสุสานและฌาปนสถาน พ.ศ. 2546 ให้เหมาะสมและทันสมัยเข้ากับสภาพปัจจุบัน
พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานครมีความเห็นด้วยและไม่มีข้อขัดข้องในเรื่องนี้ แต่ควรคำนึงถึงความปลอดภัยทั้งในเรื่องของเตาเผา และการเก็บเชื้อเพลิงให้ถูกวิธี โดยจะต้องเก็บข้อมูลของทุกๆที่ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา และทำการแก้ไขต่อไป ทั้งนี้ในที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบและตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณา 17 คน โดยมีระยะเวลาในการแปรญัตติภายใน 5 วัน