กรุงเทพฯ--13 พ.ย.--เคทีซี
เคทีซี แสดงผลประกอบการไตรมาส 3 ประจำปี 2549 กำไรสุทธิเติบโต 64% จากไตรมาสก่อน คิดเป็นมูลค่า 132 ล้านบาท รวม 9 เดือน 348 ล้านบาท ฐานสมาชิกรวมขยายตัว 4.5 แสนบัญชี ทั้งนี้จากปัจจัยแวดล้อมที่ดีขึ้น ผนวกกับการสร้างแคมเปญการตลาดและสร้างการจดจำในแบรนด์เคทีซีผ่านสื่อที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง และการเร่งขยายฐานสู่ภูมิภาค ครึ่งปีหลังมุ่งเน้นขยายสินเชื่อบุคคลมากขึ้น คาดอนาคตสดใส มีศักยภาพสร้างรายได้แก่บริษัท เตรียมพร้อมผนึกกำลังพันธมิตร สรรหาสิทธิประโยชน์สุดคุ้มแก่สมาชิก และลุยสร้างฐานลูกค้าใหม่กลุ่มวัยทำงานที่มีแนวโน้มเป็นลูกค้าได้ในอนาคต
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ปัจจุบันประเทศมีสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ดูได้จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเริ่มทรงตัว ตลอดจนราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง ทำให้ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เน้นการขยายฐานสมาชิกในอัตราที่สูง รวมทั้งได้เน้นให้ความสำคัญกับการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมากขึ้นเสมือนเป็นส่วนหนึ่งในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของสมาชิก ขณะที่ในด้านสินเชื่อบุคคลจะมุ่งให้สมาชิกมีการกู้ยืมไปใช้จ่ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็น มีวินัยในการใช้เงินและใช้คืนอย่างรับผิดชอบ”
“จากปัจจัยข้างต้นส่งผลให้ผลการดำเนินงานตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ มีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น 453,165 บัญชี เติบโตกว่า 124% จากสิ้นปี 2548 และจนถึงสิ้นไตรมาส 3 มีจำนวนสมาชิกในทุกธุรกิจรวมทั้งสิ้น 1,642,803 บัญชี แยกเป็นบัตรเครดิต 1,368,623 บัตร สินเชื่อบุคคล 270,523 บัญชี และสินเชื่อเจ้าของกิจการ 3,657 บัญชี ซึ่งหากพิจารณาจากระยะเวลา 9 เดือน พบว่ามีจำนวนสมาชิกใหม่ของลูกค้าเคทีซี แคช (KTC Cash) เพิ่มขึ้นถึง 180,948 บัญชี คิดเป็น 357% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากที่บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นการสร้างให้เกิดการจดจำในแบรนด์ของเคทีซีผ่านการโฆษณาทางรายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ และสิ่งพิมพ์ต่างๆ มากขึ้น ดังนั้นเมื่อลูกค้าต้องการทำธุรกรรมเกี่ยวกับบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ลูกค้าจะเลือกใช้บริการของเคทีซีมากกว่าที่จะเลือกใช้ผ่านสถาบันการเงินรายอื่นๆ นั่นเอง”
“และจากอัตราการเพิ่มขึ้นของฐานสมาชิกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้รวมสำหรับงวด 9 เดือน ปี 2549 มีจำนวนทั้งสิ้น 5,766 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 37% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าเกือบเท่ากับรายได้รวมของปี 2548 ทั้งปี โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ย (รวมค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน) และรายได้ค่าธรรมเนียมที่มีสัดส่วนคิดเป็น 68% และ 28% ของรายได้รวม สำหรับในไตรมาสที่ 3 นี้ บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 2,100 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 39% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งรายได้ดอกเบี้ยรับรวมค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยรับจากธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลเคทีซี แคชเป็นหลัก”
“สำหรับยอดค่าใช้จ่ายรวมในไตรมาสนี้มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา โดยมีค่าใช้จ่ายหลักที่มีผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทฯ ที่สำคัญ 3 รายการ คือค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน ที่เพิ่มขึ้น 3% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อย ทั้งนี้เป็นผลจากความพยายามที่จะควบคุมค่าใช้จ่ายให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญลดลง 2% จากไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากฐานสมาชิกใหม่ในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นไม่มากเท่ากับจำนวนสมาชิกใหม่ในไตรมาสที่ 2 จึงมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มในจำนวนที่ลดลงตามไปด้วย และรายการค่าใช้จ่ายที่สำคัญส่วนสุดท้ายคือ ดอกเบี้ยจ่ายที่มีมูลค่าสูงขึ้น แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (Repurchase Rate) จะเริ่มทรงตัวอยู่ที่ระดับ 5% ในไตรมาสนี้ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ ที่เริ่มทรงตัวตามอัตราดอกเบี้ยตลาด แต่ฐานเงินกู้ยืมของบริษัทฯ ยังคงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องตามมูลค่าของพอร์ตที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้บริษัทฯ ยังคงมีภาระต้นทุนทางการเงินเป็นจำนวนเงินที่สูงขึ้น ทั้งนี้บริษัทฯ มีต้นทุนเงินทุนสำหรับ 9 เดือน ปี 2549 เท่ากับ 4.8%”
“อย่างไรก็ตามการที่บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินและค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นผลจากการใช้กิจกรรมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตร และการเพิ่มสมาชิกใหม่ที่ใช้บริการด้านสินเชื่อบุคคลเคทีซี แคช รีโวลฟ (KTC Cash Revolve) ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้รวมและกำไรที่ยั่งยืนของบริษัทฯ ในอนาคต โดยในส่วนของบัตรเครดิตได้มีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่สมาชิก มุ่งเน้นให้ฐานลูกค้าบัตรเครดิตที่มีอยู่ใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น และด้านสินเชื่อบุคคลเคทีซี แคช ได้จัดให้สิทธิพิเศษตลอดจนให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับสมาชิกอีกด้วย”
“สำหรับฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 37,215 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากสิ้นปี 2548 ลูกหนี้การค้าสุทธิจำนวน 35,202 ล้านบาท ประกอบด้วยลูกหนี้บัตรเครดิต (รวมธนวัฏบัตรเครดิต) 25,293 ล้านบาท ลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเคทีซี แคช 6,180 ล้านบาท และลูกหนี้สินเชื่อเจ้าของกิจการ (KTC Million) สุทธิ 3,729 ล้านบาท”
“ผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด และรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจสินเชื่อบุคคล เคทีซี แคช รีโวลฟ ที่มีการขยายตัวของพอร์ตที่ดี ขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็ยังคงสามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจบัตรเครดิตซึ่งเป็นธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่องเช่นเดิม ทำให้ผลประกอบการในงวดบัญชีไตรมาสที่ 3 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 132 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 64% จากไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนกำไรสุทธิงวด 9 เดือนมีจำนวน 348 ล้านบาท”
“สำหรับการดำเนินงานไตรมาสสุดท้าย บริษัทฯ จะเน้นการเพิ่มขึ้นของสมาชิกสินเชื่อบุคคลเคทีซี แคช รีโวลฟ มากกว่าด้านอื่น แต่ทั้งนี้จะไม่มุ่งขยายตลาดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในด้านของการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่มีคุณสมบัติที่พร้อมจะมีบัตรเครดิตหรือใช้บริการสินเชื่อบุคคล แต่เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นลูกค้าที่มีศักยภาพ บริษัทฯ ก็ได้ให้ความสำคัญเช่นกัน โดยได้ออก “บัตรเคทีซี 24” ซึ่งเป็นบัตรสิทธิพิเศษสำหรับตอบสนองความต้องการของกลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวเริ่มเกิดความคุ้นเคยและมีความวางใจในแบรนด์ของเคทีซี ซึ่งหากในอนาคตลูกค้าบัตรเคทีซี 24 มีความพร้อมที่จะสมัครบัตรหรือบริการสินเชื่ออื่นๆ ก็สามารถใช้บริการของเคทีซีได้ทันที”
“นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเร่งขยายฐานสมาชิกสู่ตลาดภูมิภาคให้มากขึ้น เพราะเห็นถึงโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ เนื่องจากปัจจุบันไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคตามจังหวัดในหัวเมืองใหญ่จะใกล้เคียงกับสังคมเมืองในกรุงเทพฯ มากขึ้น ผู้บริโภคมีอำนาจการจับจ่ายและความต้องการเครื่องมือทางการเงินที่ทันสมัยมีประสิทธิภาพสูงขึ้น อีกทั้งการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตยังทำให้สมาชิกได้รับสิทธิประโยชน์ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันมากกว่าการใช้จ่ายผ่านเงินสด แต่อย่างไรก็ตาม การขยายขอบเขตสมาชิกสู่ภูมิภาค บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญต่อความเข้มงวดในการอนุมัติสมาชิกใหม่อย่างรอบคอบและรัดกุม โดยพิจารณาจากความสามารถในการชำระคืนของสมาชิกเป็นสำคัญ เพื่อประโยชน์ในการสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงแก่บริษัทฯ และระบบการเงินของประเทศในระยะยาว” นายนิวัตต์กล่าวปิดท้าย
รายละเอียดเพิ่มเติม : กัณฑรัตน์ เจิมจิตรผ่อง โทรศัพท์ 0-2665-5057
สุชาดา วีระสกุลรัตน์ โทรศัพท์ 0-2665-5732
ประภัทรพร ชุ่มชูวัฒน์ โทรศัพท์ 0-2665-5401
โทรสาร 0-2665-5046
อีเมล์ ktc_pr@ktc.co.th