กรุงเทพฯ--26 ต.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
กลุ่มบริษัทผู้ผลิตและนำเข้าอุปกรณ์ชุดควบคุมการปรับเปลี่ยนพลังงานทางเลือก ประกาศร่วมขับเคลื่อนการใช้พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพิ่มทางเลือกที่คุ้มค่าให้แก่ผู้ขับขี่รถยนต์ในยุคน้ำมันแพง ด้วย “อุปกรณ์ชุดคิทอัจฉริยะ FFV Conversion Kit” ให้รถยนต์สามารถเติมได้ทั้งน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลล์ทุกสัดส่วนสูงสุดถึง E85 เสริมสมรรถนะเครื่องยนต์ ด้วยระบบการเผาไหม้ที่หมดจดกว่า พร้อมมั่นใจขับขี่ปลอดภัยด้วย E85 ได้แน่นอน จากผลการทดสอบการใช้งานมากกว่า 1 ปี
นายธีระ ธีรสุภะเสฏฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟลคซฟิวเอล จำกัด ในฐานะตัวแทนกลุ่มผู้ผลิตและนำเข้า FFV Conversion Kit อุปกรณ์ชุดคิทอัจฉริยะ กล่าวว่า ในภาวะที่ราคาน้ำมันมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นในปัจจุบัน ผู้ใช้รถต่างประสบปัญหาค่าใช้จ่ายจากการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเลี่ยงไม่ได้ รถ FFV จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักขับที่ยังคงต้องการรถที่มีสมรรถนะสูง ขณะเดียวกันก็คำนึงถึงความประหยัดของค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันด้วย
ปัจจุบันรถยนต์ FFV ที่จำหน่ายประเทศไทยมีเพียง 2 ค่าย คือ ค่ายวอลโว่และมิตซูบิชิ รวมทั้งสิ้น 5 รุ่น ซึ่งอาจจะยังถือว่าเป็นรถยนต์ที่ยังมีราคาสูง ขณะที่ผู้บริโภคทั่วไปซึ่งอยู่ในสถานะที่ยังต้องคำนึงถึงการแบกรับภาระค่าใช้จ่ายประจำวันและมีรถที่ใช้อยู่แล้ว การเพิ่มทางเลือกในการประหยัดค่าใช้จ่ายโดยกลุ่มผู้ผลิตและนำเข้าอุปกรณ์ FFV Conversion Kit จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถได้อย่างลงตัว
FFV Conversion Kit เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเพิ่มความสามารถของรถยนต์ทั่วไปให้เป็นรถยนต์ FFV ที่จะสามารถเติมน้ำมันได้ทั้งเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกสัดส่วน ตั้งแต่ E10 จนถึง E85 ซึ่งโดยปกติแล้วเทคโนโลยีของรถยนต์ FFV จะมีการพัฒนาเพิ่มเติมจากรถยนต์ทั่วไปอยู่ 2 ส่วน คือ กล่องสมองกล (Electronic Control Unit : ECU) ที่มีความสามารถในการตรวจวัดและคำนวณปริมาณเอทานอลในเชื้อเพลิงได้สูงถึง 85 เปอร์เซ็นต์ สามารถควบคุมหัวฉีดให้ปรับการจ่ายเชื้อเพลิงในปริมาณที่เหมาะสมต่อสัดส่วนของเอทานอลในน้ำมันเชื้อเพลิงขณะที่กำลังใช้งานอยู่ และชิ้นส่วนในระบบเชื้อเพลิง เช่น ถังน้ำมัน หัวฉีด ท่อน้ำมัน ท่อยางและแหวนยางต่างๆ ที่จะต้องพัฒนาไปให้เป็นวัสดุที่เหมาะสมและสามารถรองรับการใช้งานกับแก๊สโซฮอล์สูงสุดถึง E85 โดยไม่มีผลต่อเครื่องยนต์การใช้งาน
ด้าน ผศ.ดร.จินดา เจริญพรพาณิชย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเชื้อเพลิงเอทานอล สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้เปิดเผยว่า ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้มีการศึกษาและทดสอบการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 กับรถยนต์รุ่นเก่าจำนวน 2 คัน มาตั้งแต่ต้นปี 2551 โดยการติดตั้ง FFV Conversion Kit เพื่อเพิ่มปริมาณการฉีดเชื้อเพลิง E85 ให้เหมาะสม รวมทั้งได้ทดสอบสมรรถนะ อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและมลพิษในห้องปฏิบัติการ ตามมาตรฐาน TIS.2160-2003 และทดสอบการใช้งานบนถนนในเบื้องต้นโดยไม่ได้เปลี่ยนชิ้นส่วนที่สัมผัสเชื้อเพลิงใดๆ พบว่า ชิ้นส่วนในระบบเชื้อเพลิงส่วนใหญ่สามารถใช้งานได้ดีไม่แตกต่างจากรถที่ใช้น้ำมันเบนซิน
การทดสอบชิ้นส่วนต่างๆ ในระบบเชื้อเพลิงตามมาตรฐาน SAE J1747 และ SAE J1748 ทำโดยการแช่ชิ้นส่วนในน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เป็นเวลา 2,000 ชั่วโมง และดูผลจากคุณสมบัติภายนอก น้ำหนัก และความแข็ง ซึ่งจากการทดสอบจะนำมาวิเคราะห์ผลกระทบของ E85 และ E100 เปรียบเทียบกับ E10 ซึ่งหาก E85 และ E100 ไม่แสดงผลกระทบมากกว่า E10 แล้ว จะถือว่าชิ้นส่วนที่ทดสอบมีความเหมาะสมกับ E85 และ E100 โดยจากผลทดสอบพบว่า ชิ้นส่วนที่สำคัญส่วนใหญ่มีผลกระทบมากกว่าการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 ไม่เกิน 15% ยกเว้นเฉพาะท่อยางคอน้ำมันและท่อยางไอน้ำมันที่มีผลกระทบมากกว่า 15% ซึ่งชิ้นส่วนทั้งหมดยังคงใช้งานได้ตามปกติในรถยนต์ที่ทดสอบใช้งานจริงโดยบริษัทเอกชน ในระยะเวลามากกว่า 1 ปี ที่ระยะทาง 60,000 กิโลเมตรจนถึงปัจจุบัน
รายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:
จามรี คุปตะเวทิน / ศรีเบญจา เสมมีสุข / สาธิดา ศรีธัญญาธรณ์
อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
โทร. 0-2252-9871