กรุงเทพฯ--27 ต.ค.--ปภ.
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประสาน 15 จังหวัดภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ และภาคตะวันออก เตรียมรับมือภาวะฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มในระยะ 2-3 วันนี้ (วันที่ 26-28 ตุลาคม 2552) รวมถึงกำชับมิสเตอร์เตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงภัยแจ้งข้อมูลสถานการณ์ภัยแก่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯในพื้นที่ เพื่อดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที พร้อมสั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอดจนจัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องมือให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานทันทีที่เกิดสถานการณ์ภัย
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ร่องฝนพาดผ่านภาคใต้ ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมอ่าวไทย ส่งผลให้ภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ และภาคตะวันออกมีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักในช่วง 2-3 วันนี้ (วันที่ 26-28 ตุลาคม 2552)
ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในพื้นที่ 15 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์
สุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง ภูเก็ต ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง ตราด จันทบุรี ระยอง และชลบุรี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้ประสาน 15 จังหวัดดำเนินการแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมการป้องกันอันตรายจากภาวะฝนตกหนักที่อาจสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินได้ โดยหมั่นติดตามพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา ปริมาณน้ำจากกรมชลประทาน และระดับการขึ้น-ลงของน้ำจากกรมอุทกศาสตร์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งสั่งการให้มิสเตอร์เตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังสถานการณ์ภัย แจ้งเตือนประชาชน และรายงานสถานการณ์ภัยแก่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระดับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที ตลอดจนสั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ เขต 11 สุราษฎร์ธานี และเขต 18 ภูเก็ต เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น และกำชับให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ภัยในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมเตรียมเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพพร้อมให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันท่วงที หากเกิดสถานการณ์รุนแรงให้จังหวัดดำเนินการช่วยเหลือประชาชนตามขั้นตอนของแผนป้องกันภัยของจังหวัด รวมทั้งให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตที่รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดที่ประสบภัยจัดกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งนำเครื่องมือ เครื่องจักรเข้าสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที
นายอนุชา กล่าวเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทั้ง 15 จังหวัดให้ติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิดหากมีฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลานานในพื้นที่และสังเกตพบสัญญาณผิดปกติทางธรรมชาติ เช่น ระดับน้ำในลำห้วยเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและมีสีขุ่นข้น ให้รีบอพยพและขนย้ายสิ่งของไปยังที่ปลอดภัย เพราะอาจเกิดน้ำป่าไหลหลากหรือน้ำท่วมฉับพลันขึ้นได้ สำหรับคลื่นลมบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจะมีคลื่นสูง ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ สุดท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป