กรุงเทพฯ--28 ต.ค.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
ปลายสัปดาห์นี้ ผู้ว่าฯ กทม.เตรียมนำทัพผู้บริหารเยือนสุรินทร์ผนึกกำลังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตช้าง ณ ถิ่นกำเนิด และสถาปนาความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้องกับจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ ขณะที่ในพื้นที่กรุงเทพฯ เทศกิจจับช้างเร่ร่อนนำคืนถิ่นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจับพังอุ้มดาว ส่งศูนย์อนุรักษ์ช้างกาญจนบุรี พร้อมจับมือประชาชนร่วมแจ้งเบาะแสรับรางวัลนำจับ
30-31 ต.ค.สัมมนาผนึกกำลังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตช้าง ณ ถิ่นกำเนิด จังหวัดสุรินทร์
ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แจ้งว่า กรุงเทพมหานคร โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะนำคณะผู้บริหารเดินทางไปสัมมนาผนึกกำลังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตช้าง ณ ถิ่นกำเนิด และสถาปนาความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้องกับจังหวัดสุรินทร์และจังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่ 30-31 ต.ค.52 ณ จังหวัดสุรินทร์ โดยกำหนดการจะตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของศูนย์คชศึกษา บ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม ชมพิพิธภัณฑ์ช้าง ชมการแสดงความสามารถของช้าง ร่วมเลี้ยงอาหารช้าง นอกจากนั้นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครยังจะแถลงนโยบายเรื่องการอนุรักษ์คุ้มครองช้างและแก้ไขปัญหาวิกฤติช้างไทยอย่างนั่งยืน และการอภิปรายถึงแนวทางความร่วมมือระหว่างบ้านพี่เมืองน้องสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนของช้างไทย
2 เดือนที่ผ่านมา กทม.ร่วมกรมปศุสิตว์จับช้างเร่ร่อนในกรุงเทพฯ 10 เชือก แต่ยังพบในรอยตะเข็บเมือง
สำหรับการดำเนินโครงการช้างยิ้มในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รองผู้ว่าฯ ธีระชน แถลงในวันนี้ (28 ต.ค.52) ว่า ตั้งแต่ กทม.ดำเนินโครงการช้างยิ้ม ในมาตรการเตือน บอกกล่าว จนถึงการจับกุม ร่วมกับกรมปศุสัตว์มาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน สามารถจับช้างได้ 10 เชือก จนทำให้ปริมาณช้างที่เร่ร่อนในกรุงเทพฯ ลดลง แต่เท่าที่สำรวจพบว่ายังมีช้างเร่ร่อนอยู่ตามตะเข็บของกรุงเทพฯ ในพื้นที่ จ.นครปฐม นนทบุรี สมุทรปราการ และปทุมธานี โดยขนส่งมาเร่ร่อนในกรุงเทพฯ ด้วยรถบรรทุกขนาดเล็ก สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วยากต่อการจับกุม
ประชาชนแจ้งเบาะแสจับกุมพังอุ้มดาว คืนวานนี้ นำส่งศูนย์อนุรักษ์ช้างกาญจนบุรี
สำหรับการเข้าจับกุมวานนี้ (27 ต.ค.52) เวลา 23.00 น. มีประชาชนแจ้งพบช้างเร่ร่อน เจ้าหน้าที่เทศกิจ สำนักงานเขตลาดพร้าว ร่วมกับกรมปศุสัตว์ จึงเข้าจับกุมช้างเร่ร่อนบริเวณปากซอยลาดพร้าว-วังหิน 5 ชื่อพังอุ้มดาว หรือบุ๋มบิ๋ม อายุ 6 ปี มีนายสุวิทย์ ยิ่งรัมย์ อายุ 28 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ อ้างว่าเป็นเจ้าของ มีควาญช้างติดตามจำนวน 3 คน คือ นายวิจิตรศิลป์ ศรีอำภา อายุ 16 ปี นายอเนก โยมรัมย์ อายุ 23 ปี และนายณัฐพงศ์ เยรัมย์ อายุ 18 ปี ซึ่งจับกุมทั้งหมดไปยังเขตลาดพร้าว ทั้งนี้ได้นำช้างมาเร่ร่อนได้เกือบครึ่งเดือนแล้ว โดยพักช้างที่หลังห้างฯ ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต สำหรับขั้นตอนต่อไปนั้นจะนำช้างที่จับได้ไปพักยังศูนย์อนุรักษ์ช้างกาญจนบุรี รวมกับช้างที่จับได้ก่อนหน้านั้นอีก 1 เชือก คือ พังแตงโม อายุ 3 ปี จับได้ที่เขตหลักสี่ ทั้งนี้ในแต่ละครั้งในการจับกุมนั้นพบว่ามีเอกสารการซื้อขายที่มีมูลค่าสูงถึงเชือกละ 4 แสนบาท นั่นแสดงว่าเจ้าของหรือผู้ซื้อช้างต้องมีเงินจำนวนมากและเป็นคนมีฐานะ ไม่ได้ยากจนอย่างที่เข้าใจกัน กลับเป็นการทารุณสัตว์ และทำผิดกฎหมายเคลื่อนย้ายสัตว์ด้วย
ผู้แจ้งเบาะแสและมีส่วนในการจับกุมรับรางวัลนำจับ
รองผู้ว่าฯ ธีระชน กล่าวว่า สำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสและมีส่วนในการนำจับช้างเร่ร่อนในพื้นที่กรุงเทพฯ จะได้รับรางวัลนำจับ ซึ่งในครั้งนี้ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์สยามรัฐก็ได้รับรางวัลด้วย ทั้งนี้ประชาชนทั่วไปสามารถแจ้งพบช้างเร่ร่อนและร่วมในกระบวนการจับเพื่อรับรางวัล โดยแจ้งโดยตรงที่นายมานิต เตชอภิโชค รองผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ โทร.08 1643 2672 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนั้นในวันที่ 6 พ.ย.52 กทม.จะตั้งศูนย์สายด่วนในการประสานความร่วมมือระหว่าง กทม.กับกรมปศุสัตว์ ในการเข้าจับกุมอย่างเร่งด่วนให้ทันกับการหลบหนีของช้างเร่ร่อน
ในการเดินทางไปสัมมนาผนึกกำลังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตช้าง ณ ถิ่นกำเนิด และสถาปนาความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้องกับจังหวัดสุรินทร์และจังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่ 30-31 ต.ค.52 ณ จังหวัดสุรินทร์ จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการกดดันและส่งสัญญาณไปยังผู้มีอิทธิพลในการจัดหา และนำช้างเร่ร่อน ว่ากรุงเทพมหานครและรัฐบาลให้ความสำคัญ ซึ่งจะเห็นได้จาก ค.ร.ม.มีมติให้เรื่องช้างเป็นวาระแห่งชาติ เมื่อ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา