กรุงเทพฯ--29 ต.ค.--สหมงคล
“แหยมยโสธร 2”
กำหนดฉาย 3 ธันวาคม พ.ศ.2552
ผู้สร้างและจัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
บริษัทดำเนินงานสร้าง บั้งไฟฟิล์ม และบาแรมยู
แนว คอมิดี้-เฮฮารักโรแมนติคแบบรากหญ้าภาษาอีสาน
อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
กำกับภาพยนตร์ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา
ควบคุมงานสร้าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว, สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์, เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา
ดำเนินงานสร้าง ศิตา วอสเบียน
กำกับภาพ จีระเดช สำเนียงเสนาะ
เรื่อง เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา
บทภาพยนตร์ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา,พิพัฒน์ จอมเกาะ
ออกแบบเครื่องแต่งกาย นิรชรา วรรณาลัย
กำกับศิลป์ วรากร พูนสวัสดิ์
แต่งหน้า ปริญญา ปานตั้น
ทำผม เชิดศักดิ์ ชมงาม
นำแสดงโดย เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา (หม่ำ จ๊กม๊ก), เจเน็ต เขียว, หรินทร์ สุธรรมจรัส (ดิม นักร้องนำวงแทททู คัลเลอร์), บุษราคัม วงษ์คำเหลา (เอ็ม ลูกสาวสุดที่รักของหม่ำ จ๊กม๊ก), เพทาย วงษ์คำเหลา (มิกซ์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของหม่ำ จ๊กม๊ก), อนุวัฒน์ ทาระพันธ์ (ยอดชายนายอะเฮ้ย), จรณ์ วงษ์คำเหลา (กอล์ฟ ลูกชายของแวววาว จ๊กม๊ก), สุดารัตน์ บุตรพรม (ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน), เขมร ลูกหยี, คำใส เชิญยิ้ม, นพดล ดวงพร, ยาวลูกหยี, หยองลูกหยี, แดน บุรีรัมย์, ซ่าส์หมาว้อ, วงTATTO COLOUR ฯ
เรื่องย่อ
เรื่องราวชุลมุนวุ่นฮาสนั่นท้องทุ่งกับเรื่องราวความรักอันเป็นตำนานของ “บักแหยม” (หม่ำ จ๊กม๊ก) และ “อีเจ้ย” (เจเน็ต เขียว) สุกงอมเปล่งปลั่งงดงามจนได้ที่ผลิดอกออกผลเป็นลูกสาวลูกชายได้ 1 โหลพอดิบพอดี บ้างตบแต่งออกเย้าออกเรือนกันไปอย่างชื่นมื่นตามคืนและวันที่ดำเนินผ่านไป เหลือเพียง อีแว่ (บุษราคัม วงษ์คำเหลา) ลูกสาวคนสวย และ บักคำผาน (เพทาย วงษ์คำเหลา) ลูกชายคนเล็กอย่างละหน่อ ที่ยังอยู่เป็นแก้วตาดวงใจ ไข่ในหิน ฯลฯ อย่างมิให้คลาดสายตา แม้แต่ จิ๊งจก อึ่งอ่าง ไส้เดือน ก็ยังบ่ได้ระแคะระคายเคือง อย่างน้อยๆ ในแถบถิ่นยโสธรที่ปกครองก็บ่มีผู้ใดกล้ามาริเด็ดดอกฟ้าหรือล้วงคองูหางกระดิ่งกริ๊งกริ๊งกริ๊ง อันเป็นที่รักยิ่งของบักแหยมที่บัดนี้กลายเป็นกำนันแหยมหนวดกระดิก ซึ่งเป็นที่ยำเกรงของผู้คนในตำบลไปเสียแล้ว
แต่แล้วเหมือนฟ้าเบื้องบนจะเป็นใจหรือลองใจบัก กำนันแหยม คนดีศรียโสธร ถึงได้ส่ง ปลัดธนู (ดิม หรินทร์ สุธรรมจรัส นักร้องนำวงแทททู คัลเลอร์) หนุ่มหล่อรูปงามมาดเท่ห์เพลย์บอยสุดสุดจากเมืองกรุงมาลูบคบ ก็แหมราชการเขาส่งตัวปลัดให้มาช่วยพัฒนาตำบลแท้ๆ แต่ดันมาคอยขายขนมจีบ “อีแว่” แก้วตาดวงใจของกำนันแหยมซะงั้น แหมเผลอทีไรไอ้หนุ่มเมืองกรุงหน้าทะเล้นจ้องแต่จะขโมยเด็ดดมลูกสาวคนสวยของกำนันตลอดตั้งแต่วันแรกที่ชาวบ้านจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญต้อนรับปลัด, ถึงขนาดปีนหน้าต่างห้องนอน, แม้แต่ไปจ่ายตลาด, ตากผ้า, หว่านข้าวลงนา จนถึงงานพิธีบั้งไฟใหญ่ประจำจังหวัด พ่อปลัดก็ไม่วาย ออกรำเซิ้งหน้าทะเล้นใส่ต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่กันทั่วทั้งจังหวัดเลยทีเดียว โดยมี “คำผาน” (เพทาย วงษ์คำเหลา) ลูกชายคนเล็กเป็นแนวร่วมส่งซิกรับใต้โต๊ะคอยดูทางหนีทีไล่ให้ปลัดอีกต่างหาก ไหนจะเห่อแฟชั่น ฟังแผ่นเสียงตามไอ้หนุ่ม เมืองกรุง เป็นเอามากถึงขนาด “บ่ยอมเว้าลาว” พี่น้อง!!! ส่วน “อีเจ้ย” ก็ดันชอบอกชอบใจปลัดหนุ่ม ถึงขนาดจะยกเป็นลูกเขยเลยทีเดียว แต่บักกำนันกลับถูกใจในมาดซื่อๆ ของ เกษตรฉัตรชัย (จรณ์ วงษ์คำเหลา) ที่ดูขยันขันแข็งเอาการเอางานมากกว่า กลุ้มกลุ้มกลุ้มหลาย แถมเมียรักก็ดันเสน่ห์ล้นเหลือ ถึงขนาดมีหนุ่มๆ มาคอยส่งดอกไม้ให้ถึงชายขอบบ้านอีกต่างหาก ตายตายตายเห็นทีงานนี้ปลัดหนุ่มกับกำนันแหยมจะอยู่ร่วมโลกกันบ่ได้แล้วละเด้อพี่น้อง เห็นทีคงต้องพึ่ง “หลวงพี่ยอดชาย” (อนุวัฒน์ ทาระพันธ์) พระหนุ่มที่มีน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งบ่ใช้ใครที่ไหนคือเจ้าของประโยค “ชายรับบ่ได้” ที่ผิดหวังจากความรักแล้วหันหน้าเข้าทางธรรม จนเป็นขวัญกำลังใจและเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้คนในตำบล คอยให้คำปรึกษาทุกเรื่องตั้งแต่งานบุญบั้งไฟ, เรื่องกลุ้มอกกลุ้มใจของกำนันแหยมไปจนถึงเรื่องราวใหญ่โตที่มีชีวิตทรัพย์สินและผู้คนในตำบลเป็นเดิมพันเมื่อการมาถึงของไอ้โจรร้ายอย่าง “เสือหยองลำพอง” (หยองลูกหยี) และพรรคพวกที่บุกเข้ามาปิดตลาดปล้นอย่างอุกอาจ เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรติดตามได้ใน “แหยมยโสธรภาค2” อุบัติดับเบิ้ลฮาแบบครบรส ตลกโรแมนติคแอ็คชั่นสวีทซึ้งตรึงอารมณ์พีเรียดย้อนยุคสีสันจัดจ้านบานอุรา ตามสไตล์หนังรักรากหญ้าฮา 100 ล้านที่คนไทยทั้งประเทศรอคอย ต้อนรับโปรแกรมทองฉลองวันพ่อ 3 ธันวาคมนี้ ถึงเวลา “แหยมยโสธร 2”
ใครเป็นใครใน “แหยมยโสธร 2”
รวบรวมคาแรกเตอร์สุดฮาแหยม1สุดเก๋า VS. แหยม2 น้องใหม่มากฝีมือ
กำนันแหยม รับบทโดย “หม่ำ จ๊กม๊ก”
กำนันประจำตำบลและหัวหน้าครอบครัว มีความเป็นผู้นำ เป็นคนมีความมั่นใจ โผงผาง ดูใจร้อน และค่อนข้างขี้รำคาญ แต่จิตใจที่แท้จริงนั้นเป็นคนมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับทุกคน มีเหตุผล รอบคอบ รักครอบครัว ตรงไปตรงมา
เจ้ย รับบทโดย “เจเน็ต เขียว”ภรรยาของกำนันแหยมหญิงวัยกลางคนที่มีความรักมั่นคงต่อกำนันแหยม และเป็นแม่ที่ดีของลูกๆ รักครอบครัว ตามใจลูก เป็นคนชอบแต่งตัว มีความมั่นใจในตัวเอง อัธยาศัยดี เข้ากับคนอื่นง่าย จิตใจดี มีน้ำใจ ใจเย็น มองโลกในแง่ดี
ปลัดธนู รับบทโดย “ดิม-หรินทร์ สุธรรมจรัส” (แทททู คัลเลอร์)
หนุ่มกรุงเทพหน้าตาดีที่เป็นคนสนุกสนานกวนๆ แต่มีความเป็นผู้ใหญ่ใน ตัวอารมณ์ดีเปิดเผยมนุษยสัมพันธ์ดีอัธยาศัยดีคารมดีดูเจ้าชู้แต่รักเดียวใจเดียวจริงใจมีความรับผิดชอบกระตือรือร้นในการทำงานรวมถึงการตามจีบแว่ ลูกสาวกำนันแหยม
แว่ รับบทโดย “เอ็ม-บุษราคัม วงษ์คำเหลา”
หนึ่งในลูกสาวกำนันแหยม หญิงสาวผู้มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ เป็นแม่ศรีเรือนของบ้าน พูดจาไพเราะ มองโลกในแง่ดี ใจเย็น มีมนุษยสัมพันธ์ดี เป็นคนเก็บความรู้สึกไม่ค่อยแสดงออกให้เห็น ขี้อาย ถือเนื้อถือตัว รักเดียวใจเดียว
คำผาน รับบทโดย “มิกซ์ - เพทาย วงษ์คำเหลา”
หนึ่งในลูกชายของกำนันแหยมที่ไม่พูดภาษาถิ่นเป็นคนขี้เกียจและเป็นจอมวางแผนตัวยงรักสนุกดื้อซนตามประสาเด็กวัยรุ่นชอบแต่งตัวตามกระแสแฟชั่น รักการฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ
เกษตรฉัตรชัย รับบทโดย “กอล์ฟ- จรณ์ วงษ์คำเหลา”
เกษตรหนุ่มจากกรุงเทพ ที่เข้ามาพัฒนาแหยมยโสธรพร้อมกับปลัดธนู บุคลิกเป็นคนเรียบร้อย สุภาพ อ่อนโยน คอยเป็นที่พึ่งให้กับชาวบ้าน
หลวงพี่ยอดชาย รับบทโดย “แจ้ง- อนุวัฒน์ ทาระพันธ์
หลวงพี่ที่มีเสียงพูดเป็นเอกลักษณ์ผ่านความเจ็บปวดจนปลงในชีวิตจึง หันหน้ามาเข้าทางธรรมจนได้เป็นที่พึ่งทางใจของคนในหมู่บ้าน เป็นผู้ที่มองโลกในแง่ดี สงบ นิ่ง ใจเย็น และมีเหตุผล
ประวัติ “หม่ำ จ๊กม๊ก” หรือ “เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา”
ผู้กำกับภาพยนตร์ “แหยมยโสธร 2”
เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หรือหม่ำ จ๊กม๊ก ตลกศิลปิน นักแสดง พิธีกร นักร้อง ฯลฯ มากความสามารถที่ไม่ว่าจะหยิบจับสิ่งใดล้วนแล้วแต่เป็นที่ยอมรับและประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด จนถึงวันนี้บทบาทของหม่ำในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ได้เดินทางมาจนครบครึ่งทศวรรษเป็นที่เรียบร้อยแล้วพร้อมฉายาผู้กำกับ400ล้าน จากภาพยนตร์เรื่องบอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม1-2, แหยมยโสธร และวงษ์คำเหลา ซึ่งแต่ละเรื่องล้วนแล้วแต่กวาดรายได้มากกว่า 100 ล้านบาทแทบทั้งสิ้น รวมผลงานการกำกับภาพยนตร์ร่วมกับ พาณิชย์ สดสีเรื่อง “หม่ำเดียวหัวเหลี่ยมหัวแหลม” หม่ำ จ๊กม๊ก ผ่านงานกำกับภาพยนตร์มาแล้ว 5 เรื่อง และมี “ว้อหมาบ้ามหาสนุก” เป็นผลงานภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่รับหน้าที่โปรดิวเซอร์อย่างเต็มตัว
กล่าวได้ว่าตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีในแวดวงบันเทิง งานที่ทำให้ชีวิตและชื่อเสียงของ “หม่ำ จ๊กม๊ก” เป็นที่รู้จักและประสบความสำเร็จสูงสุดคือ อาชีพนักแสดงตลก จนเป็นบันไดขั้นต้นที่ต่อยอดความสำเร็จให้ “หม่ำ” ได้แจ้งเกิดในทุกสายงานบันเทิง โดยเฉพาะวงการโทรทัศน์ได้รับการผลักดันจากเจ้าพ่อเกมโชว์อย่าง ปัญญา นิรันดร์กุล แห่งบ.เวิร์คพอยท์ฯ ทำให้ชื่อเสียงของ หม่ำเท่งโหน่ง เป็นที่รู้จักในฐานะแก๊งค์สามช่า และทุกรายการทางโทรทัศน์ที่ประสบความสำเร็จทั้งวาไรตี้เกมโชว์และซิทคอมล้วนมีชื่อของ หม่ำ เข้าไปมีส่วนด้วยแทบทั้งสิ้นอาทิ เวทีทอง, ชิงร้อยชิงร้าน, ระเบิดเทิดเถิง, ชัยบดินทร์โชว์, หม่ำโชว์, มหานคร ฯลฯ
แต่ต้องยอมรับว่าในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาชื่อของ “หม่ำ จ๊กม๊ก” ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดและเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงภาพยนตร์หลังจาก “มือปืน โลก พระ จัน” ของ “ต้อม ยุทธเลิศ” ทำรายได้ไปกว่าร้อยล้านบาท พูดได้ว่า “หม่ำ จ๊กม๊ก” ได้รับการผลักดันอย่างเต็มที่จาก เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ประธานกรรมการบริษัทสหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล ทั้งในส่วนของงานแสดงที่ล้วนแล้วประสบความสำเร็จทุกเรื่อง อาทิ “องค์บาก”, “ต้มยำกุ้ง”, “วาไรตี้ผีฉลุย”, “เฉิ่ม”, “โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง”, “เท่งโหน่งคนมาหาเฮีย”, “คู่แรด”, “ฮะเก๋า”, “ว้อ”, “องค์บาก2” รวมทั้งในส่วนของงานแสดงที่ “หม่ำ” รับหน้าที่กำกับภาพยนตร์ควบคู่ไปด้วย โดยเริ่มจาก “บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม”, “แหยมยโสธร” และ “บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 2”, “หม่ำเดียว หัวเหลี่ยมหัวแหลม” และ “วงษ์คำเหลา”
แต่เมื่อย้อนกลับไปในอดีตหม่ำมีงานแสดงและคร่ำหวอดอยู่ในวงการภาพยนตร์มานานนับทศวรรษ มีผลงานหลากหลายตั้งแต่หนังแนวแอ็คชั่นไปจนถึงหนังตลก จากผลงานอย่าง 2 โทน, กวนโอ้ย, บ้านผีปอบ ฯลฯ และด้วยความสามารถอันหลากหลายและเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ นี่เอง ทำให้ “หม่ำ จ๊กม๊ก” เป็นนักแสดงที่มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอจนถึงปัจจุบัน
ตลอดปี 2552 กล่าวได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปีทองที่ตอกย้ำความสำเร็จของ นักแสดง ผู้กำกับเลือดยโสธรคนนี้ได้เป็นอย่างดีจนกล่าวได้ว่า “หม่ำ จ๊กม๊ก” น่าจะเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยมีผลงานผลิตออกมาสร้างความบันเทิงที่สนุกสนานให้ชมกันอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของงานแสดงและกำกับภาพยนตร์โดยประเดิมต้นปีกับงานแสดงใน “หลวงพี่กับผีขนุน” ตามติดด้วยภารกิจโดนหักหลังเสี่ยงตายใน “สารแนะห้าวเป้ง” รวมทั้ง “วงษ์คำเหลา” ที่ทั้งแสดงนำและกำกับซึ่งกวาดรายได้ทะลุหลัก 100ล้านไปทั้ง 2 เรื่อง ก่อนที่จะส่งท้ายความสุขประจำปีวัวดุด้วยภาคต่อของภาพยนตร์รักฮาระดับรากหญ้าที่ทุกคนรอคอยอย่าง “แหยมยโสธร2” รับโปรแกรมทองต้อนรับวันพ่อ และ ต้อนรับปีใหม่กับผลงานแสดงในภาพยนตร์แอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ปิดท้ายปีอย่าง “องค์บาก3” ที่คนทั้งโลกรอคอยให้ได้ชมกัน
ด้วยความสามารถของมันสมอง สองมือและไอเดียมากล้น คาดว่าในปี 2553 “หม่ำ จ๊กม๊ก” ยังเตรียมเซอร์ไพรส์ในฐานะ “คนภาพยนตร์” อย่างเข้มข้นทั้งในส่วนของงานแสดงและการกำกับภาพยนตร์ กับโปรเจ็คต์ภาพยนตร์อย่าง “โป๊ะแตก แยกทางนรก”, “บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม3” รวมทั้งภาพยนตร์รีเมคสุดคลาสสิคที่สร้างความประทับใจมาตลอด 30 ปีอย่าง “ครูบ้านนอก” ที่ “หม่ำ จ๊กม๊ก” ทุ่มเทฝีมือทางการแสดงอย่างเต็มที่ในบท “ครูใหญ่” ซึ่งเป็นบทที่สร้างชื่อให้กับศิลปินอีสานระดับตำนานอย่าง “นพดล ดวงพร” มาแล้ว
ระดมมุกขนแก๊ก พร้อมใจส่งเสียงฮาจาก “รากหญ้า” ทะลุ “ยอดตึกระฟ้า”
ต้อนรับการกลับมาฮาแบบดับเบิ้ลของ “หนังรักเว้าอีสานระดับตำนาน-แหยมยโสธร2”
1. ถึงเวลากลับมาของ “แหยมยโสธร2” สุดยอดหนังภาคต่อ ฮาแบบดับเบิ้ลของหนังรักรากหญ้าฮา 100 ล้านสนุกสนานครบรสระดับตำนานเว้าอีสานกันทั้งเรื่อง จากผลงานการแสดงนำและกำกับภาพยนตร์และเค้นจากไอเดียของ “หม่ำ จ๊กม๊ก” ที่ทุกคนรอคอย และเป็นโปรเจ็คต์หนังที่ “หม่ำ” รักที่สุด ตลอดระยะเวลากว่า 4 ปีจาก (เข้าฉาย 8 ก.ย.2548) จากความสำเร็จกว่า 100 ล้านบาท (เฉพาะรายได้จากโรงภาพยนตร์ในกรุงเทพ) “หม่ำ จ๊กม๊ก” บ่มเพาะพล็อตเรื่องราว สรรหาไอเดียเพื่อให้ “แหยมยโสธร” ออกมาเป็นบทภาพยนตร์ที่สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามแบบฉบับของ “หนังตลกโรแมนติคย้อนยุคพูดอีสานสีสันสดใสเด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดีสนุกสนานหรรษา” และที่สำคัญต้องเป็นหนังภาคต่อ “ที่คุ้มค่าอลังการเบิ้ลเสียงฮา ” ให้ยิ่งกว่าภาคแรก เพื่อสมกับที่แฟนๆ ทุกคนรอคอยมากที่สุด โดยยอมเลื่อนการถ่ายทำที่วางแผนเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกไป หันไปถ่ายทำและกำกับภาพยนตร์เรื่อง “วงษ์คำเหลา” และ “โป๊ะแตกแยกทางนรก” ก่อนแล้วถึงหันมาเดินหน้าต่อเพื่อเปิดกล้องบวงสรวงถ่ายทำ “แหยมยโสธรภาค2” ในช่วงเดือนกรกฎาคม 52ที่ผ่านมา เพื่อให้ตัวภาพยนตร์ออกมาสมบูรณ์แบบและลงตัวที่สุด
2. คงความโดดเด่นกับเอกลักษณ์ที่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวในความเป็น “แหยมยโสธร” ที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร
2.1 ไม่มีใครกล้าคิดว่าจะมีหนังโรแมนติคคอมิดี้ที่พูดอีสานกันทั้งเรื่อง ที่ผ่านๆ มาอย่างมากที่สุดคอหนังจะได้เห็นตัวโจ๊ก หรือตัวละครสมทบ แต่ “แหยมยโสธร” ไม่เพียงสร้างมิติใหม่ให้กับวงการภาพยนตร์ที่ให้ตัวละครนำ พระเอก-นางเอก พูดอีสานกันตั้งแต่ฉากแรกไปจนเครดิตท้ายเรื่องเท่านั้น แม้แต่ตัวละครพระ, เด็ก, คนแก่ ฯลฯ ล้วนพร้อมใจกันเว้าอีสานกันหมดทุกตัวละคร แถมมีซับไตเติ้ลให้ได้ม่วนฮากันอีกต่างหาก พูดได้ว่าย้อนกลับไปในรอบ 10 ปีก็ยังไม่มีใครหน้าไหนกล้าทำอย่าง “หม่ำ จ๊กม๊ก” ทำ แต่สำหรับ “แหยมภาค 2” แม้จะยังคงความเป็นอีสานไว้เหมือนดั่งเดิมไม่มีขาดตกบกพร่อง แต่ด้วยพล็อตเรื่อง ทำให้มีการเพิ่มตัวละครนำที่พูดภาษากลางขึ้นมาเป็นตัวชูโรงขึ้นมาโดยเฉพาะ แถมมีบางตัวละครที่พูดภาษาใต้และเหนือขึ้นมาเพื่อสร้างสีสันให้กับเรื่องราวดูสนุกสนานครบรสมากขึ้น แต่ยังคงน้ำหนักความเป็นหนังรักรากหญ้าภาษาอีสานเฉกเช่นเคย และรับรองว่าผู้ชมจากทุกภาคจะยังคง “ฮาแตก” กับเรื่องราวของ แหยม-เจ้ย และทุกตัวละครใน “แหยมภาค2” อย่างแน่นอน
2.2 หนังอะไร้มาในสไตล์ย้อนยุค เสื้อผ้าสีแสบสัน ส้นตึก หัวโต ขาบาน เน้นเอวก้นสะโพก ผมเผ้าหน้าตา นึกถึงสมัย มิตร-เพชรา ทรงผมแอฟโฟร่กันโน่นเลยทีเดียว โดยชุดของทุกตัวละคร ต้องเนรมิตขึ้นมาโดยฝ่ายเสื้อผ้าที่รับผิดชอบ (ซึ่งร่วมงานกับหม่ำ จ๊มม๊กมาตั้งแต่บอดี้การ์ด, แหยมยโสธร, วงษ์คำเหลา) ต้องออกแบบให้นักแสดงแต่ละคนนับสิบชุด โดยแต่ละชุดมีมูลค่าเป็นหลักหมื่นเลยทีเดียว โดยเฉพาะรองเท้าส้นตึกของนักแสดงชายถึงกับต้องมีการตัดขึ้นมาใหม่เพื่อใช้ในภาพยนตร์โดยเฉพาะ ในขณะที่ผมเผ้าของกำนันแหยม จะไม่ได้เป็นทรงหน้าม้าเต่อกะลาครอบแล้ว แต่ตัวละครที่เหลือแทบทุกตัวละครทั้งหนุ่มทั้งสาวต้องใช้บริการวิกผมในการเปลี่ยนลุคส์แปลงโฉมกันแทบทั้งสิ้น
- โดย concept ของเสื้อผ้าในหนังเรื่องแหยม 2 จะออกแนว ยุค 60-70 ซึ่งเป็นยุคของดิสโก้ กางเกงขาบานทรงสูง รองเท้าส้นตึก โดยเสื้อเช็ตของผู้ชายจะเน้นที่คอปกที่จะดูแหลมๆ หน่อย สีสันจัดจ้าน สดใส ส่วนผู้หญิง จะเป็นชุดประโปรงธรรมดา ชุดเดรส เน้นสีสันเพื่อความเป็นแหยมยโสธรเช่นเคย
- เสื้อผ้าของพี่หม่ำ จะเป็นชุดแนวซาฟารี สีสันสดใส แดงสด, บานเย็น ฯลฯ เป็นเสื้อเชิ้ต กางเกงขาบาน เพื่อให้ดูเป็นกำนันเท่ห์ๆ ซึ่งเสื้อผ้าของพี่หม่ำทั้งหมดในเรื่องนี้รวมแล้วประมาณ 10 ชุด ทั้งชุดสูท และชุดข้าราชการ
- ตัวดิมก็จะเป็นตัวแทนวัยรุ่นในยุคนั้น แต่งตัวกันหลากหลาย แต่ของดิมจะเน้นเรื่องยีนส์ เป็นยีนส์ขาบาน แจ็กเก็ตยีนส์ รองเท้าส้นตึกหนาๆ 3 นิ้วมาช่วย ให้ดูเป็นเพลย์บอยอเมริกัน แล้วลายเสื้อผ้ารวมทั้งสีจัดจ้านตามสไตล์แหยมแน่นอน
- ส่วนของผู้หญิงก็จะเน้นกระโปงให้ดูเรียบร้อย เป็นกระโปรงทรงเอบ้าง หรือว่าย้วยบ้าง อย่างเรื่องสีเสื้อผ้าของพี่เขียวก็จะเป็น สีเขียว สีส้ม เป็นหลัก ส่วนเอ็ม ก็จะเป็น ชมพู บานเย็น หรือว่าขาว ประมาณนี้ คือหนังเรื่องนี้สีสันเสื้อผ้าค่อนข้างสด ก็ต้องใช้สีที่มันหลากหลาย เวลาเข้าฉากสีเสื้อผ้าจะได้ดูไม่ซ้ำกัน
- เฉพาะในส่วนของงบประมาณของเสื้อผ้าในแหยมยโสธรภาค 2 ใช้ลงทุนใช้งบกว่า 450,000 บาท โดยมีชุดของนักแสดงทั้งหมดในเรื่องนี้ประมาณ 60 กว่าชุด (ไม่นับตัวประกอบ) สั่งตัดใหม่ทั้งหมด
- รองเท้าของนักแสดงฝ่ายชาย ที่เป็นส้นตึก ต้องสั่งตัดใหม่ทั้งหมด เป็นจำนวนถึง 10 คู่ คู่ละ 4,500 บาท หนา ถึง 3 นิ้ว (เฉพาะแค่ค่ารองเท้าอย่างเดียวก็ใช้งบไปถึง 45,000 บาท)
- สไตล์แต่งหน้าของนักแสดงเรื่องแหยม 2 เน้นไปที่ยุค 60-70 การแต่งหน้าค่อนข้างเข้ม ต้องแต่งให้ดวงตาดูโตขึ้น ใสขึ้น คิ้วถูกกันให้ดูคมและดำ ส่วนเรื่องผมต้องใส่วิกให้ดูหนาและดกดำให้เข้ากับยุคสมัยก่อนเหมือนนางเอกชื่อดังในยุคนั้นคือ เพชรา เชาวราษฎร์
- ส่วนนักแสดงชายการแต่งหน้าไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่สำหรับดิมต้องมีใส่วิกเพื่อให้ดูดกดำเป็นเพลย์บอย โดยทางทีมงานต้องการเปลี่ยนลุกค์ดิมให้ดูเป็นสรพงษ์ ชาตรีตอนหนุ่มๆ เลยทีเดียว
2.3 ส่วนงานเทคนิคทางด้านภาพก็มีการแต่งภาพย้อมสีสันสดใสเฉกเช่นเคย นึกภาพท้องทุ่งนาเขียวขจีมีแบคกราวด์เป็นท้องฟ้าสีสว่างจ้าตัดรับกับเสื้อผ้าสีสันสดจัดของแต่ละตัวละครที่แต่งมาประชันได้อย่างจี๊ดจ๊าดเหลือคณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทุกตัวละครเข้าฉากพร้อมกันงานนี้ลองหลับตานึกภาพผ้าสะไบที่ห่มรอบเสาศาลพระภูมิก็จะร้อง “อ๋อ”ทันใด
2.4 ขาดไม่ได้ ที่หนัง “แหยม” จะไร้เสียงเพลง กับ “2 บทเพลงประกอบจากภาพยนตร์” “1 ช้า 1 เซิ้ง โดยเพลง “คืนอาลัย” ที่มาในอารมณ์ “ช้าๆ ซึ้งๆ” ที่ผกก.หม่ำตั้งใจประกอบในฉากที่รับประกันว่าทั้งซึ้งทั้งฮา ที่ “ปลัดธนู” ร้องไห้น้ำตาไหลพรากหมดสภาพไอ้หนุ่มรูปหล่อจากเมืองกรุงโดยมีอีแว่นั่งปลอบที่แคร่กลางทุ่งนา โดยมีทิดเซียง เสียงเสน่ห์ เจ้าของเสียงร้องใสขยี้ใจจากปานนกแก้วจาก “แหยมยโสธรภาค1” พร้อมยกวงดนตรีกวนใจมา ยืนแอ็คท่าครวญซึ้งในสไตล์มิวสิควิดีโอ และในขณะที่ เพลง “แต่งงานกันเด้อ” จากเสียงร้องของ ทิดเซียง เสียงเสน่ห์ เช่นกัน ก็มาในอารมณ์สนุกๆ ตาม mood ของหนังที่ปลัดหนุ่มออกลีลาหลีนางเอก แถมยั่วโมโหกำนันแหยมต่อหน้าธารกำนันอีกต่างหาก ในฉากงานบุญบั้งไฟใหญ่ประจำปีที่ลูกสาวกำนันอย่าง “อีแว่” ซึ่งเป็นตัวแทนของหมู่บ้านมาร่วมขบวนแห่ รำเซิ้ง แล้ว ปลัดธนู ก็ออกลายลงมาป้อ มารำ เซิ้งร้องเพลงจีบต่อหน้ากำนันแหยมและแม่เจ้ย (เจเน็ต เขียว) ซะงั้น พูดได้ว่า ถ้าแหยม 1 ฉากสนุกสนานมันส์ฮาของคู่พระนางในงานวัด ส่วนแหยม2 ฉากงานบุญบั้งไฟก็วาดีลาฮามันส์ไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่ากัน แถมขนบรรดานักแสดงมากันพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งบักคำผาน (ลูกชายหม่ำ จ๊กม๊ก) ที่แต่งตัวได้แรงสุดฤทธิ์ พร้อมด้วยสาวตุ๊กกี้ชิงร้อย ที่มาในลุคส์ของเทพีประจำจังหวัดซึ่งรับประกันว่าฮาสุดๆ ยัง ยังไม่หมด แจ้งอนุวัติในบท หลวงพี่ยอดชายก็มาร่วมแจม แม้แต่ ช้างยิ้ม คนสนิทของคุณนายดอกท้อ รวมทั้งรักและยม ลูกน้องของยอดชายอะเฮ้ยจากภาคแรกก็ขอมาร่วมสร้างสีสันกันครบทีม ฯลฯ
3. เสน่ห์พลังดารา+ความฮาแบบดับเบิ้ลแบบยกกำลังสองตอกย้ำการกลับมาสร้างเสียงฮาในแบบฉบับของ “แหยมยโสธร”
3.1 พลังดาราระดับแม่เหล็กของซูเปอร์สตาร์ดารา และ ผกก.400 ล้าน
“หม่ำ จ๊กม๊ก” และคู่พระนางอย่าง “เจเน็ต เขียว” ที่กลับมาขยี้เสียงหัวเราะอันบรรเจิดเลิศฮาในคราบคาแรคเตอร์ความเป็น “กำนันแหยม-เจ้ยเมียกำนันสุดสวยแถมเสน่ห์แรงสุดๆ ขนาดมีลูกเป็นโหลแล้วนะ แต่ยังคงอารมณ์ความสนุกสนานรักนะแต่ไม่แสดงออกเสียดสีประชดประชันในแบบฉบับ “แหยม-เจ้ย” เหมือนเคยชนิดที่ว่าภาค1ฮากับ “แหยมเจ้ย” ยังไง ใครที่ติดใจการอ้อนขอดอกบัวของเจ้ยจากแหยม งานนี้จับตาให้ดีในภาค2 ห้ามกระพริบตารับรองมีเหมือนเดิม แถมทั้งฮาและซึ้งกว่าที่เคย
3.2 ทวีคูณความฮาด้วยอีกหนึ่งไฮไลท์คู่พระ-นางรุ่นใหม่ ที่รับประกันว่าเปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟันแถมยียวนกวนหัวโดนใจไม่แพ้คู่แหยม-เจ้ย จนแทบไม่เชื่อว่านี่คือการขึ้นจอเป็นครั้งแรกของทั้ง เอ็ม-บุษราคัม วงษ์คำเหลาลูกสาวแสนหวงของ หม่ำ จ๊กม๊กที่บินลัดฟ้ามารับบท “อีแว่” ลูกสาวกำนันแหยมประกบเสียงฮาแบบเข้าขากับ “ดิม หรินทร์ สุธรรมจรัส” นักร้องนำวงแทททูคัลเลอร์ ที่วาดลีลาปลัดธนูหนุ่มหล่อมาดเพลย์บอยกะล่อนทะเล้นได้อย่างถึงใจ
3.3 พร้อมด้วยทายาทวงษ์คำเหลาตัวจริง อย่าง “มิก เพทาย วงษ์คำเหลา” ลูกชายคนเล็กของผกก.หม่ำ กับบท “คำผาน” ลูกกำนันแหยมที่บ่ยอมเว้าลาว ที่หลายคนกระซิบว่าบทแสบๆ บทนี้แทบถอดชีวิตจริงของ “หม่ำวัยเด็ก” มาใส่ในบทเลยทีเดียว พร้อมด้วย “กอล์ฟ-จรณ์ วงษ์คำเหลา” ลูกชายสุดหล่อในชีวิตจริงของ “แวววาว จ๊กม๊ก” กับบท “เกษตรอำเภอฉัตรชัยจากกรุงเทพ” ที่ถูกส่งมาพัฒนายโสธรแต่ดันปิ๊ง “อีแว่” เช่นเดียวกับปลัดธนู
3.4 การกลับมาแท็คทีมฮาแบบดับเบิ้ลของเหล่าดารานักแสดงจากแหยมยโสธร อาทิ “ยอดชายอะเฮ้ย” ที่ใน “แหยมยโสธรภาค2” รับบท “หลวงพี่ยอดชาย” กับบทแจ้งเกิดบทแผ่นฟิล์มจนประสบความสำเร็จเป็นที่รู้จักไป ทั้งประเทศของ “แจ้ง อนุวัฒน์” เจ้าของน้ำเสียงกระชากใจ “อะเฮ้ย ชายรับบ่ได้” ก่อนที่ จะขึ้นแท่นเป็นพระเอกอย่างเต็มตัวใน “ว้อ หมาบ้ามหาสนุก” และขโมยซีนสุดๆ กับบทท่านชายเป้าจาก “วงษ์คำเหลา” ร่วมด้วย ตุ๊กกี้ชิงร้อย ที่ประเดิมจอเงินเป็นครั้งแรกกับฉากเดียวที่ทำเอาคนขำกันทั้งโรงกับบท “สาวน้อยตกน้ำ” ใน “แหยมยโสธร1” กลับมาคราวนี้ยังคงคอนเซ็ปท์ฮาแบบได้ใจ แต่เลื่อนชั้นมาเป็นสาวงามระดับเทพีประจำจังหวัดเลยทีเดียว, รวมทั้ง 2 คาแรคเตอร์สุดฮา “รัก-ยม” สองคู่หูที่ร่วมด้วยช่วยกันไปไหนไปกัน แต่ยังคงสื่อสารกับผู้คนกันด้วยการพูดกันคนละประโยคเหมือนเดิม ช้างยิ้ม ลูกน้องคุณนายดอกท้อในแหยม1ที่ภาคนี้ขยับฐานะขึ้นมาเป็น คุณนายช้างยิ้ม (อนุพงศ์ วงษ์คำเหลา) รับหน้าที่เก็บดอกออกผลปล่อยเงินกู้ต่อสืบทอดมาจากคุณนายดอกท้ออีกทีหนึ่ง ที่คราวนี้ควงคู่มากับสองสามีอย่าง รัก (คำใส เชิญยิ้ม), ยม (เขมร ลูกหยี) ตามประสา 3 คนผัวเมีย จับตาดูว่าภาคนี้จะแสบสันต์ยียวนกวนประสาทชนิดถอดแบบมา จากคุณนายดอกท้อเลยทีเดียว
3.5 แถมพกเซอร์ไพรส์แบบสุดๆ กับบรรดาแขกรับเชิญสุดพิเศษ เมื่อคนใกล้ตัวของ คู่พระนางอย่าง “เอ็ม-ดิม” ต่างมาร่วมเติมแก๊กสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแบบยกทีมให้กับหนังรักฮารากหญ้าระดับตำนานอย่าง “แหยม2” ไม่ว่าจะเป็น “มด-เอ็นดู วงษ์คำเหลา” คุณแม่คนสวยของน้องเอ็มหวานใจ “หม่ำ จ๊กม๊ก” และ เหล่าสมาชิก “แทททูคัลเลอร์” นอกจากนี้ยังมีศิลปิน-นักแสดงอีสานอีกคับคั่งมาร่วมเบิ้ลความสนุกให้กับ “แหยม2” มากมาย อาทิ “นพดล ดวงพร” (หลวงพ่อจาก 15 ค่ำเดือน 11) ศิลปินตลกอีสานระดับตำนานจากคณะเพชรพิณทอง, ยาวลูกหยี, หยองลูกหยี, แดน บุรีรัมย์ (ศิลปินตลกในอดีตจากคณะเพลิน พรมแดนที่ปัจจุบันเป็นนักจัดรายการวิทยุชื่อดัง), ซ่าส์หมาว้อ ฯลฯ และจับตาดูคู่หูคู่ฮารุ่นเล็กที่จะมาร่วมถ่ายทอดความเป็น “อะเฮ้ย” แทนหลวงพี่ยอดชายได้อย่างสุดฮา
4. “ตัวบทเรื่องราวสนุกสนานครบรส” ยังคงมาพร้อมกับความเป็นภาพยนตร์รักฮารากหญ้าที่เหมาะสำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว เด็กดูได้ผู้หญิงดูดี ถึงแม้จะทะลึ่งทะเล้นในแบบคนอีสาน ซึ่งพูดได้เต็มปากว่านี่คือภาพยนตร์แห่งความสุขสนุกครบครันเหมาะสมกับเทศกาลปีใหม่ที่เน้นสร้างความบันเทิงสนุกสนาน ระเบิดเสียงหัวเราะกันให้สนั่นหวั่นไหว ภายใต้บรรยากาศ “พ่อตา-ลูกเขย” ที่ต่างฝ่ายต่างไม่ลดฮาวาก๊าก (ลดราวาศอก) ในกันและกันชนิดที่ว่าให้คำจำกัดความได้เลยว่ามาในสไตล์ “เด็ดหนวดพ่อตา” หรือ “ทีเด็ดลูกเขย” ใครจะอยู่ใครจะไปในงานนี้เลยทีเดียว โดย “ตัวstoryเรื่องราว ของแหยม2” ดูง่าย เคี้ยวง่าย กลืนง่าย ไม่เป็นพิษเป็นภัย กลับกันเป็นยาฮาขนานเอกรับประกันถูกโฉลกฮากันทั้งครอบครัว
5. เปิดกระติ๊บจ๊กข้าวเหนียวล้วงความลับความฮาในไหปลาแดกผลก็คือตัวอย่างของสารพัดฉากฮาบ่งบอกอารมณ์ขันในสไตล์ “แหยม2” และเบื้องหลังเบื้องลึกของการทำงานจากทีมนักแสดงทั้งหน้าเก่าคุ้นเคยและหน้าใหม่ถอดด้ามรวมไปถึงการเนรมิตอลังการงานสร้างกับฉากไฮไลท์สำคัญเพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ของภาค2ของแหยมยโสธร
- ทุกๆ ฉากของการเข้าพระเข้านางของ “ปลัดธนู-อีแว่” เมื่อหนุ่มดิม หรินทร์ แห่งวง TATTO COLOUR มาในมาดเพลย์บอยหนุ่มหล่อรูปงามจากกรุงเทพ ต้องใช้ทั้งคารม ความสามารถและลีลาทางการแสดงที่ทั้งแสบ ทั้งกระล่อน ขี้หลี หยอกเย้า กระเซ้า กระแซะ เข้าไปในระยะประชิดติดกับตัวน้องเอ็ม บุษราคัม วงษ์คำเหลา ลูกสาวของหม่ำ จ๊กม๊ก ด้วยวาจา คำหวาน หว่านเสน่ห์ ปากว่ามือถึง นอนตัก รวมไปถึงสัมผัสถูกเนื้อต้องตัวน้องเอ็ม อาทิ ฉากที่ดิมต้องพรั่งพรูคำหวานป้อนวลีชวนเลี่ยนจีบ น้องเอ็มในทุกๆ ฉากจนถึงกับต้องหลุดเล่นไปขำไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากปีนหน้าต่างบ้านเพื่อเอ่ยถ้อยคำรักจนกำนันแหยมต้องส่งปลัดด้วยลูกตะกั่วจากปืนลูกซอง, หนุ่มดิมกับสาวเอ็มช่วยกันหว่านข้าวในนาที่เกิดมาไม่เคยหว่านจนผกก.ต้องโดดลงกำกับด้วยตัวเอง, ฉากโรแมนติคกุ๊กกิ๊กพรอดรักชวนซึ้งอึ้งขำของคู่รักที่เถียงนา ที่ผกก.อยากให้ทั้งซบทั้งอิงแอบแนบชิดนอนตักกอด ขนาดที่ว่าผกก.จะให้หนุ่มดิมก้มหน้าลงไปซบที่หน้าตักของน้องเอ็ม จนพระเอกต้องเอ่ยปากว่ามันจะดีเร้อพี่หม่ำ, ไปจนถึงฉากไฮไลท์โรแมนติกเลิฟซีนในกระท่อมกลางฝนพรำ (คุ้นๆ ไหมฉากคลาสสิคจากแหยม1) แต่รับประกันว่าฮามากกว่าเป็น 2 เท่า ฯลฯ โดยงานนี้ทุกๆ ฉากผกก.หม่ำลงมาคุมเข้มกำกับด้วยตัวเอง พระเอกก็เกร็ง นางเอกก็เกร็ง แล้วพ่อนางเอก ผกก.หม่ำจะเกร็งไหมเนี่ย จะเป็นยังไงไม่รู้ (โดยเฉพาะทุกๆ ฉากเข้าพระเข้านาง)บอกได้คำเดียวว่างานนี้ฮากระจาย และไม่น่าเชื่อว่าทั้งดิม และเอ็มนีคือผลงานการแสดงเรื่องแรกในชีวิตประสบการณ์หนังเรื่องแรกของนักแสดงแต่ละคนไม่เหมือนกันแต่สำหรับทั้งคู่ได้ทำอะไรเยอะมากตั้งแต่ฉากรัก, ยียวนกวน, ตลก, ซึ้ง, เศร้า, น้ำตาไหลพรากกระชากอารมณ์ ฯลฯ และแน่นอนว่าล้วนแล้วแต่เป็นความทรงจำที่ย้อนกลับไปนึกแล้วชวนอมยิ้มและลืมไม่ลงอย่างแน่นอน โดยทั้งนี้ทั้งนั้นทั้งคู่ต้องถูกส่งไปเวิร์คช็อพการแสดงเพื่อสร้างความหนิทหนมคู่กันจนผลที่ได้ออกมาฮาลงตัวอย่างที่เห็น
- ทุกๆ ฉากของการเชือดเฉือนความฮาของ “กำนันแหยม-ปลัดธนู” (หม่ำVSดิม) ลองนึกภาพไฮไลท์การปีนเกลียวบนเวทีหม่ำ on stage ที่ทำให้หม่ำ จ๊กม๊กปิ๊งลีลายียวนกวนบาทาของหนุ่มดิม หรินทร์ TATTO COLOUR จนถูกเลือกให้มารับบทปลัดหนุ่มรูปงามจอมกะล่อนจากกรุงเทพ จนเป็นที่มาของทุกๆ ฉากฮาในการปะทะบทบาท และเชือดเฉือนคารมฮากันได้อย่างลงตัวแถมยังมันส์หยดติ๋งชนิดที่ไม่มีใครยอมใครของ “กำนันแหยม-ปลัดธนู” โดยงานนี้หม่ำเปิดโอกาสและกำกับหนุ่มดิม ให้งัดกลเม็ดเด็ดพรายไปจนถึงสารพัดมุกที่เตรียมมาได้ปล่อยอย่างเต็มที่ แถมยิงมุกสดกันแบบไม่ทันตั้งตัวอีกต่างหาก งานนี้ทั้งผกก.และนักแสดงหนุ่มไม่มีลดราวาศอก (ฮา) หรือเหนียมอายกันให้ขัดอารมณ์ เมื่อหนุ่มดิมยิงมาหนึ่ง พี่หม่ำก็ยิงกลับไปสอง ตามด้วยสามสี่ห้า ฮากันให้ตายไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว และทุกๆ ฉากล้วน กำชับอารมณ์ฮา ทั้งกลั่นและกรองการันตีโดย “หม่ำ จ๊กม๊ก” อาทิ ฉากบายศรีสู่ขวัญที่ส่งเสียงฮากันไม่เลิกตั้งแต่นักแสดงจนถึงทีมงาน, ฉากสานกระติ๊บที่ทั้งกัดจิกเหน็บแนมกันสารพัดมุกฮาของสองพ่อตาซ่า-ลูกเขยแสบ หรือการเหยียบถ้ำเสือของปลัดธนูที่กล้าเข้าไปลูบหนวดกำนันแหยมถึงที่บ้าน งานนี้ต้องดูว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
- “แหยม-เจ้ย” แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงแหยมยโสธร จะมองข้ามสองตัวละครสุดคลาสสิคอย่าง แหยม-เจ้ย จากการแสดงของ “หม่ำ-เจเน็ต เขียว” ไปได้ไง ทุกๆ ฉากของกลับมาครั้งนี้อัดแน่นไปด้วยความหนุกหนานหรรษาตามแบบฉบับของ “แหยมยโสธรหนังรักรากหญ้าฮา 100 ล้าน” ที่ครบรส ถ้ายังจำลีลารักนะแต่ไม่แสดงออก หรือหยิกแกมหยอกบอกรักกันแบบแรงๆ ตามสไตล์ “อะแหยมเจ้ยอยากได้” ภาคนี้ หม่ำ จ๊กม๊กจัดให้ แถมอุปสรรคนานาฮาพิสูจน์รักแท้ เมื่อเสน่ห์ความร้อนแรงของเจ้ยยังคงล้นเหลือจนถึงกับมีมารหัวใจของกำนันแหยมมาติดพันเจ้ยถึงชายรั้วขอบบ้านกันเลยทีเดียว
- “หม่ำ-เอ็ม-มิกซ์-มด” รวมพลพ้องครอบครัววงษ์คำเหลาตัวจริงเสียงจริง คงไม่มีครอบครัวไหนในโลกที่จะเป็นตัวแทนของ “ความสุข ความสนุกสนานที่หัวบันไดบ้านไม่เคยขาดแคลนรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ” เท่ากับครอบครัวนี้เป็นแน่แท้ ทำให้บรรยากาศการทำงานของกองถ่าย แหยมยโสธร2 คลุกเคล้าอบอวลไปด้วยความหรรษา ภาพหม่ำทั้งเล่นและกำกับตัวเอง กำกับลูกสาว ลูกชาย หลาน ไปจนถึงกำกับเมีย ทำให้ทั้งกองถ่ายยิ้มไปขำไป แม้แต่ช่างไฟ เด็กเสิร์ฟน้ำ ก็ยังอดหัวเราะไม่ได้ เราจะได้เห็นลีลาของมิกซ์ลูกชายคนเล็กของผกก.ที่ถอดแบบหม่ำ จ๊กม๊กราวกับออกมาจากบล๊อกพิมพ์เดียวกันทั้งมุกฮาและหน้าตา จับตาดูให้ดีบท “คำผาน”ลูกชายกำนันแหยมที่บ่ยอมเว้าลาว คือตัวหม่ำตอนเล็กๆ เลยทีเดียว แถมงานนี้พ่อลูกเข้าฉากด้วยกันมีฮาแบบขำแตกและแอบซึ้งน้ำมูกน้ำตาไหลกันด้วยนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฉากสำคัญที่ลูกสาวคนสวยไข่ในหินอย่างน้องเอ็มที่บินจากอเมริกาเพื่อมาเป็นนางเอกแหยม2 ว้าวอีสานทั้งเรื่องต้องรับมือกับพระเอกจอมทะเล้นอย่างดิม และต้องร้องไห้เป็นเผ่าเต่าชนิดที่ว่าแขนของดิมเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีเครือญาติ “วงษ์คำเหลา” อย่าง
“ช้างยิ้ม” (อนุพงศ์ วงษ์คำเหลา) ที่ในแหยม1ปล่อยลูกบ้าได้ฮาสุดๆกับบทลูกน้องคนสนิทของคุณนายดอกท้อ (รับบทโดยแวววาว จ๊กม๊ก) สืบทอดกิจกรรมคุณนายเงินกู้ประจำหมู่บ้าน และ กอล์ฟ (จรณ์ วงษ์คำเหลา) ลูกชายสุดหล่อในชีวิตจริงของแวววาว จ๊กม๊กรับบท เกษตรอำเภอหนุ่มฉัตรชัย คู่ปรับหัวใจของ ปลัดธนู
- แจ้งอนุวัติ — ตุ๊กกี้ ชิงร้อย - คำใส เชิญยิ้ม-เขมร ลูกหยี แจ้งเกิดให้กับมวลหมู่เฮาชาวอีสานมานักต่อนักกับบรรดาเด็กปั้นในนาม “หม่ำ โมเดลลิ่ง” กลับมาครั้งนี้ หม่ำ ยกก๊วนเด็กปั้นกลับมาประชันฮากันอีกครั้งตั้งแต่ “แจ้งอนุวัติ” (แหยม1, ว้อหมาบ้ามหาสนุก, วงษ์คำเหลา) ที่เคยแจ้งเกิดและโด่งดังสุดๆ ในบท “ยอดชายอะเฮ้ย” ในแหยม2 กลายเป็น “หลวงพี่ยอดชาย” พระหนุ่มที่เป็นที่พึ่งพิงทางใจของชาวหมู่บ้านแหยม แต่ไม่วายทุกครั้งที่เข้าฉากกับ “หม่ำ” ที่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ทางต่างของัดมุกระดมแก๊กปล่อยก๊ากกันพอหอมปากหอมคอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจับตาชมฉากไคล์แมกซ์ของ “แหยม2” ให้ดีกับสีสันของตัวละครตัวนี้ รวมทั้ง “ตุ๊กกี้ชิงร้อย” ฉากเดียวใน บทสาวน้อยตกน้ำที่ทำเอาคนขำทั้งประเทศ มาคราวนี้กับบทสาวงามประจำหมู่บ้าน ในฉากไฮไลท์บั้งไฟประจำปี ชั่วโมงนี้ความฮอตไม่จางหายต้องยกให้เธอมาเพื่อขโมยซีนโดยเฉพาะ พร้อมทั้ง รักและยม 2ตัวละครคู่ซี้ลูกน้องคนสนิทของยอดชายอะเฮ้ยในแหยมภาคแรกคู่ปรับของบักแหยม ที่ยังขอตามมาป่วนฮาในลีลาแฝดคนละฝากับการแต่งตัวสีเจ็บๆ และการพูดสลับกันคนละประโยคชวนปวดหัวอีกครั้ง
- แหยมยโสธร 2 กลับมาอีกครั้งกับงานโปรดักชั่นที่ยิ่งใหญ่และอลังการมากขึ้นกว่าเดิม ภาคแรกกับฉากงานวัด แต่ภาค 2 หม่ำเนรมิตฉากงานประเพณีบุญบั้งไฟประจำจังหวัด ที่ขนทีมงานนักแสดงเข้าร่วมกว่าหลายร้อยชีวิต เฉพาะขบวนนางรำที่ถูกคัดสรรมาร่วมถ่ายทอดกว่า 200 ชีวิต รวมไปถึงขบวนแห่บั้งไฟที่ถูกประดับประดาตบแต่งให้สวยงามต่างๆ เพื่อสร้างความตระการตาสมความตั้งใจของผกก.หม่ำที่ย้อนเอาภาพงานบั้งไฟในอดีตเมื่อครั้งยังเป็นเด็กปรากฏขึ้นอีกครั้งบนแผ่นฟิล์ม พร้อมด้วยเหล่านักแสดงรับเชิญบุคคลสำคัญสส.สว.ประจำจังหวัดยโสธร, พร้อมกับนี้เพื่อทวีความสนุกสนานครบรสของแหยม 2 กับฉากบู๊แอ็คชั่นไฮไลท์สำคัญซึ่งเป็นไคล์แม็กซ์ของภาพยนตร์ เมี่อผู้กำกับหน้าเหลี่ยมสั่งทีมงานปิดตลาดศรีประจันต์กลางเมือง สุพรรณบุรีถึง 2 วัน เพื่อถ่ายทอดฉากแอ็กชั่นให้ทั้งมันส์ทั้งฮา ทวีคูณขึ้นไปอีกให้สมกับแฟนๆ รอคอยการกลับมาของหนังรักฮารากหญ้าโดยเนรมิตบรรยากาศของฉากไอ้เสือปิดตลาดปล้นตลาดเพื่อเป็นการคาราวะหนังไทยยุค 70 สุดคลาสสิคนั่นเอง