กรุงเทพฯ--29 ต.ค.--ไทยทีวีสีช่อง 3
ออกอากาศ Asian Hit Series Hot วันเสาร์ เวลา 23.00 — 00.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 เริ่ม 31 ต.ค. 52
นำแสดงโดย เฮ่อจินเสียง หวังฉวนอี หยางเฉิงหลิน เหอหม่าหลิน
เจินเส้าจง เจิงซานอี้ ฝาเว่ยหยู ฝานเสี้ยวฟ่าน
จู่โจม
ความสุขไม่เคยเป็นของฉัน ฉันจึงต้องอธิษฐานขอให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น...
ฉีเยี่ยนำจดหมายรักที่อดหลับอดนอนเขียนตลอดทั้งคืน พร้อมด้วยฉิงจื่อและเสียวไฉ่เพื่อนรักพากันไปดักรอซ่างหยวนอีที่ถนนที่ใช้เป็นทางผ่านเป็นประจำ
“ลุย...ฉีเยี่ย ! กระโจนสู่อ้อมกอดซ่างหยวนอีเลย !” จื่อฉิงผลักฉีเยี่ยเข้าหาซ่างหยวนอี
ฉีเยี่ยซึ่งถือจดหมายรักอยู่ในมือ เมื่อเงยหน้าขึ้นไปกลับพบว่าชายที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ชายในฝันของเธอ แต่กลับเป็นเจียงเหมิ่งนักศึกษาใหม่คณะศิลปศาสตร์...นักศึกษาเจ้าปัญหาของมหาวิทยาลัย
เจียงเหมิ่งใช้สายตาจิกฉีเยี่ยจนเธอต้องผละออกไป ฉีเยี่ยลนลานจนลืมมอบจดหมายรักให้เจียงเหมิ่ง กระทั่งวันรุ่งขึ้นเจียเหมิ่งก็ปรากฏตัวพร้อมจดหมายรักโดยนำจดหมายรักข่มขู่ฉี่เยี่ย...
“เป็นคนของฉัน” เพื่อแลกกับการที่จดหมายรักไม่ถูกเผยแพร่ออกไป ฉีเยี่ยไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมรับข้อเสนอที่ไร้เหตุผลของเจียงเหมิ่ง
ฉีเยี่ยไม่เพียงถูกบีบบังคับให้จดบันทึกบทเรียนให้เจียเหมิ่งเท่านั้น หลังจากเลิกเรียนแล้วก็ต้องหาซื้อน้ำ พัดให้เมื่ออากาศร้อน ช่วยถือกระเป๋าหนังสือ.....รับใช้จิปาถะ ทุกครั้งที่เจียเหมิ่งสั่นกระดิ่ง ฉีเยี่ยจะต้องถึงตัวเจียเหมิ่งทันที แต่แล้วฝันร้ายที่ฉีเยี่ยหวาดกลัวที่สุดก็ไม่ละเว้นเธอ ในที่สุดจดหมายรักก็ถูกเผยแพร่ออกมา แม้ว่าซ่างหยวนอีไม่ได้มีท่าทีเหินห่างต่อฉีเยี่ยก็ตาม แต่ฉีเยี่ยกลับทนไม่ได้ที่ต้องอยู่ใต้อาณัติของเจียงเหมิ่ง
“ความรู้สึกของคน ไม่สามารถถูกใครบีบบังคับได้ตามอำเภอใจ” นับเป็นครั้งแรกที่ฉีเยี่ยรวบรวมความกล้าเผชิญหน้ากับมารร้ายเช่นเจียงเหมิ่ง
“สิ่งใดก็ตามที่ฉันอยากได้ก็ต้องได้ เธอน่าจะรู้ดีที่สุด”
ไม่ได้เป็นโรคจิต ไม่ได้บีบบังคับข่มขู่ คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของเจียงเหมิ่ง ทำให้ฉีเยี่ยซึมเลยทีเดียว
เมื่อกลับถึงบ้าน เสี่ยเวยแม่ของฉีเยี่ยบอกฉีเยี่ยด้วยความตื่นเต้นว่าเจ้าบ่าวที่แม่จะแต่งงานใหม่เป็นหัวหน้าฝ่ายธุรการของมหาวิทยาลัยที่ฉีเยี่ยศึกษาอยู่ วันนี้ลูกชายว่าที่เจ้าบ่าวจะมาทานอาหารที่บ้านของเรา และแล้วฉีเยี่ยก็พบว่าลูกชายของว่าที่เจ้าบ่าวนั้นคือเจียงเหมิ่งมารร้ายซึ่งเธอต้องการสลัดหลุดให้ได้
นี่เป็นฝันร้ายอย่างแน่นอน ถ้าหากนี่เป็นฝันร้ายจริงก็ขอให้ฉันตื่นจากฝันร้ายโดยเร็วด้วยเถิด
ช่วงชิง
ฉันเคยพูดว่าสิ่งใดก็ตามที่ฉันอยากได้ก็ต้องได้
เจียงเหมิ่งซึ่งมีความอัจฉริยะทางด้านกีฬาได้ตัดสินใจเข้าร่วมชมรมบาสเกตบอลตามคำเชิญของซ่างหยวนอีโดยมีข้อแม้ว่าฉีเยี่ยจะต้องเป็นผู้จัดการส่วนตัวของตนเท่านั้น
ในเวลาเดียวกันนี้เอง แฟนคลับที่เหนียวแน่นของเจียงเหมิ่งก็ได้แสดงตัวออกมาโดยยอมรับว่าเธอเป็นคนนำจดหมายรักไปปิดประกาศเอง ด้วยความที่ฉีเยี่ยรู้สึกผิดจึงตัดสินใจไปขอโทษเจียงเหมิ่ง นึกไม่ถึงว่าเจียงเหมิ่งกลับฉวยโอกาสนี้ดึงฉีเยี่ยเข้ามาจูบ และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือซ่างหยวนอีได้ผ่านมาพบเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพอดี ถึงแม้ว่าซ่างหยวนอีแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม แต่คนรอบข้างกลับสังเกตเห็นซ่างหยวนอีซึ่งเป็นคนเล็งผลเลิศนั้นมักจะใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ฉีเยี่ยไม่กล้าเข้าชมรมบาสเกตบอล ด้วยไม่รู้จะเผชิญหน้ากับซ่างหยวนอีอย่างไรดี
ซ่างหยวนอีและฉีเยี่ยต่างหลบหน้ากันและกัน ฉิงจื่อสุดที่จะทนต่อไปได้จึงตัดสินใจไปเจรจากับซ่างหยวนอี นับเป็นครั้งแรกที่ฉิงจื่อพบเห็นซ่างหยวนอีบันดาลโทสะ ทำให้หมดศรัทธาซ่างหยวนอีเลยทีเดียว
ภายในห้องข้อมูล ฉีเยี่ยและซ่างหยวนอีมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ซ่างหยวนอีปิดประตูลงกลอนเพื่อพูดคุยเป็นส่วนตัวกับฉีเยี่ย
“คนดีก็เหนื่อยล้าเป็น” เมื่อเห็นใบหน้าของซ่างหยวนอีชิดเข้ามาก็ทำให้ฉีเยี่ยพลันหวนนึกถึงใบหน้าอันชั่วร้ายของเจียงเหมิ่งขึ้นมา
“ไม่” ฉีเยี่ยเบี่ยงตัวหลบซ่างหยวนอี ที่แท้ฉีเยี่ยพบว่าเธอหลงรักเจียงเหมิ่งมารร้ายเข้าเสียแล้ว
การปรากฏตัวของเจียงเหมิ่ง ทำให้ซ่างหยวนอีต้องจากไป แต่ศึกครั้งนี้ใช่ว่าจะยุติกันง่ายๆ
วิกฤต
“คนรักอยู่ข้างกาย โลกนี้มีความสุขใดเทียบเทียม”
เมื่อเห็นความสัมพันธ์ของเจียงเหมิ่งและฉีเยี่ยดีวันดีคืน ในที่สุดซินลี่เซียงก็ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างขึ้นมา
เพื่อทำลายความสัมพันธ์อันดีของเจียงเหมิ่งและฉีเยี่ย ซินลี่เซียงได้วางแผนให้ร้ายฉีเยี่ย ทำให้เจียงเหมิ่งเข้าใจผิดฉีเยี่ยอย่างรุนแรง คนเดียวที่ช่วยแก้ไขวิกฤตนี้ได้มีเพียงซ่างหยวนอีเท่านั้น แต่เมื่อเห็นเจียงเหมิ่ง กลับก่อให้เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา เมื่อเห็นความสัมพันธ์ระหว่างเจียงเหมิ่งและฉีเยี่ยเลวร้ายลง ซินลี่เซียงจึงฉวยโอกาสนี้เข้าหาเจียงเหมิ่งเพื่อแทนที่ฉีเยี่ย ถึงกระนั้นก็ตามแม้ว่าฉีเยี่ยไม่ได้อยู่ข้างกายเจียงเหมิ่ง แต่เจียงเหมิ่งก็ยังคงมีท่าทีเย็นชา ต่อซินลี่เซียงเช่นเดิม เจียงเหมิ่งบอกซินลี่เซียงว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นได้เพียงเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันเท่านั้น หยางผิงรับรู้ถึงความหดหู่สิ้นหวังของซินลี่เซียงเป็นอย่างดี จึงปลอบประโลมให้เธอคลายเศร้า
เพื่อให้ฉีเยี่ยไปจากเจียงเหมิ่งอย่างถาวร ซินลี่เซียงจึงตัดสินใจเสี้ยมหยางผิงซึ่งหลงรักเธอจนหัวปักหัวปำ ให้ร้ายฉีเยี่ย แต่แล้วซินลี่เซียงก็เปลี่ยนใจกลางคันด้วยการบอกให้เจียงเหมิ่งไปช่วยฉีเยี่ยโดยเร็ว
ในช่วงวิกฤตนั่นเอง แม้ว่าเจียงเหมิ่งสามารถช่วยฉีเยี่ยไว้ได้ แต่มิตรภาพระหว่างเจียงเหมิ่งและหยางผิงก็ต้องพังทลายลง ฉีเยี่ยตอบโต้หยางผิงและซินลี่เซียง ในที่สุดซินลี่เซียงก็ยอมรับความพ่ายแพ้ เมื่อซินลี่เซียงเห็นหยางผิงได้รับบาดเจ็บเพราะเธอ ทำให้เธอตระหนักแล้วว่าหยางผิงเป็นองครักษ์ที่อยู่ข้างกายเธอ ไม่มีวันทอดทิ้งไปจากเธอ
หลุมพราง
ความหวาดระแวงสงสัย ความไม่สบายใจ ความรู้สึกผิด เป็นความรู้สึกที่ต้องลืมทั้งหมด
หยวนชวนย่างนักศึกษาชั้นปีหนึ่งคณะสารสนเทศตามจีบฉีเยี่ย รูปลักษณ์ภายนอกที่งดงามของหยวนชวนย่างทำให้ฉีเยี่ยเข้าใจผิดคิดว่าหยวนชวนย่างเป็นผู้หญิง แต่ชายหนุ่มรูปงามกลับหอบความแค้นเอาไว้โดยหมายทำลายความสุขของเจียงเหมิ่ง
ความจริงแล้วหยวนชวนย่างต้องการได้รับความเอาใจใส่จากพี่ชายจึงได้แฝงตัวอยู่ภายใต้เงาเจียงเหมิ่งมาโดยตลอด ส่วนเจียงเหมิ่งนั้นในวัยเยาว์เนื่องจากแม่เอาใจใส่ดูแลหยวนชวนย่างซึ่งมีสุขภาพอ่อนแอ ทำให้เจียงเหมิ่งถูกทอดทิ้งไม่ได้เหลียวแลเท่าที่ควร ด้วยความที่เจียงเหมิ่งเกิดความอิจฉาน้องชาย เจียงเหมิ่งจึงผลักรถเข็นซึ่งหยวนชวนย่างนั่งอยู่ลงบันไดจนมีความรู้สึกผิดเท่าทุกวันนี้ สืบเนื่องจากการที่พ่อแม่แยกทางกัน ทำให้พี่น้องไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยซึ่งความผิดทั้งหมดนี้ทุกคนต่างพุ่งเป้าไปที่เจียงเหมิ่ง แม้ว่าเจียงเหมิ่งเป็นลูกชายของผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยก็ตาม แต่วิกฤตครั้งนี้ทำให้เจียงเหมิ่งอาจถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว งานนิทรรศการเสื้อผ้าซึ่งจะมีขึ้นในสุดสัปดาห์นี้กำลังจะมาถึง เจียงเหมิ่งก้มหน้าก้มตาตระเตรียมงานโดยไม่คำนึงถึงเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นกับตนแม้แต่น้อย นึกไม่ถึงว่าผลงานของเพื่อน ๆ กลับถูกทำลายลง มีเพียงผลงานของเจียงเหมิ่งเท่านั้นที่ไม่ได้รับความเสียหาย
สิ่งที่ทำให้เจียงเหมิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟคือคนร้ายที่ก่อเรื่องก่อราวขึ้นมา คือหยวนชวนย่างน้องชายซึ่งตนหลบเลี่ยงมาโดยตลอด ฉีเยี่ยเห็นเจียงเหมิ่งและหยวนชวนย่างสองพี่น้องกินแหนงแคลงใจกันด้วยเรื่องในวัยเยาว์ เพื่อให้สองพี่น้องปรับความเข้าใจคืนดีกันได้ ฉีเยี่ยจึงตัดสินใจเป็นคนกลางเชื่อมความสัมพันธ์ให้สองพี่น้อง
งานนิทรรศการเสื้อผ้าเริ่มต้นขึ้น ฉีเยี่ยท้องเสียจึงไม่สามารถขึ้นเวทีได้ หยวนชวนย่างสวมใส่เสื้อผ้าที่เจียงเหมิ่งออกแบบเดินขึ้นเวที การแสดงของหยวนชวนย่างได้รับคำชมเชยเป็นอันมากจึงนับเป็นครั้งแรกที่เจียงเหมิ่งไม่ตกอยู่ภายใต้เงาของเจียงเหมิ่งอีกต่อไป ทำให้หยวนชวนย่างเป็นที่จับตามองเป็นที่สนอกสนใจจากผู้คน ในที่สุดความกินแหนงแคลงใจของสองพี่น้องก็สูญสลายไป
อุปสรรค
ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ สภาพแวดล้อมใหม่ แล้วพวกเราก็พบกัน
เถียนซือเซิ่นคนรักเก่าของฉีเยี่ยกลับมาที่มหาวิทยาลัย ที่เป็นเช่นนี้นั้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากแม่ของฉีเยี่ยนั่นเอง
เถียนซือเซิ่นเคยเป็นลูกศิษย์ของพ่อฉีเยี่ยมาก่อน ทั้งยังเคยเป็นอาจารย์พิเศษของฉีเยี่ยในวัยเยาว์อีกด้วย ฉีเยี่ยหลงรักและมีความศรัทธาเถียนซือเซิ่นพี่ชายที่มีความสุภาพเรียบร้อยเป็นอันมาก กระทั่งพ่อของฉีเยี่ยเสียชีวิต เถียนซือเซิ่นก็ยังคงรักษาความสัมพันธ์อันดีกับบ้านสกุลฉีเรื่อยมา เมื่อเถียนซือเซิ่นได้รับใบประกอบวิชาชีพเพื่อเป็นอาจารย์แล้ว กอปรกับได้รับความช่วยเหลือจากแม่ของฉีเยี่ย ทำให้เถียนซือเซิ่นได้รับหนังสือเชิญจากเจียงโหย่วฮุยจึงได้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ฉีเยี่ยศึกษาอยู่
แม้ว่าเจียงเหมิ่งดูเหมือนเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบ แต่ความจริงแล้วคุณย่าเจียงเป็นคนหนึ่งที่ให้การสนับสนุนเจียงเหมิ่งเรื่อยมา คุณย่าเจียงเป็นธุระจัดการให้ฟ่านเจียงหลิงซึ่งมีสัญญาผูกพันมาตั้งแต่เกิดให้เป็นคู่หมั้นคู่หมายกับเจียงเหมิ่งนั้นเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับเจียงเหมิ่ง การที่คุณย่าเจียงทำเช่นนี้นั้นเพื่อเปิดโอกาสให้เจียงเหมิ่งและฟ่านเจียงหลิงมีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน
กระสุนทั้งสองนัดนี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างเจียงเหมิ่งและฉีเยี่ยเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เริ่มต้นที่เจียงเหมิ่ง หลังจากที่เลิกเรียนแล้ว เจียงเหมิ่งก็ต้องไปส่งฟ่านเจียงหลิงกลับบ้าน ส่วนฉีเยี่ยนั้น จากคำรบเร้าของแม่ ฉีเยี่ยก็ต้องไปเรียนวิชาภาษาอังกฤษเพิ่มเติมจากเถียนซือเซิ่น
เจียงเหมิ่งเห็นเถียนซือเซิ่นและฉีเยี่ยอยู่ตามลำพังด้วยกันทุกวัน ด้วยความที่เจียงเหมิ่งทนไม่ได้จึงได้แสดงความไม่พอใจออกมา เจียงเหมิ่งไม่เพียงจงใจมีท่าทีเย็นชาต่อฉีเยี่ยเท่านั้น ทั้งยังแสดงท่าทีสนิทสนมกับฟ่านเจียงหลิงอีกด้วย แม้ว่าเจียงเหมิ่งไม่ได้มีใจฟ่านเจียงหลิงแม้แต่น้อย แต่กลับสร้างความหวาดหวั่นให้ฉีเยี่ยเป็นอันมาก แน่นอนว่าความรู้สึกเช่นนี้ย่อมปรากฏออกมาบนใบหน้า และแล้วเถียนซือเซิ่นก็พบความผิดปกติที่เกิดขึ้นเยี่ย อีกด้านหนึ่งนั้น ฟ่านเจียงหลิงก็พบว่าทั้งที่เธอหลงรักเจียงเหมิ่ง แต่เธอก็ไม่สามารถทำลายกำแพงความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนเป็นคนอื่นต่อกันลงได้
ดิ้นรน
พวกเราพบกันเพื่อมีความสุขด้วยกัน
การช่วยเหลือหญิงอื่นให้สมหวังในความรักกับชายที่รักถือว่าเป็นความเจ็บปวดและขมขื่น ในที่สุดซินลี่เซียงก็นัดหมายฟ่านเจียงหลิงอออกมาพบเพื่อพูดคุยทำความตกลงกัน ซินลี่เซียงบอกฟ่านเจียงหลิงด้วยน้ำตาว่าเจียงเหมิ่งมีหญิงในดวงใจอยู่ก่อนแล้ว ฟ่านเจียงหลิงหันหลังกลับเดินทางจากไป นึกไม่ถึงว่ากลับชนเข้ากับเถียนซือเซิ่น เมื่อเห็นรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นของเถียนซือเซิ่น ฟ่านเจียงหลิงก็รีบปาดน้ำตาทิ้งโดยตัดสินใจว่านับแต่นี้เป็นต้นไปเธอจะค้นหาความสุขที่แท้จริงที่เป็นของเธอเอง
แม่ฉีเยี่ยและคุณย่าเจียงก็พูดคุยทำความตกลงกันว่าจะจัดงานแต่งงานในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า เรื่องนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งต้องสิ้นสุดลง ในใจของฉีเยี่ยคิดต่อต้านจึงได้ตัดสินใจเปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอและเจียงเหมิ่งให้แม่รู้
หลังจากที่ฉีเยี่ยเปิดเผยเรื่องราวของเธอและเจียงเหมิ่งให้แม่รู้แล้ว แม่กลับมีท่าทีที่เยือกเย็นโดยบอกฉีเยี่ยว่าเพื่อความสุขของลูกแล้ว แม่ตัดสินใจแยกทางกับเจียงโหย่วฮุย เมื่อเจียงโหย่วฮุยรู้เรื่องนี้ก็ยากที่ทำใจยอมรับความจริงถึงกับรีบรุดไปที่บ้านสกุลฉีทันที แม่ของฉีเยี่ยเป็นลมหมดสติถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
ภายนอกห้องพักคนไข้ เจียงเหมิ่งขอแยกทางกับฉีเยี่ยเพื่อความสุขของพ่อแม่ ในที่สุดทั้งสองก็ตัดสินใจไปจากบ้าน นึกไม่ถึงเจียงโหย่วฮุย(พ่อเจียงเหมิ่ง)กลับขัดขวางโดยเห็นว่าการที่ตนและเสี่ยเวย(แม่ฉีเยี่ย)จะแต่งงานกันนั้นก็เพื่อความสุขของฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งเป็นครอบครัวที่อบอุ่น เจียงโหย่วฮุยไม่เพียงไม่คัดค้านการคบหากันของฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่ง ทั้งยังให้กำลังใจคนทั้งสองแสวงหาความสุขที่ต้องการอีกด้วย
ใคร่ครวญ
อนาคตของฉันจะต้องมีเธอ
ความสุขก่อตัวเป็นรูปร่าง แต่แล้วหยวนเหม่ยจินแม่เจียงเหมิ่งก็ตัดสินใจพาหยวนชวนย่างย้ายไปอยู่ที่อิตาลี แม่หวังว่าเจียงเหมิ่งจะร่วมเดินทางไปด้วย แม้ว่าเจียงเหมิ่งปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ความรู้สึกโหยหาแม่ของเจียงเหมิ่งกลับไม่สามารถรอดพ้นสายตาของฉีเยี่ยไปได้
เพื่อชดเชยความสัมพันธ์แม่ลูกที่สูญเสียไปในวัยเยาว์และเพื่อให้ได้เป็นนักออกแบบที่โด่งดัง ในที่สุดเจียงเหมิ่งก็ตัดสินใจติดตามแม่เดินทางไปอิตาลี หลังจากที่ฉีเยี่ยรับรู้ถึงการตัดสินใจของเจียงเหมิ่งแล้วก็รู้สึกหดหู่ด้วยไม่สามารถทำใจยอมรับความจริงได้ เพื่อแก้ความทุกข์ฉีเยี่ยจึงไปร้องเพลงกับเพื่อนๆ ฉีเยี่ยดื่มเหล้าเมามาย ต่อมาก็ได้พบกับเจียงเหมิ่งเข้าโดยบังเอิญ ในเวลานี้เอง ฉีเยี่ยก็ระเบิดความในใจออกมาให้เจียงเหมิ่งรับรู้ จากนั้นก็จากไป เจียงเหมิ่งรั้งฉีเยี่ยไว้โดยบอกฉีเยี่ยว่า “ชั่วชีวิตนี้ฉันรักเธอเพียง คนเดียว” ประโยคนี้ทำให้ฉีเยี่ยตื้นตันใจจนวางใจลงได้
ในที่สุดเจียงเหมิ่งก็เดินทางไปอิตาลี ส่วนฉีเยี่ยต่อสู้ใช้ชีวิตในญี่ปุ่น แต่ความรักที่แนบแน่นก็ข้ามพ้นระยะทางที่ไกลกัน 5 ปีผ่านไป สำเร็จการศึกษากลับมา ความรักซึ่งเต็มไปด้วยอุปสรรค หลังจากที่ใคร่ครวญเป็นอย่างดีแล้วจะลงเอยอย่างสวยงามหรือไม่
ตอนที่ 1
ฉีเยี่ยสาวแรกแย้มแอบหลงรักซ่างหยวนอีหนุ่มรูปงามหัวหน้าทีมบาสเกตบอลจนหัวปักหัวปำ จากลูกยุของฉิงจื่อและ เสียวไฉ่เพื่อนรักทำให้ฉีเยี่ยตัดสินใจเปิดเผยความในใจบอกรักซ่างหยวนอี นึกไม่ถึงว่าขณะที่ฉีเยี่ยกำลังจะเปิดเผยความในใจบอกรักซ่างหยวนอีนั่นเองก็เกิดความประหม่าจนทำให้จดหมายรักที่เธอเขียนขึ้นมาตกอยู่ในมือเจียงเหมิ่ง นับแต่นี้เป็นต้นไปจึงเป็น การยากที่ฉีเยี่ยจะสลัดหลุดจากฝันร้ายไปได้
เนื่องจากฉีเยี่ยปล่อยไก่ออกมาจึงต้องรีบหนีไปให้เร็วที่สุดจนไม่รู้ว่าจดหมายรักที่เธอเขียนถึงซ่างหยวนอีหายไป เจียงเหมิ่งนำจดหมายรักข่มขู่ฉีเยี่ยโดยบีบบังคับให้เธอเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของตน ฉีเยี่ยไม่มีทางเลือกจึงยอมรับข้อเสนอของเจียงเหมิ่ง นอกจากต้องจดบันทึกบทเรียนให้เจียงเหมิ่ง ถ้าหากเจียงเหมิ่งต้องการอะไร ฉีเยี่ยก็ต้องรีบตอบสนองให้เจียงเหมิ่งทันที ต่อมาจากกำลังใจที่ได้รับจากซ่างหยวนอีอัศวินขี่ม้าขาว ฉีเยี่ยก็ตัดสินใจสลัดหลุดจากการรังควานของมารร้ายเจียงเหมิ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าวันเดียวกันนี้เอง จดหมายรักของฉีเยี่ยที่เขียนถึงซ่างหยวนอีก็ถูกเปิดเผยออกมา
ด้วยความที่ฉีเยี่ยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจึงได้รีบรุดไปคิดบัญชีกับเจียงเหมิ่งทันที ฉีเยี่ยตบหน้าเจียงเหมิ่งไปฉาดหนึ่ง พฤติกรรมของฉีเยี่ยสร้างความตกตะลึงให้สมัครพรรคพวกที่เห็นเจียงเหมิ่งเป็นผู้นำเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ทุกคนต่างหวาดกลัวว่าถ้าหากเจียงเหมิ่งโกรธขึ้นมาแล้วจะหักแข้งหักขาฉีเยี่ยไม่เป็นชิ้นดี แต่นึกไม่ถึงว่าเจียงเหมิ่งกลับมีประกาศออกมาอย่างเยือกเย็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ตนไม่ได้ เมื่อฉีเยี่ยจับจ้องไปที่สายตาของเจียงเหมิ่ง ความรู้สึกหวาดกลัวก็บังเกิดขึ้นมา...ช่วงเวลาที่ฉีเยี่ยกำลังขุ่นข้องหมองใจนี้เอง เสี่ยเวยแม่ของฉีเยี่ยก็ประกาศออกมาว่าจะแต่งงานด้วยเหตุผลว่าบัดนี้เธอได้พบคู่ชีวิตแล้ว
ตอนที่ 2
ว่าที่พ่อเลี้ยงของฉีเยี่ยไม่ใช่คนอื่นไกล ที่แท้ก็คือเจียงโหย่วฮุยผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นพ่อของเจียงเหมิ่งนั่นเอง แน่นอนว่าฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งต้องกลายเป็นพี่น้องกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่แย่กว่านั้นคือคนลวงโลกเช่นเจียงเหมิ่งได้ยื่นข้อแม้แลกเปลี่ยนกับการที่ตนจะเข้าเป็นสมาชิกทีมบาสเกตบอลด้วยการให้ฉีเยี่ยเป็นผู้จัดการทีมบาสเกตบอลเท่านั้น
ฉีเยี่ยคิดว่าการเข้าสู่ทีมบาสเกตบอลเป็นโอกาสเดียวที่ทำให้เธอเป็นคนรักของซ่างหยวนอี แต่น่าเสียดายเจียงเหมิ่งกลับทำลายแผนการเสียก่อน ฉีเยี่ยจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับซ่างหยวนอีได้อย่างไรในเมื่อเธอเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของเจียงเหมิ่ง ซินลี่เซียงหญิงสาวซึ่งหลงรักเจียงเหมิ่งมาโดยตลอด เนื่องจากเห็นฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งใกล้ชิดเหมือนเงาตามตัว ทำให้เกิดความริษยาขึ้นมา เพื่อจับตาดูพฤติกรรมของฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่ง ซินลี่เซียงซึ่งเป็นเอกเทศไม่ขึ้นกับใครก็ทำลายกฎเกณฑ์ของเธอเองเพื่อเข้าชมรมบาสเกตบอล และในเวลานี้เองเธอก็เปิดเผยความจริงว่าเธอเป็นคนนำจดหมายรักของฉีเยี่ยออกมาประจาน
ความจริงแล้วซ่างหยวนอีก็แอบรักฉีเยี่ย จากลูกยุของฉิงจื่อและเสียวไฉ่ ในที่สุดซ่างหยวนอีก็ตัดสินใจตอบสนองความรักของฉีเยี่ย แต่นึกไม่ถึงว่าซ่างหยวนอีกลับเห็นภาพบาดตาซึ่งเป็นภาพที่เจียงเหมิ่งและฉีเยี่ยจูบกันอย่างดูดดื่ม ต่อมา ฉีเยี่ยก็รู้สึกว่าโลกใบนี้ถล่มลงมาเมื่อสวรรค์สร้างความฉงนท์ให้เธอด้วยการที่ซ่างหยวนอีเป็นฝ่ายนัดหมายเธอไปดูคอนเสิร์ต โอกาสครั้งนี้ยากที่จะหาได้ จะปล่อยให้หลุดลอยไปไม่ได้
ตอนที่ 3
ฉีเยี่ยเข้าใจผิดคิดว่าเจียงเหมิ่งเป็นคนถืออำนาจบาตรใหญ่เป็นคนเลวที่รังแกคนอ่อนแอกว่า และแล้วฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งก็มีปากเสียงทะเลาะกันขึ้นมา งานคอนเสิร์ต เสน่ห์ในการแสดงของเจียงเหมิ่งดึงดูดผู้ชม แม้แต่ฉีเยี่ยก็ยังจับจ้องโดยไม่ละสายตา เมื่อฉีเยี่ยเผิญหน้าเจียงเหมิ่งก็ทำให้เธอถึงกับหวั่นไหวเลยทีเดียว แม้ว่าฉีเยี่ยรู้สึกสับสนบ้าง แต่อีกด้านหนึ่งนั้นก็ชื่นชมเจียงเหมิ่ง ซ่างหยวนอีบอกความจริงให้ฉีเยี่ยรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วการที่ฉีเยี่ยทำเช่นนี้นั้นเพียงเพื่อสั่งสอนเด็กไม่ดีที่รังแกสัตว์เท่านั้น ฉีเยี่ยรู้สึกฉงนท์เมื่อรู้ว่าเจียงเหมิ่งยังมีด้านหนึ่งที่ดีงาม เนื่องจากแม่ของฉีเยี่ยต้องรีบกลับไปทำธุระที่บ้านเกิดจึงทำให้ฉีเยี่ยต้องไปพักที่บ้านเจียงเหมิ่ง ด้วยความที่ฉีเยี่ยรู้สึกผิดต่อเจียงเหมิ่ง ฉีเยี่ยจึงดูแลเอาใจใส่เจียงเหมิ่งเป็นอย่างดี ฉีเยี่ยทำแผลให้เจียงเหมิ่งจนผล็อยหลับไป ทำให้ฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งผล็อยหลับไปตลอดทั้งคืน
ซ่างหยวนอีเห็นฉีเยี่ยค่อย ๆ เอนเอียงไปทางเจียงเหมิ่ง จึงทำให้ซ่างหยวนอีร้อนใจจึงได้ตัดสินใจเปิดเผยความในใจบอกรัก ฉีเยี่ย น่าเสียดายกลับถูกเจียงเหมิ่งขัดคอ เมื่อเผชิญสถานการณ์เช่นนี้ทำให้ฉีเยี่ยโล่งอก เนื่องจากในเวลานี้ซ่างหยวนอีไม่ใช่ซ่างหยวนอีซึ่งอ่อนโยนที่เธอรู้จัก ฉิงจื่อเห็นว่าเหตุการณ์บานปลายไปกันใหญ่จึงได้แก้ต่างแทนซ่างหยวนอีโดยตำหนิฉีเยี่ยว่าเห็นแก่ตัวที่นำความรักในอุดมคติของเธอทุ่มเทที่ซ่างหยวนอีโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของซ่างหยวนอีเลยแม้แต่น้อย ฉีเยี่ยกลัดกลุ้มใจเมื่อความผิดของเธอเป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์ เจียงเหมิ่งใช้ความอ่อนโยนปลอบใจฉีเยี่ยในเวลาที่เหมาะสมด้วยการให้คำมั่นสัญญาต่อ ฉีเยี่ยว่าจะดูแลเธอชั่วชีวิต ฉีเยี่ยสัมผัสได้ถึงความจริงใจของเจียงเหมิ่ง เธอจึงตัดสินใจรับไมตรีจากเจียงเหมิ่งโดยปฏิเสธซ่างหยวนอีชายที่เธอแอบหลงรักมานาน การที่ฉีเยี่ยรักคนเลวเช่นเจียงเหมิ่งได้สร้างความสะเทือนใจให้ซ่างหยวนอีเป็นอันมาก แต่เพื่อไม่สร้างความลำบากใจให้ฉีเยี่ย ซ่างหยวนอีจึงต้องพูดแก้เก้อออกมาว่าแต่ไหนแต่ไรมาตนไม่ได้รักฉีเยี่ย ฉิงจื่อเข้าใจความรู้สึกของซ่างหยวนอีเป็นอย่างดีโดยชื่นชมว่าซ่างหยวนอีเป็นชายที่แสนดีจริง ๆ
ตอนที่ 4
ด้วยความที่ฉิงจื่อเห็นใจซ่างหยวนอีที่อกหักจากฉีเยี่ย เธอจึงตัดสินใจเปิดเผยความในใจบอกรักซ่างหยวนอี ซ่างหยวนอีและฉิงจื่อใช้ร่มแดงเป็นสัญญาเพื่อแสดงถึงการนัดหมายกันเป็นครั้งแรก
เจียงเหมิ่งมีนัดหมายกับคนในครอบครัวจึงได้หาข้ออ้างปลีกตัวจากเพื่อนๆ เจียงเหมิ่งและฉีเยี่ยมาร่วมงานด้วยกัน พ่อแม่ของเจียงเหมิ่งและฉีเยี่ยซึ่งจะแต่งงานกันใหม่ต่างแปลกใจมากที่เห็นเจียงเหมิ่งและฉีเยี่ยสนิทสนมกันเป็นพิเศษ ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ถือว่าเป็นครอบครัวที่มีความสุขครอบครัวหนึ่งเลยทีเดียวก็ว่าได้
อีกด้านหนึ่งนั้น ซินลี่เซียงเปิดเผยความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องของเจียงเหมิ่งและฉีเยี่ยทางอินเตอร์เน็ตเพื่อขัดขวางไม่ให้คนทั้งสองคบหาเป็นแฟนกัน เรื่องนี้เองจึงทำให้ฉีเยี่ยต้องเก็บซ่อนความรักที่มีต่อเจียงเหมิ่งไว้ในใจเท่านั้น พฤติกรรมของซินลี่เซียงสร้างความไม่พอใจให้เจียงเหมิ่งเป็นอันมาก ซินลี่เซียงริษยาเมื่อเห็นเจียงเหมิ่งปกป้องคุ้มครองฉีเยี่ย ด้วยความริษยาซินลี่เซียงจึงว่าจ้างหญิงสาวจำนวนหนึ่งมาทำร้ายเธอเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเจียงเหมิ่ง ฉีเยี่ยเห็นซินลี่เซียงถูกรุมทำร้าย เธอเข้าไปช่วยซินลี่เซียงจนเธอได้รับบาดเจ็บ
จากคำบอกกล่าวของหยางผิง ทำให้ฉีเยี่ยรู้ถึงเรื่องราวในสมัยที่เรียนมัธยมของซินลี่เซียง ที่แท้ซินลี่เซียงมักถูกเพื่อนรังแกอยู่เป็นประจำ ด้วยความที่เจียงเหมิ่งออกหน้าปกป้องคุ้มครองซินลี่เซียงมาโดยตลอดจึงทำให้ซินลี่เซียงเห็นเจียงเหมิ่งเป็นที่พึ่งพิงของเธอ ในเวลาเดียวกันนี้เอง ฉีเยี่ยพบว่านับตั้งแต่มัธยมเป็นต้นมาหยางผิงแอบหลงรักซินลี่เซียงมาโดยตลอด
ตอนที่ 5
หลังจากที่ฉีเยี่ยรู้ความจริงว่าซินลี่เซียงยอมเจ็บตัวเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเจียงเหมิ่งแล้ว ฉีเยี่ยก็ตำหนิซินลี่เซียงเป็นการใหญ่ที่ไม่รักตัวเองแม้แต่น้อย เจียงเหมิ่งและหยางผิงเห็นซินลี่เซียงและฉีเยี่ยทะเลาะมีปากเสียงกัน ซินลี่เซียงเชื่อว่าเจียงเหมิ่งจะต้องเข้าข้างเธออย่างแน่นอน นึกไม่ถึงว่ากลับไม่เป็นไปตามที่เธอคิด พฤติกรรมของเจียงเหมิ่งพิสูจน์ว่าเจียงเหมิ่งหลงรักฉีเยี่ย เนื่องจากซินลี่เซียงยากที่จะทำใจยอมรับความจริงได้จึงตัดสินใจใช้หยางผิงซึ่งหลงรักเธอมาโดยตลอดเล่นงานฉีเยี่ย ถ้าหากไม่มี ฉีเยี่ย เจียงเหมิ่งต้องรักเธออย่างแน่นอน
ฝนตกหนัก หยางผิงถือท่อนเหล็กตวาดใส่ฉีเยี่ยว่าขอเพียงฉีเยี่ยตายจากโลกนี้ ซินลี่เซียงก็จะมีความสุข นึกไม่ถึงว่าฉีเยี่ยซึ่งเชื่อมั่นในตัวหยางผิงมาโดยตลอดกลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ภยันตรายกำลังเกิดขึ้นกับฉีเยี่ย ซินลี่เซียงลังเลใจว่าถ้าหากไม่มี ฉีเยี่ยแล้ว เธอจะเข้าไปอยู่ในใจเจียงเหมิ่งแทนที่ฉีเยี่ยได้หรือไม่
และแล้วซินลี่เซียงก็ตัดสินใจบอกเจียงเหมิ่งว่าหยางผิงคิดร้ายต่อฉีเยี่ย ขอให้รีบไปช่วยฉีเยี่ย
ในช่วงวิกฤตนั่นเอง เจียงหมิ่งก็มาถึงและได้ช่วยชีวิตฉีเยี่ยเอาไว้ ด้วยความโกรธของเจียงเหมิ่งทำให้เจียงเหมิ่งเกือบเอาชีวิตหยางผิงเลยทีเดียว แต่แล้วเจียงเหมิ่งก็รู้สึกผิดขึ้นมา เพื่อปลอบใจให้เจียงเหมิ่งคลายความเศร้า ฉีเยี่ยจึงตัดสินใจยอมรับว่ารักเจียงเหมิ่ง ในเวลาเดียวกัน ในที่สุดซินลี่เซียงก็ตัดสินใจยอมแพ้ ทั้งที่เธอรู้สึกอิจฉาฉีเยี่ยก็ตาม แต่เธอก็มีความสุขที่จะได้สานสัมพันธ์รักกับหยางผิงที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า
ตอนที่ 6
ในที่สุดฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งต่างก็ยอมรับว่ารักกัน ฉีเยี่ยซึ่งดื่มด่ำอยู่ในความรักได้ตัดสินใจทำเค้กด้วยตนเองโดยใส่ความตั้งใจลงไปเพื่อมอบให้เจียงเหมิ่ง
ฉีเยี่ยเขินอายที่จะมอบเค้กที่เธอทำกับมือให้เจียงเหมิ่ง นึกไม่ถึงว่าเจียงเหมิ่งกลับไม่เข้าใจถึงเจตนาของฉีเยี่ยจึงทำให้ฉีเยี่ยพลั้งปากต่อว่าด้วยความไม่พอใจ ต่อมา ฉีเยี่ยก็พบว่าเค้กที่ฉิงจื่อตั้งอกตั้งใจทำขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อมอบให้เพื่อนสนิทนั้นกลับอยู่ในมือของซ่างหยวนอี ที่แท้ฉิงจื่อและซ่างหยวนอีแอบคบหาดูใจกัน ขณะที่ฉีเยี่ยและซ่างหยวนอีกำลังหยอกเย้ากันนั่นเอง ทันใดนั้นลูกบาสเกตบอลซึ่งถูกปามาจากเจียงเหมิ่งก็ถูกตัวซ่างหยวนอีจนเค้กในมือตกหล่นเสียหาย ที่แท้เจียงเหมิ่งเกิดความริษยาจึงได้ปาลูกบาสเกตบอลใส่ซ่างหยวนอี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ฉีเยี่ยเชื่อว่าเจียงเหมิ่งหึงหวงเธอ
มรสุมผ่านพ้นไป ซินลี่เซียงผิงก็ได้ออกปากขอร้องฉีเยี่ยให้อภัยหยางผิง ด้วยจิตใจดีงามของฉีเยี่ย ฉีเยี่ยกลับเห็นว่าซินลี่เซียงทำไปด้วยอารมณ์ หยางผิงทำไปด้วยหลงรักซินลี่เซียง เมื่อเป็นเช่นนี้ฉีเยี่ยจึงตัดสินใจให้อภัยและหยิบยื่นมิตรภาพให้คนทั้งสอง
ฉิงจื่อและซ่างหยวนอีมีนัดหมายกัน ฉิงจื่อซื้อรองเท้าส้นสูงคู่ใหม่เพื่อนัดหมายนี้เป็นพิเศษ แต่เนื่องจากรองเท้าส้นสูงคู่ใหม่ไม่พอดีกับเท้าจึงถูกรองเท้ากัดเป็นแผล ไม่เพียงเท่านั้นด้วยความที่ไม่ระวังรองเท้าพลิกจนข้อเท้าแพลงอีกด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนบอกเป็นนัยว่าการคบหาของคนทั้งสองไปด้วยกันไม่ได้เช่นนั้น แต่ซ่างหยวนอีซึ่งเป็นคนละเอียดอ่อนกลับไม่คิดเช่นนั้น ซ่างหยวนอีซื้อรองเท้าคู่ใหม่มาเปลี่ยนให้ฉิงจื่อ ในที่สุดทั้งสองต่างก็ยอมรับรักซึ่งมีให้กันและกัน
ฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งนัดหมายกันว่าจะไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน ในวัยเยาว์ของเจียงเหมิ่งนั้น เนื่องจากพ่อของเจียงเหมิ่งต้องทำงานตัวเป็นเกลียวจึงไม่เคยพาเจียงเหมิ่งไปเที่ยวสวนสนุกสักครั้ง ในสวนสนุกดูเหมือนว่าเจียงเหมิ่งไม่มีความสุขสักเท่าใดนัก ฉีเยี่ยเห็นเช่นนั้นจึงตัดสินใจเรียกความสุขในวัยเยาว์กลับคืนมาสู่เจียงเหมิ่ง เจียงเหมิ่งและฉีเยี่ยต่างให้คำมั่นสัญญาต่อกันว่าจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป
ตอนที่ 7
จู่ ๆ ก็มีนักศึกษาชายแปลกหน้าปรากฏตัวที่มหาวิทยาลัย นักศึกษาชายที่ว่านี้ประกาศตัวจับจองฉีเยี่ยเป็นของตน ฉีเยี่ยได้ยินเช่นนั้นถึงกับทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว นักศึกษาชายแนะนำตัวว่าตนชื่อหยวนชวนย่างนักศึกษาชั้นปีหนึ่งคณะจิตวิทยา เลิกเรียน หยวนชวนย่างยืนกรานจะส่งฉีเยี่ยกลับบ้านให้ได้ แต่ฉีเยี่ยกลับปฏิเสธ หยวนชวนย่างไม่พอใจจึงขับรถชนท่อฉีดน้ำดับเพลิง ฉีเยี่ย ซึ่งจิตใจดีงามไม่อาจนิ่งดูดายได้จึงให้ความช่วยเหลือหยวนชวนย่าง ทั้งที่หยวนชวนย่างอิจฉาริษยาเจียงเหมิ่ง แต่หยวนชวนย่าง ก็เตือนสติฉีเยี่ยให้ระวังเรื่องการคบหากับเจียงเหมิ่งให้ดี พี่น้องรักกันจะเป็นกลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ ต่างฝ่ายต่างไม่มีความสุขด้วยกันทั้งคู่ เป็นไปได้ขอให้ฉีเยี่ยปกปิดเรื่องที่คบหากับเจียงเหมิ่งเอาไว้ให้ดี
วันคริสต์มาสใกล้เข้ามาทุกที อาจารย์ได้มอบหมายให้นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ทำโครงการออกแบบต้นคริสต์มาสในสุดสัปดาห์นี้เพื่อให้ห้างสรรพสินค้าที่มีความสนใจนำไปจัดจำหน่าย ทีมจอมมารและทีมนกยูงต่างทุ่มเทจนสุดความสามารถเพื่อให้ผลงานได้รับการคัดเลือก แต่แล้วผลงานของทีมจอมมารก็ได้รับการคัดเลือกสร้างความฉงนให้เจียงเหมิ่งเป็นอันมาก
เจียงเหมิ่งจัดงานเลี้ยงเพื่อแนะนำให้เสี่ยเวยและฉีเยี่ยได้รู้จักคุณย่าของตนอย่างเป็นทางการ ในเวลานี้เองฉีเยี่ยถึงรู้ความจริงว่าเจียงเหมิ่งได้รับความกดดันจากการที่ต้องเป็นทายาทสืบทอดกิจการครอบครัว แต่เธอกลับห่วงใยความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าเจียงเหมิ่ง เจียงเหมิ่งและฉีเยี่ยโผเข้ากอดกันด้วยความถวิลหา หยวนชวนย่างแอบถ่ายภาพคนทั้งสองเก็บเอาไว้
ตอนที่ 8
หยวนชวนย่างข่มขู่ว่าจะเปิดเผยความรักของฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งซึ่งมีความสัมพันธ์เป็นพี่น้องออกไปเพื่อให้สกุลเจียงเสื่อมเสียชื่อเสียง เรื่องนี้ทำให้ฉีเยี่ยโกรธมาก หยวนชวนย่างไม่เพียงข่มขู่ ทั้งยังนำภาพถ่ายที่ฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งกอดกันออกมาแสดงอีกด้วย ฉีเยี่ยหวาดกลัวจนเหงื่อโซมกายไม่อยากเชื่อว่าหยวนชวนย่างจะน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ ไม่ว่าฉีเยี่ยจะรู้สึกอย่างไรก็ตาม แต่หยวนชวนย่างก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะทำให้เจียงเหมิ่งไม่มีความสุขไปชั่วชีวิต
ในงานนิทรรศการ ต้นคริสต์มาสที่หยางผิงและพวกทุ่มเทแรงกายแรงใจทำขึ้นมาถูกทำลายจนเสียหาย มีเพียงผลงานของเจียงเหมิ่งเท่านั้นที่ยังคงสมบูรณ์ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด เมื่อเป็นเช่นนี้ทุกคนจึงพากันพุ่งเป้าไปที่เจียงเหมิ่งโดยที่ทุกคนต่างปักใจเชื่อว่าต้องเป็นฝีมือของเจียงเหมิ่งอย่างแน่นอน
เจียงเหมิ่งเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องเป็นหลุมพรางของอาจารย์อย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้เจียงเหมิ่งจึงตัดสินใจทำลายต้นคริสต์มาสของตนเองต่อหน้าทุกคนเพื่อเริ่มต้นกันใหม่ เจียงเหมิ่งตัดสินใจใช้ความสามารถของตนเองเอาชนะหยางผิงและพวกให้ได้ จากการร่วมแรงร่วมใจของทุกคน ในที่สุดต้นคริสต์มาสก็ถูกทำขึ้นมาอีกครั้ง
ฉีเยี่ยอยากรู้ความจริงว่าแท้ที่จริงแล้วต้นคริสต์มาสถูกหยวนชวนย่างทำลายลงหรือไม่ ในที่สุดฉีเยี่ยก็รู้ความจริงว่า หยวนชวนย่างไม่ใช่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ฉีเยี่ยไม่เข้าใจว่าแท้ที่จริงหยวนชวนย่างต้องการอะไรกันแน่ ความเคียดแค้นที่มีต่อหยวนชวนย่างกลับทำให้ฉีเยี่ยตกอยู่ในอันตราย และสิ่งที่ทำให้ฉีเยี่ยตกใจมากคือฉีเยี่ยรู้ความจริงว่าเจียงเหมิ่งและหยวนชวนย่างเป็นพี่น้องกัน
ตอนที่ 9
หยวนชวนย่างเป็นคนที่สร้างความขุ่นข้องหมองใจให้เจียงเหมิ่งซึ่งเจียงเหมิ่งไม่อยากพูดถึง การที่หยวนชวนย่างซึ่งอาศัยอยู่กับแม่นั้นเห็นเจียงเหมิ่งเป็นศัตรูด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการเรียกร้องความสนใจจากเจียงเหมิ่งผู้เป็นพี่ชายเท่านั้น แต่การที่เจียงเหมิ่งไม่อยากเผชิญหน้ากับหยวนชวนย่างนั้นสืบเนื่องมาจากฝังใจว่าเคยทำร้ายน้องชายในวัยเยาว์มาก่อน จนเป็นเหตุให้แม่ต้องพาน้องชายไปจากตน เจียงเหมิ่งอัดอั้นตันใจจึงทำร้ายร่างกายตนเองเพื่อหาทางออก หลังจากที่ฉีเยี่ยรู้ถึงความสัมพันธ์ของเจียงเหมิ่งและหยวนชวนย่างสองพี่น้องแล้ว ฉีเยี่ยก็พยายามคิดหาหนทางเพื่อให้พี่น้องปรับความเข้าใจกันให้ได้
ขณะที่หยวนชวนย่างกำลังเปิดเผยเรื่องที่ฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งคบหาเป็นแฟนกันออกมานั่นเอง ทันใดนั้นหยวนชวนย่าง ซึ่งสุขภาพอ่อนแอก็เป็นลมหมดสติไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดูเหมือนว่าเจียงเหมิ่งจะร้อนใจมากที่สุดด้วยเป็นห่วงความปลอดภัยของหยวนชวนย่าง ในที่สุดเจียงเหมิ่งและหยวนชวนย่างสองพี่น้อง ก็สามารถปรับความเข้าใจกันได้โดยเปลี่ยนความแค้นเป็นมิตรภาพ
ต้นคริสต์มาสที่เจียงเหมิ่งรวมทั้งหยางผิงและพวกต่างทุ่มเท ความสามารถออกแบบขึ้นมานั้นกลับไม่ได้เป็นที่สนใจจากนักธุรกิจ จากบรรยากาศอันแสนโรแมนติก ในที่สุดเจียงเหมิ่งก็สามารถออกแบบต้นคริสต์มาสที่สวยงามออกมาได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ฉีเยี่ยเป็นอันมาก
การแข่งขันบาสเกตบอลประจำปีกำลังจะมาถึง เจียงเหมิ่งรวมทั้งหยางผิงและพวกต่างไม่ได้เข้าร่วมการฝึกซ้อม หลังจากที่ฉีเยี่ยสอบถามลี่เซียงแล้วถึงรู้ความจริงว่าเจียงเหมิ่งพาพรรคพวกไปที่มหาวิทยาลัยของหยวนชวนย่าง การปรากฏตัวของเจียงเหมิ่ง ทำให้หยวนชวนย่างกล้าเผชิญกับพวกอันธพาลอย่างกล้าหาญโดยประกาศว่าตนคือหยวนชวนย่าง ไม่ใช่เงาของเจียงเหมิ่งอีกต่อไป
ตอนที่ 10
ในที่สุดก็ถึงวันแข่งขันบาสเกตบอล ระหว่างทางที่เจียงเหมิ่งเดินทางไปที่สนามแข่งขัน เจียงเหมิ่งถูกพวกอันธพาลที่เคยรังแกหยวนชวนย่างรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้เจียงเหมิ่งต้องฝืนเจ็บลงสนามแข่งขัน ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น จู่ ๆว่างหยวนอีก็ตัดสินใจถอนตัวจากการแข่งขันเพื่อไปพบฉิงจื่อ แต่ฉิงจื่อซึ่งรู้สึกไม่แน่ใจความรักที่มีต่อซ่างหยวนอีสักเท่าใดนักกลับไปหาเพื่อนที่ติดต่อทางอินเตอร์เน็ตโดยที่เธอไม่มาชมการแข่งขันบาสเกตบอลของซ่างหยวนอี การนัดพบกับเพื่อนที่ติดต่อกันทางอินเตอร์เน็ตของฉิงจื่อในครั้งนี้นั้นทำให้เธอเกือบได้รับอันตราย โชคดีที่ซ่างหยวนอีช่วยฉิงจื่อไว้ทันการ ในที่สุดฉิงจื่อก็ตระหนักแล้วว่าสำหรับซ่างหยวนอีแล้วเธอมีความสำคัญกว่าบาสเกตบอลมากมาย แต่ซ่างหยวนอีซึ่งเผชิญหน้ากับฉิงจื่อซึ่งไม่รักตนเองแม้แต่น้อย ทำให้ซ่างหยวนอีตัดสินใจจากไป
สนามแข่งขันบาสเกตบอล เจียงเหมิ่งทุ่มเทจนสุดกำลังเพราะต้องทำหน้าที่แทนซ่างหยวนอีซึ่งไม่ได้ลงสนามแข่งขัน แต่เมื่อเห็นซ่างหยวนอีกลับมาที่สนามแล้ว เจียงเหมิ่งก็หมดแรงล้มลง ผลการแข่งขันปรากฏว่าคะแนนเสมอกัน จากกำลังใจที่ได้รับจาก ฉิงจื่อ ซ่างหยวนอีสามารถนำทีมคว้าชัยชนะก่อนหมดเวลาแข่งขันเพียงเสี้ยววินาที หลังจากที่การแข่งขันผ่านพ้นไปแล้ว ความสัมพันธ์ของฉิงจื่อและซ่างหยวนอีดูเหมือนว่ากระชับแน่นแฟ้นขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
เจียงเหมิ่งนัดหมายฉีเยี่ยฉลองคริสต์มาสด้วยกัน ฉีเยี่ยตอบรับคำเชื้อเชิญของเจียเหมิ่งด้วยความเต็มใจ ทั้งเจียงเหมิ่งและฉีเยี่ยต่างพากันตระเตรียมของขวัญเพื่อมอบให้กันและกัน
ตอนที่ 11
ฉีเยี่ยนำของขวัญที่เธอตระเตรียมด้วยความลำบากลำบนไปยังสถานที่นัดหมายกับเจียงเหมิ่ง แต่เมื่อฉีเยี่ยไปถึงสถานที่นัดหมายแล้วก็พบว่าไม่ใช่การนัดหมายส่วนตัวของเธอและเจียงเหมิ่ง แต่กลับเป็นการฉลองชัยชนะของทีมบาสเกตบอล
ในงานเลี้ยงฉลองชัยชนะทีมบาสเกตบอล ทุกคนต่างพากันพูดคุยกันถึงของขวัญที่มอบให้กันในวันคริสต์มาส ฉีเยี่ยเกรงว่าถุงมือผ้ากันเปื้อนที่เธอทำขึ้นจะถูกทุกคนหัวเราะเยาะ เธอจึงไม่กล้านำของขวัญออกมา ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เธอและเจียงเหมิ่ง มีปากเสียงกันขึ้นมา หนึ่งชั่วโมงก่อนเข้าวันคริสต์มาส เจียงเหมิ่งเสนอให้เล่นซ่อนหากัน ผู้ชนะจะเลือกจูบใครก็ได้ ฉีเยี่ยรู้สึกเอือมระอาด้วยเห็นว่าเจียงเหมิ่งไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของเธอแม้แต่น้อย แต่เมื่อเกมส์เริ่มต้น เจียงเหมิ่งก็คว้าข้อมือฉีเยี่ยวิ่งไปหา ที่ซ่อน ที่แท้เจียงเหมิ่งจงใจสร้างโอกาสให้ตนเองและฉีเยี่ยได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ขณะที่เจียงเหมิ่งและฉีเยี่ยกำลังจะจูบกันนั่นเอง นึกไม่ถึงว่ากลับถูกซ่างหยวนอีขัดจังหวะจับได้เสียก่อน
ผลการแข่งขันปรากฏว่าหยางผิงเป็นผู้ชนะ หยางผิงประกาศว่าไม่ว่าลี่เซียงจะไม่ยินยอมก็ตาม ตนจะต้องจูบลี่เซียงให้ได้ จากการที่ทุกคนร่วมฉลองคริสต์มาสด้วยกัน ทำให้ฉีเยี่ยสัมผัสได้ถึงความสุขและความอบอุ่น และสิ่งที่ทำให้ฉีเยี่ยมีความสุขมากที่สุดคือเจียงเหมิ่งเก็บถุงมือที่เธอทุ่มเทแรงกายแรงใจทำขึ้นมาและได้โยนทิ้งถังขยะไปแล้วเอาไว้ ขณะที่เจียงเหมิ่งและฉีเยี่ยเดินจูงมือไปตามท้องถนนนั่นเองได้ถูกกล้องโทรทัศน์ซึ่งเก็บภาพบรรยากาศวันคริสต์มาสเก็บภาพไว้ ภาพถ่ายซึ่งแพร่ภาพทางโทรทัศน์จึงถูกคุณย่าเจียงพบเห็นเข้า...
อีกด้านหนึ่งนั้น เสี่ยเวยแม่ของฉีเยี่ยและโหย่วฮุยพ่อของเจียงเหมิ่งต่างก็ตกลงกันว่าจะอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน แม้ว่า ฉีเยี่ยยินดีกับความสุขของแม่ แต่เธอก็รู้สึกเป็นห่วงถึงความสัมพันธ์ของเธอและเจียงเหมิ่งขึ้นมา
ตอนที่ 12
มหาวิทยาลัยรับเถียนซือเซิ่นเข้ามาเป็นอาจารย์ใหม่ของมหาวิทยาลัย อาจารย์ใหม่ที่ว่านี้คือเถียนซือเซิ่น เถียนซือเซิ่น ไม่เพียงเป็นชายในอุดมคติของฉีเยี่ยเท่านั้น ทั้งยังเป็นอาจารย์พิเศษสมัยเรียนมัธยมของฉีเยี่ยอีกด้วย จากการปรากฏตัวของ เถียนซือเซิ่นได้นำมาซึ่งความทรงจำอันงดงามของฉีเยี่ย แต่สิ่งสำคัญที่สุดการปรากฏตัวของเถียนซือเซิ่นจะกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ของเจียงเหมิ่งและฉีเยี่ยหรือไม่
ฉีเยี่ยได้รับการนัดหมายจากคุณย่าเจียงให้มาพบที่บ้าน ทำให้ฉีเยี่ยคิดฟุ้งซ่านว่าคุณย่าเจียงอาจระแคะระคายเรื่องที่เธอและเจียงเหมิ่งคบหากันอยู่ก็เป็นได้ นึกไม่ถึงว่าคุณย่าเจียงมีความประสงค์ที่จะหาคู่ให้เจียงเหมิ่ง เรื่องนี้สร้างความสะเทือนใจให้ ฉีเยี่ยเป็นอันมาก เนื่องจากคู่หมั้นคู่หมายของเจียงเหมิ่งคือหลิวเหม่ยตี้ หลิวเหม่ยตี้เพียบพร้อมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นรูปโฉมงดงาม จิตใจดีงาม ชาติตระกูลสูงจนทำให้ฉีเยี่ยรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา แต่ความจริงแล้วหลิวเหม่ยตี้มีชายในดวงใจอยู่แล้ว ชายในดวงใจที่ว่านี้เมื่อครั้งที่แว่นตาของเธอแตกหักเสียหายเป็นคนที่จูงมือพาเธอเดินข้ามถนนไปทำแว่นตาอันใหม่ เพื่อชายในดวงใจคนนี้ทำให้ หลิวเหม่ยตี้ตัดสินใจปฏิเสธการแต่งงานกับเจียงเหมิ่ง ด้วยความที่เจียงเหมิ่งและฉีเยี่ยต้องการช่วยเหลือหลิวเหม่ยตี้ ทั้งสองจึงพากันเล่นละครฉากหนึ่งเพื่อให้หลิวเหม่ยตี้สามารถอยู่ที่ไต้หวันได้อย่างราบรื่นเพื่อตามหาชายในดวงใจของเธอ นึกไม่ถึงว่าเจียงเหมิ่งกลับปฏิเสธหลิวเหม่ยตี้อย่างไม่มีเยื่อใย ฉีเยี่ยซึ่งมีจิตใจดีงามรู้สึกเห็นใจหลิวเหม่ยตี้เป็นอันมากจึงกลายเป็นเพื่อนรักคนหนึ่งของ หลิวเหม่ยตี้
ใกล้ถึงวันเก็บตัวฝึกซ้อมบาสเกตบอลประจำปี เถียนซือเซิ่นได้รับมอบหมายเป็นโค้ชควบคุมการฝึกซ้อม เมื่อเจียงเหมิ่งเผชิญหน้ากับเถียนซือเซิ่นชายในดวงใจของฉีเยี่ย เจียงเหมิ่งซึ่งสูญเสียความเชื่อมั่นในตนเองก็ตัดสินใจที่จะประลองกับเถียนซือเซิ่นจนถึงที่สุด แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้ฉีเยี่ยกลับเป็นการเข้าร่วมการฝึกซ็อมของหลิวเหม่ยตี้
ตอนที่ 13
ในช่วงเวลาของการฝึกซ้อม เจียงเหมิ่งจงใจลองดีกับเถียนซือเซิ่น
การปรากฏตัวของหลิวเหม่ยตี้สร้างความไม่พอใจให้ซินลี่เซียงเป็นอันมาก เหตุที่เป็นเช่นนี้นั้นเนื่องจากซินลี่เซียงเกรงว่าหลิวเหม่ยตี้ทำลายความสัมพันธ์ของฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งก็เป็นได้ ครั้งหนึ่ง หลิวเหม่ยตี้ไม่ทันระวังพลัดตกน้ำ ทำให้คอนแทคเลนส์ ที่สวมใส่ตกลงไปในน้ำ เจียงเหมิ่งสวมบทจอมยุทธช่วยเหญิงงามด้วยการลงไปงมคอนแทคเลนส์ให้หลิวเหม่ยตี้ ในที่สุดหลิวเหม่ยตี้ ก็จำได้ว่าชายที่เคยช่วยเธอไว้ในอดีตคือเจียงเหมิ่งนั่นเอง เมื่อหลิวเหม่ยตี้พบความจริงเช่นนั้นแล้วก็โผเข้ากอดเจียงเหมิ่งด้วย ความดีใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถูกฉีเยี่ยพบเห็นโดยตลอด
เถียนซือเซิ่นเห็นปฏิกิริยาของฉีเยี่ยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงได้ปลอบใจเธอให้คลายความกังวล ต่อมา เถียนซือเซิ่นและ ฉีเยี่ยก็พากันพูดคุยกันถึงเรื่องราวอันแสนหวานในอดีตทำให้ฉีเยี่ยถึงกับยิ้มออกเลยทีเดียว เจียงเหมิ่งเห็นฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งพูดคุยกันอย่างสนิทสนมจึงเกิดความหึงหวงขึ้นมา
วันคล้ายวันเกิดของฉีเยี่ยกำลังจะมาถึง เนื่องจากเถียนซือเซิ่นเคยเป็นศิษย์ของพ่อฉีเยี่ยซึ่งเสียชีวิตไป เพื่อรำลึกถึงความหลัง เถียนซือเซิ่นจึงนัดหมายฉีเยี่ยไปที่บ้านเก่า อีกด้านหนึ่งนั้น เจียงเหมิ่งรับปากตามความต้องการของหลิวเหม่ยตี้โดยตกลงยอมรับนัดหมายของเธอ
ตอนที่ 14
แม้ว่าเจียงหมิ่งไม่ได้มีใจให้หลิวเหม่ยตี้ตั้งแต่เบื้องแรก แต่หลังจากที่เจียงเหมิ่งมีโอกาสได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับหลิวเหม่ยตี้แล้วก็ทำให้เจียงเหมิ่งสัมผัสได้ถึงจิตใจดีงามและความน่ารักของหลิวเหม่ยตี้ เลิกเรียนระหว่างที่เดินทางกลับบ้าน หลิวเหม่ยตี้ เก็บแหวนซึ่งเจียงเหมิ่งทำตกหล่นขณะที่รีบร้อนเอาไว้ได้ แหวนที่หลิวเหม่ยตี้เก็บได้ทำให้เธอรู้สึกว่าจะต้องมีผู้หญิงที่มีความสำคัญมากอยู่ในหัวใจของเจียงเหมิ่งอย่างแน่นอน
ขณะที่ฉีเยี่ยกำลังดื่มด่ำอยู่ในความทรงจำในอดีตของเธอและเถียนซือเซิ่นนั่นเอง ทันใดนั้นเอง เถียนซือเซิ่นก็ดึงฉีเยี่ย เข้ามาสู่อ้อมกอดพร้อมทั้งเปิดเผยความในใจบอกรักฉีเยี่ย นึกไม่ถึงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถูกเจียงเหมิ่งพบเห็นเข้าโดยบังเอิญ เจียงเหมิ่งรู้สึกเดือดดาลต่อภาพเหตุการณ์ตรงหน้าจึงวิ่งข้ามถนนไปโดยไม่ได้ระมัดระวังตัวแม้แต่น้อย รถยนต์ซึ่งแล่นมาด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าใส่เจียงเหมิ่ง หลิวเหม่ยตี้เห็นเช่นนั้นจึงผลักเจียงเหมิ่งให้พ้นจากอันตรายจนเธอได้รับบาดเจ็บเสียเอง ต่อมา เถียนซือเซิ่น ก็ตระหนักว่าในเวลานี้หัวใจของฉีเยี่ยมีเพียงเจียงเหมิ่งคนเดียวเท่านั้น มีเพียงเจียงเหมิ่งเท่านั้นที่สามารถมอบความสุขให้เธอได้ สำหรับตนเหตุการณ์อันงดงามในอดีตเป็นเพียงความทรงจำไปแล้ว เด็กสาวในเวลานั้น บัดนี้ได้เติบโตเป็นสาวแล้ว ในที่สุด เถียนซือเซิ่นก็เข้าใจถึงความรู้สึกของตนที่มีต่อฉีเยี่ย ขอเพียงฉีเยี่ยมีความสุข ตนก็มีความสุขแล้ว แต่หย่าลี่ซึ่งอยู่เคียงข้าง เถียนซือเซิ่นเรื่อยมา บัดนี้ได้หมดความอดทนไม่อยากรอคอยเถียนซือเซิ่นอีกต่อไปแล้ว ในวันเกิดของฉีเยี่ยซึ่งเถียนซือเซิ่นได้ นัดหมายว่าจะร่วมฉลองวันเกิดกับฉีเยี่ยนั้น หย่าลี่ก็ตัดสินใจไปจากเถียนซือเซิ่น
ตอนที่ 15
จากการบอกเป็นนัยของหยางผิงและพวก ในที่สุดหลิวเหม่ยตี้ก็พบความจริงว่าฉีเยี่ยเป็นหญิงในดวงใจของเจียงเหมิ่ง หลังจากที่หลิวเหม่ยตี้รู้ความจริงแล้วก็ตัดสินใจยกเลิกการแต่งงาน โดยเป็นฝ่ายจากไปเพื่อให้ฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งได้ครองรักกัน ด้วยจิตใจที่ดีงามของหลิวเหม่ยตี้ทำให้ฉีเยี่ยรู้สึกผิดและละอายใจขึ้นมา ฉีเยี่ยคิดในใจว่าความรักของเธอและเจียงเหมิ่งท้ายที่สุดจะมีความสุขหรือไม่ พวกเราต้องทำร้ายคนอีกเท่าใดถึงได้ครองรักกัน พวกเราเห็นแก่ตัวหรือไม่เพื่อให้ได้ความสุขมาครอง ความคิดฟุ้งซ่านเช่นนี้ทำให้ฉีเยี่ยรู้สึกผิดขึ้นมาจนทำให้เธอตัดสินใจหนีเรียน เจียงเหมิ่งออกตามหาฉีเยี่ย เจียงเหมิ่งให้คำมั่นสัญญาต่อฉีเยี่ยว่าไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นพวกเราจะไม่พลัดพรากจากกันเป็นอันขาด จากนั้นเจียงเหมิ่งก็สวมแหวนให้ฉีเยี่ย อย่าได้หวาดระแวงกันอีกต่อไป
ในที่สุดเถียนซือเซิ่นก็ตัดสินใจตัดใจจากฉีเยี่ย เถียนซือเซิ่นพบว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ผู้หญิงที่มีความสำคัญและอยู่เคียงข้างตนมาโดยตลอดคือหย่าลี่ แต่ตนกลับไม่เหลียวแลเธอเลยแม้แต่น้อย กว่าเถียนซือเซิ่นคิดได้ก็สายเกินไป บัดนี้หย่าลี่ได้จากไปเสียแล้ว ก่อนที่หย่าลี่จะจากไปได้ทิ้งกล่องใบหนึ่งให้เถียนซือเซิ่น ภายในกล่องใบนั้นมีเพลงที่หย่าลี่ต้องใช้เวลาควานหาซื้อด้วยความยากลำบากเพื่อให้เจียงเหมิ่งนำไปมอบเป็นของขวัญวันเกิดให้ฉีเยี่ย หลังจากที่ทุกคนรู้ความจริงแล้วก็ตัดสินใจช่วยหย่าลี่ให้สมหวังในความรัก ยิ่งใกล้ถึงวันเกิดฉีเยี่ยก็ยิ่งไม่เห็นแม้แต่เงาของหย่าลี่
ตอนที่ 16
เถียนซือเซิ่นตัดสินใจฝากฝังฉีเยี่ยหญิงที่ตนรักไว้กับเจียงเหมิ่งโดยขอให้เจียงเหมิ่งดูแลฉีเยี่ยให้ดี อวยพรขอให้ทั้งสองครองรักกันอย่างมีความสุข ในที่สุดเจียงเหมิ่งก็หมดสิ้นความกินแหนงแคลงใจที่มีต่อเถียนซือเซิ่น เถียนซือเซิ่นพบรหัสลับและกุญแจ ตู้ไปรษณีย์ที่หย่าลี่ทิ้งไว้ เถียนซือเซิ่นนำจดหมายรัก จดหมายที่ทุกคนเขียนขึ้นมาเพื่อขอความเห็นใจให้เถียนซือเซิ่น ช็อกโกแลตและแหวนไปไว้ในตู้ไปรษณีย์ของหย่าลี่ เวลานี้เถียนซือเซิ่นถึงพบความจริงว่าแท้ที่จริงแล้วตนรู้จักหย่าลี่น้อยมาก เถียนซือเซิ่นนำอัลบั้มรูปไปไว้ในตู้ไปรษณีย์ ภายในอัลบั้มรูปแทนที่จะเป็นรูปถ่ายของเถียนซือเซิ่นกับฉีเยี่ย แต่นึกไม่ถึงว่ากลับเป็นรูปถ่ายของเถียนซือเซิ่นกับหย่าลี่ ในที่สุดเถียนซือเซิ่นก็สามารถเดาใจหย่าลี่ถูกต้อง และแล้วหัวใจของคนสองคนก็รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
เสี่ยเวยและโหย่วฮุยตกลงกันว่าก่อนถึงวันแต่งงานของทั้งสอง ทั้งสองจะพากันไปพูดคุยกับคุณย่าเจียงถึงการแต่งงานของฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่ง เนื่องจากฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งอยู่บ้านด้วยกันตามลำพัง ทำให้คุณย่าเจียงเกิดความไม่สบายใจขึ้นมาด้วยเห็นว่าไม่งาม แม้ว่าเสี่ยเวยพยายามแก้ต่างให้ฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งก็ตาม แต่คุณย่าเจียงกลับไม่ยอมรับฟัง คำพูดที่คุณย่าเจียงโต้ตอบกลับมาทำให้เสี่ยเวยรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
ฉีเยี่ยตัดสินใจว่าจะไปทำความสะอาดสุสานพ่อของเธอ เจียงเหมิ่งอาสาขอติดตามไปด้วย ทำให้ฉีเยี่ยรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา ...
ตอนที่ 17
จู่ ๆ ฝนก็ตกหนักลงมา ทำให้การจราจรในเมืองติดขัดเป็นอัมพาต รถไฟต้องหยุดการเดินรถ เจียงเหมิ่งและฉีเยี่ยติดฝนไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ ฉีเยี่ยเนื้อตัวเปียกปอนจนสั่นเทาด้วยความหนาว เจียงเหมิ่งเกรงว่าฉีเยี่ยจะเป็นวัดจึงตัดสินใจพาเธอเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง
ในเวลาเดียวกันนี้เอง ฉีเยี่ยก็ได้รับโทรศัพท์ติดต่อจากทางบ้าน ด้วยความที่แม่ไม่เห็นเจียงเหมิ่งและฉีเยี่ยอยู่บ้านด้วยกัน ทั้งคู่ ทำให้แม่เกิดความวิตกกังวลเกรงว่าความรักความสัมพันธ์ของคนทั้งสองจะเปิดเผยออกมาจนเป็นเหตุทำลายความสุขของแม่ ฉีเยี่ยตัดสินใจเดินทางกลับบ้านโดยทิ้งเจียงเหมิ่งไว้ตามลำพัง เจียงเหมิ่งเห็นว่าถ้าหากหลบหนีต่อไปเกรงว่าสักวันหนึ่งฉีเยี่ยจะละทิ้งความรักที่มีต่อกันไปได้ แต่แล้วฉีเยี่ยกลับพบว่าเธอไม่สามารถทอดทิ้งเจียงเหมิ่งไปได้ หากทอดทิ้งเจียงเหมิ่งไปดูเหมือนว่าไม่เป็นธรรมกับจียงเหมิ่งสักเท่าใดนัก ฉีเยี่ยตระหนักดีว่าเธอและเจียงเหมิ่งจะต้องกลับบ้านด้วยกัน เผชิญความจริงซึ่งอยู่เบื้องหน้า
ในที่สุดเสี่ยเวยก็รู้ว่าฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งรักกัน ถึงแม้ว่าเสี่ยเวยตกใจมาก แต่เพื่อความสุขของลูกสาวแล้ว เสี่ยเวย จึงตัดสินใจละทิ้งการแต่งานของเธอ นึกไม่ถึงเสี่ยเวยกลับพบว่าเธอตั้งครรภ์เสียแล้ว โหย่วฮุยยืนกรานว่าทุกคนจะต้องมีความสุขถ้วนทั่ว การแต่งงานของตนและเสี่ยเวยต้องดำเนินต่อไป ความรักของฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งก็ต้องดำเนินต่อไปเช่นเดียวกัน เชื่อว่าความสุขจะต้องได้มาจากความพยายามของทุกคน
เนื่องจากพ่อของฉิงจื่อถูกโยกย้ายไปทำงานต่างประเทศ ทำให้ทุกคนในครอบครัวต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศด้วยกัน ถึงแม้ว่าฉิงจื่อดึงดันที่จะอยู่ที่ไต้หวัน แต่พ่อก็ยืนกรานไม่อนุญาต ฉิงจื่อวิตกกังวลเกรงว่าการย้ายไปอยู่ต่างประเทศของเธอจะทำให้เธอและซ่างหยวนอีไม่สามารถคบหากันอีกต่อไป เมื่อฉิงจื่อเห็นความรักของฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งได้รับการยอมรับจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ทำให้ฉิงจื่ออิจฉาคนทั้งสองเป็นอันมาก
เพื่อทำลายอุปสรรคความรัก เพื่อให้คุณย่าเจียงยอมรับ เจียงเหมิ่งจึงตัดสินใจไปหาคุณย่าเจียง
ตอนที่ 18
ใกล้ถึงกำหนดที่ฉิงจื่อจะต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ทำให้ฉิงจื่อไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากอย่างไรต่อซ่างหยวนอี สิ่งที่ทำได้คือ ทะนุถนอมวันเวลาของกันและกันเพื่อสร้างความทรงจำอันงดงามเอาไว้ พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของฉิงจื่อทำให้ซ่างหยวนอีเกิดความเคลือบแคลงสงสัยขึ้นมา
เสี่ยเวยและโหย่วฮุยต่างพากันเป็นห่วงวิตกกังวลเกรงว่าคุณย่าเจียงจะทำลายความสัมพันธ์ของฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่ง แต่ นึกไม่ถึงว่าคุณย่าเจียงได้ถูกเจียงเหมิ่งเกลี้ยกล่อมจนคลายทิฐิลงไปได้แล้ว ทำให้ความสุขอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม แต่เช้าวันหนึ่งคุณย่าเจียงก็เห็นฉีเยี่ยและโหย่วฮุยมีปากเสียงทะเลาะกัน ทำให้คุณย่าเจียงเกิดความประหลาดใจขึ้นมา
ฉิงจื่อไม่กลับบ้านตลอดทั้งคืน ทำให้พ่อโกรธมากไปตามหาฉิงจื่อที่มหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้า หลังจากที่พ่อทำเรื่องลาออกจากมหาวิทยาลัยให้ฉิงจื่อแล้ว พ่อก็รู้ความจริงว่าฉิงจื่อพักอยู่ที่หอพักของซ่างหยวนอีตลอดทั้งคืน ในที่สุดซ่างหยวนอีก็รู้ความจริงว่าฉิงจื่อต้องย้ายตามครอบครัวไปอยู่ต่างประเทศ บางทีการจากกันครั้งนี้อาจจะไม่ได้พบหน้ากันอีกก็เป็นได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ซ่างหยวนอีจึงรวบรวมความกล้าท้าทายความเข้มงวดของพ่อฉิงจื่อ แม้ว่าจะมีอุปสรรคสักเพียงใดก็จะต้องช่วงชิงฉิงจื่อกลับคืนมาให้ได้
วันเกิดของเจียงเหมิ่งใกล้เข้ามาทุกที นึกไม่ถึงว่าเจียงเหมิ่งได้รับจดหมายจากหยวนเหม่ยจินแม่ซึ่งทอดทิ้งตนไป ที่แท้แม่มีความประสงค์ที่จะร่วมฉลองวันเกิดกับเจียงเหมิ่ง แล้วเจียงเหมิ่งจะไปตามนัดหมายหรือไม่
ตอนที่ 19
ฉีเยี่ยออกไปหาซื้อของเพื่อเตรียมเป็นของขวัญวันเกิดให้เจียงเหมิ่ง นึกไม่ถึงว่าได้พบกับหยวนชวนย่างโดยบังเอิญ ในเวลานี้เองฉีเยี่ยถึงรู้ความจริงว่าหยวนชวนย่างและแม่กำลังจะพากันย้ายไปอยู่ที่อิตาลี ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่แม่และหยวนชวนย่างนัดหมายร่วมฉลองวันเกิดกับเจียงเหมิ่ง
ในเยาว์วัยของเจียงเหมิ่ง แม่มักจะร้องไห้และพูดกับเจียงเหมิ่งว่าหากไม่มีเจียงเหมิ่งก็ดี คำพูดของแม่สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้เจียงเหมิ่งเป็นอันมากจนทำให้เจียงเหมิ่งฝังใจมาโดยตลอดว่าตนเป็นเหตุทำลายชีวิตสมรสของแม่ ในที่สุดแม่ก็ตัดสินใจพาหยวนชวนย่างทอดทิ้งเจียงเหมิ่งไป แต่ในเวลานี้เจียงเหมิ่งได้รับความรักจากทุกคน ทำให้เจียงเหมิ่งตัดสินใจที่จะร่วมฉลองวันเกิดของตนกับแม่และหยวนชวนย่าง แต่สิ่งที่ฉีเยี่ยคาดคิดไม่ถึงก็คือแม่ต้องการพาเจียงเหมิ่งไปอยู่อิตาลีด้วยกัน
แม้ว่าเจียงเหมิ่งปฏิเสธที่จะย้ายไปอยู่อิตาลี แต่ความรักที่แม่มีให้เจียงเหมิ่งก็ทำให้เจียงเหมิ่งตื้นตันใจจนหลั่งน้ำตาออกมาเป็นครั้งแรก ฉีเยี่ยเข้าใจดีว่าเจียงหมิ่งพยายามสะกดอารมณ์และความรู้สึกเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถสะกดอารมณ์และความรู้สึกไว้ได้ แม้ว่าฉีเยี่ยรู้สึกไม่สบายใจก็ตาม แต่เธอก็ไม่อยากชี้นำการตัดสินใจของเจียงเหมิ่ง สิ่งที่ฉีเยี่ยทำได้คือนิ่งเงียบรอรับฟังคำตอบจากเจียงเหมิ่งเท่านั้น เธอไม่รู้จะเผชิญหน้ากับเจียงเหมิ่งอย่างไรโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภายหลังที่รู้ว่าเจียงเหมิ่งตัดสินใจย้ายไปอยู่อิตาลี
ตอนที่ 20
แม้ว่าฉีเยี่ยมีลางสังหรณ์ไม่สู้ดีนักก็ตาม แต่หลังจากที่ฉีเยี่ยรู้จากแม่ว่าเจียงเหมิ่งตัดสินใจไปอยู่อิตาลีแล้วกลับทำให้เธอยากที่จะทำใจยอมรับได้ ทั้งที่ฉีเยี่ยรักเจียงเหมิ่งจนสุดหัวใจ แต่กลับได้ยินเจียงเหมิ่งพูดว่าตนจะไม่พูดให้ฉีเยี่ยรอคอย ทำให้ฉีเยี่ย ไม่รู้ว่าสมควรจะเชื่อถือคำมั่นสัญญาที่มีต่อกันหรือไม่ ทำให้เธอไม่รู้ว่าจะสานรักต่อไปดีหรือไม่ ฉิงจื่อรู้สึกว่าฉีเยี่ยไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงตบหน้าและประณามเจียงเหมิ่งเห็นแก่ตัว ซ่างหยวนอีรู้สึกแปลกใจด้วยไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจียงเหมิ่งจึงทิ้งความรักไปอย่างง่ายดาย เจียงเหมิ่งตอบด้วยรอยยิ้มว่าใครกำหนดให้ตนเป็นมารร้ายมาตั้งแต่แรก ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวตน ที่แท้จริงของตนไปได้
สิ่งที่คาดคิดไม่ถึงคือฉีเยี่ยจากที่เคยเอ้อละเหยลอยชายได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่โดยตั้งใจเรียนหนังสือ ทำงานพิเศษ ดูเหมือนว่าการที่ฉีเยี่ยทำเช่นนี้นั้นเพื่อให้เธอลืมความเจ็บปวดที่มีนั่นเอง บรรดาเพื่อน ๆ ซึ่งเห็นความเปลี่ยนแปลงของฉีเยี่ยต่างรู้สึกเห็นใจเธอเป็นอันมาก
ฉิงจื่อซึ่งอยู่เคียงข้างฉีเยี่ยเรื่อยมานั้นสุดทนต่อไปได้ที่เห็นฉีเยี่ยพยายามฝืนทำทุกอย่าง เพื่อให้ลืมความเจ็บปวดจนในที่สุดก็มีปากเสียงทะเลาะกันขึ้นมา ต่อมา ฉีเยี่ยก็หายตัวไป ทั้งยังดื่มเหล้าเมามายอีกด้วย ในทีสุดเจียงเหมิ่งก็ตามหาฉีเยี่ยพบ เจียงเหมิ่งบอกฉีเยี่ยว่าแม้ว่าฉีเยี่ยจะเปลี่ยนใจ ตนก็ยัวคงรักฉีเยี่ยตลอดไป....เมื่อฉีเยี่ยได้ยินคำพูดของเจียงเหมิ่งก็ทำให้ฉีเยี่ยคลายความวิตกกังวลไปโดยทันที ฉีเยี่ยรู้ดีว่าเธอจะต้องรอวันที่เจียงเหมิ่งเดินทางกลับจากอิตาลี สานความสุขที่ไม่มีวันหมดตลอดไป....