แนวทางการพัฒนาต้นแบบโรงเรียนสร้างผู้นำสู่สังคม โดย. อาจารย์สมเกียรติ โสมาภา

ข่าวทั่วไป Tuesday November 3, 2009 15:21 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 พ.ย.--คอร์ แอนด์ พีค ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 , ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนโสมาภานุสสรณ์ รามอินทรา การสร้างผู้นำสู่สังคม ในความคิดโดยอุดมคติของตัวครูแล้ว (หมายถึง สมเกียรติ โสมาภา) ต้องให้มองถึงตัวนักเรียนที่จบออกไปจากรั้วโรงเรียนมีสิ่งที่ดีที่สุดออกไป โดยปรัชญา ที่ครูตั้งมั่นไว้ คือ ให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางในการรับการฝึกทุก ๆ ด้านของภาวะผู้นำ ส่วนโรงเรียนเป็นตัวประกอบมุ่งเน้นและส่งเสริมสม่ำเสมอ ในตัวปรัชญา 6 ด้าน ที่โรงเรียนกำหนดนั้น ซึ่งได้แก่ ร่างกาย ปัญญา อารมณ์ วินัย วิชาการ และคุณธรรม จะเป็นเป้าหมาย วัตถุประสงค์จากภายในโรงเรียนดำเนินการ ใช้วิชาการและกิจกรรมหนุนเนื่องอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอลงสู่เด็กนักเรียนตลอดเวลา เมื่อเด็กเหล่านี้ได้จบออกไปแล้วทำให้เกิดลักษณะนิสัยที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีต่อไป สำหรับแนวทางในการทำโรงเรียนต้นแบบของโรงเรียนที่สร้างเด็กไปสู่การเป็นผู้นำสู่สังคม มีแนวคิดจากปรัชญาข้างตน คือ ร่างกายสมบูรณ์ เพิ่มพูนปัญญา อารมณ์ก้าวหน้า วินัยเข้มแข็ง วิชาการพร้อมแข่ง รู้คุณค่าคุณธรรม โดยการจัดกิจกรรมหลักที่เสริม 18 กิจกรรมหลัก และกิจกรรมประกอบอีก 65 กิจกรรม โดยทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ มีการวัดผลประเมินผล ของแต่ละกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง และในการสรุปประเมินผลสุดท้ายจะดูที่การพัฒนาขึ้นของ IQ EQ และ PQ ซึ่งจะต้องวัดทุก ๆ ปี ความจริงการพัฒนานักเรียนนั้นทุก ๆ โรงเรียนต่างก็ทำกันอยู่แล้ว แต่อยู่ที่การเอาจริงเอาจัง และความสม่ำเสมอ จะทำได้มากน้อยเท่าไร เพราะการจะทำให้ได้ผลนั้น คุณครู ผู้ปกครอง และตัวนักเรียนต้องตั้งใจเข้าร่วมมืออย่างจริงจังด้วย นอกจากนี้แล้วยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น อุปกรณ์การสอน ห้องกิจกรรมพิเศษ สถานที่ บรรยากาศ และเทคโนโยลี ซึ่งโรงเรียนจะต้องจัดขึ้นอย่างหลากหลาย แนวคิดในการสร้างโรงเรียนให้เป็นโรงเรียนแห่งผู้นำ (School of Leader) เกิดจากกลุ่มโรงเรียนโสมาภานุสสรณ์ได้เกิดมานานถึง 50 ปีแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา บรรพบุรุษของผู้รับใบอนุญาตได้ตั้งโรงเรียนขึ้นมาด้วยอุดมคติที่จะสร้างเยาวชนให้โตขึ้นไปรับใช้ชาติ บนพื้นฐานของหลักสูตรที่รัฐกำหนดกับธรรมของศาสนา ที่ต้องการให้สังคมมีแต่คนดี ๆ เข้าใจกัน รักกัน เคารพกัน มีความเคารพในเกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แต่เยาว์วัย จนเติบใหญ่ เวลาที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา 50 ปี จนวันนี้ กลุ่มโรงเรียนโสมาภานุสสรณ์ ได้เติบโตและอยู่ในความชื่นชมของท่านผู้ปกครอง จนเกิดมีกฎหมายทางการศึกษาใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2542 ได้กำหนดให้โรงเรียนกำหนดการสร้างลักษณะนิสัยของเด็กที่จบจากโรงเรียนไว้ในหลักสูตรของโรงเรียน โรงเรียนจึงได้กำหนดขึ้น 7 ตัวดังนี้คือ 1. ตรงต่อเวลา 2.สะอาด 3.มีระเบียบวินัย 4.วาจาสุภาพ 5.ประหยัด 6.ประสานประโยชน์ 7.รักษาสุขภาพ ทั้ง 7 ตัวนี้ โรงเรียนได้ลงลึกมายาวนาน 20 ปีกว่าแล้ว ก่อนที่จะมีกฎหมายกำหนดให้มีในหลักสูตร ดังนั้นทั้งนักเรียน คุณครู และผู้ปกครองก็จะเคยชินกับการปฏิบัติเป็นประจำอยู่แล้ว เมื่อโรงเรียนเพิ่มเทคโนโลยี และคุณธรรมต่าง ๆ ลงไปในกิจกรรมมากขึ้น จนสร้างลักษณะนิสัยภาวะผู้นำเกิดขึ้น โรงเรียนก็เลยกลายเป็นโรงเรียนที่ฝึกภาวะผู้นำให้แก่นักเรียนอย่างต่อเนื่อง และจริงจังมาจนถึงวันนี้ ทำไมเราจึงถือว่าภาวะผู้นำนั้นสำคัญสำหรับลูกหลาน และจะทำอย่างไรเรื่องดี ๆ จึงจะเกิดขึ้นกับลูกหลานของเราได้ จากการที่ผมเป็นครูมามากกว่า 50 ปี ผมพบว่าเด็กทุก ๆ คนมีพรสวรรค์ต่าง ๆ หลากหลายกัน และถ้าเขาอยากทำเขาก็จะทำได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกก็คือเราต้องให้เด็ก ๆ รู้และเข้าใจ และมีส่วนร่วมสม่ำเสมอจึงเกิดผลอย่างแท้จริง เช่นเรื่องการตรงต่อเวลา หรือ การนำของใช้ไว้ที่เดิม หรือ การพูดจาสุภาพ การประหยัด ต่างเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตประจำวันทั้งสิ้น จะเห็นได้ง่าย ๆ ว่า ปัจจุบันนี้เราพบปัญหาในองค์กรต่าง ๆ มากมาย ที่ทำให้เกิดความเสียหายทั้งระยะสั้นและระยะยาว อันเกิดมาจากคนในองค์กรขาดวินัย ไม่เห็นความสำคัญในการปฏิบัติร่วมกัน อันคนเรานั้นถ้ามีภาวะผู้นำจะคิดเป็น และมีระเบียบวินัย รู้จักการควบคุมอารมณ์ตนเองได้ โดยเฉพาะควบคุมตนเองด้วยคุณธรรม รู้จักเตือนตนเอง โรงเรียนทั่วประเทศสอนเด็กเรื่องวินัยไม่ไปในทางเดียวกัน พอเด็กจบออกมาทำงานจึงคิดแต่ตัวเอง คิดแต่ประโยชน์ที่ได้มากกว่าที่จะคิดอะไรที่เอาความถูกต้องแต่กลับเอาแต่ถูกใจ ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปพอเด็กโตและเข้าสู่การทำงาน องค์กรต้องมาเสียเวลาไปกับการอบรมและติดตามผล ประเมินผลงาน สมมุติว่าถ้าเสียไปวันละ 20 นาที ต่อ 1 คน ทุกองค์กรทั่วประเทศ คิดดูประเทศเสียเวลาเท่าไร สิ้นเปลืองงบประมาณเท่าไร กว่าจะได้คนทำงานที่มีวินัย มีภาวะผู้นำ น่าเสียดายที่ไม่มีใครช่วยกันคิดและทำให้คนไทยมีกติกาการทำงานไปทางเดียวกันเหมือนชาติอื่นที่สร้างคนในชาติให้เข้มแข็งด้วยวินัย เขาทำทั้งชาติ ผมพูดไปเสียยาวเพียงอยากสรุปว่า ทำไมกลุ่มโรงเรียนโสมาภานุสสรณ์ จึงอยากสร้างภาวะผู้นำให้แก่ลูกๆ ซึ่งทำไปโดยปลูกฝังโดยใช้พื้นฐานจากปรัชญา 6 ด้าน ของโรงเรียนโดยการสร้างความเคยชินไปจนกลายเป็นนิสัยให้แก่ลูก ๆ ตั้งแต่อนุบาลจนจบ ม.6 สำหรับการสร้างนิสัยในการฝึกฝนไปสู่การยกระดับจิตใจด้านคุณธรรมนั้น อยู่ที่การปฏิบัติ ตั้งแต่เริ่มเบื้องต้นไปสู่การมีสติ ซึ่งความจริงแล้วนักเรียนก็มีพื้นฐานอยู่บ้างแล้ว เพราะประเทศเราเป็นประเทศที่เล็ก ศาสนา ก็มีไม่มาก ผู้ปกครองนักเรียนก็เป็นผู้รู้ และรักในความถูกต้อง รักในคุณธรรมต่าง ๆ เช่น ความซื่อสัตย์ ความกตัญญู ความอดทนอยู่แล้ว เมื่อโรงเรียนได้ขึ้นต้น และอบรมปรับปรุง แก้ไขให้แก่เด็ก ผู้ปกครองก็จะส่งเสริมเมื่อทำบ่อย ๆ จนเด็กเคยชิน ความละอายต่อความผิดก็จะมีมากขึ้น ๆ ตลอดไป การปฏิบัติเบื้องต้นอาจจะง่าย ๆ ไปสู่ยากตามวัยของเด็กก็อาจจะใช้ได้ดีต้องทำดู เช่น คำขอโทษ คำขอบคุณ รอยยิ้ม การรู้จักให้อภัย รู้จักคุยกันเพื่อหาทางเลือกที่ได้ประโยชน์ทุก ๆ ฝ่าย ต่างยิ้ม ต่างเข้าใจ ต่างช่วยกัน ต่างอภัยกัน ล้วนแล้วแต่จำเป็นสำหรับการฝึกภาวะผู้นำให้แก่นักเรียน คุณครู และบุคลากรทั้งสิ้น กลุ่มโรงเรียนโสมาภานุสสรณ์ หวังว่าความตั้งใจในปรัชญาของโรงเรียนว่าจะเป็นโรงเรียนแห่งการเรียนรู้ยุคใหม่ด้วยเทคโนโลยี เอาจริง เอาจังกับการฝึกปฏิบัติเป็นประจำ สม่ำเสมอและต่อเนื่องให้แก่เด็ก คุณครู และบุคลากร จนเกิดเป็นความเคยชินและนิสัยภาวะผู้นำแก่เขา จนปรากฏผลเป็นปรัชญาของโรงเรียนว่า ร่างกายสมบูรณ์ เพิ่มพูนปัญญา อารมณ์ก้าวหน้า วินัยเข้มแข็ง วิชาการพร้อมแข่ง รู้คุณค่าคุณธรรม ตลอดไป

แท็ก ปรัชญา  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ