กรุงเทพฯ--3 พ.ย.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
นายไทยวัฒน์ ตรียาภิรมย์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย กทม. กล่าวถึงแนวทางแก้ไขปัญหาโครงการบ้านยิ้ม2 ว่า ข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานครที่ได้รับสิทธิขอสินเชื่อโครงการบ้านยิ้ม2 สามารถขอสินเชื่อโดยขอเปลี่ยนประเภทของสินเชื่อ หรือขอเพิ่มหรือลดวงเงินได้ แต่ต้องไม่เกินรายละ 1.5 ล้านบาท กรณีผู้ขอสินเชื่อมีบ้านอยู่แล้วและแจ้งว่ามีเจตนาจะขายบ้านหลังเดิมให้ธนาคารพิจารณาจากเจตนาดังกล่าวเป็นหลัก หากผู้ขอสินเชื่อมีความสามารถในการผ่อนชำระให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของธนาคารว่าจะพิจารณาให้ผ่อนชำระได้ทั้งสองหลังในช่วงเวลาการรอขายบ้านหลังเดิม และกำหนดให้เฉพาะบ้านที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น หากผู้ขอสินเชื่อมีกรรมสิทธิ์ในบ้านที่ตั้งอยู่ต่างจังหวัดหรือแม้แต่ปริมณฑล หากประสงค์ขอสินเชื่อซื้อบ้านในเขตกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล เพื่อให้เดินทางไปทำงานได้สะดวก ให้ถือว่าเข้าหลักเกณฑ์ที่สามารถอนุมัติสินเชื่อได้ เนื่องจากโครงการบ้านยิ้มมีเจตนาที่จะลดความกังวลในเรื่องที่อยู่อาศัย และให้ผู้ได้รับสินเชื่อสามารถเดินทางไปทำงานได้สะดวก
ผู้กู้หลักรับสิทธิดอกเบี้ยต่ำได้จนกว่าจะเสียชีวิต สามี—ภรรยา รับสิทธิกู้ได้คนละ 1.5 ล้าน
กรณีการขอสินเชื่อมีผู้กู้ร่วมให้ธนาคารพิจารณาคุณสมบัติของผู้กู้หลักเป็นสำคัญ เนื่องจากรุงเทพมหานครจะดำรงเงินฝากเพื่อค้ำประกันให้เฉพาะตัวข้าราชการหรือลูกจ้างที่ขอสินเชื่อเท่านั้น พร้อมพิจารณาอายุของผู้กู้ร่วมด้วย กรณีผู้กู้หลักเหลือเวลาในการผ่อนชำระน้อย ให้สามารถรับดอกเบี้ยในโครงการบ้านยิ้มต่อไปจนกว่าผู้กู้หลักจะเสียชีวิต ในกรณีที่สามี — ภรรยา เป็นผู้ได้รับสิทธิในโครงการบ้านยิ้ม2 ทั้งคู่ ให้พิจารณาให้สิทธิทั้งคู่ในวงเงินรายละไม่เกิน 1.5 ล้านบาท
รวมยอดหนี้บ้านหลังเดียวกันเพื่อ Refinance ได้
สำหรับการขอ Refinance ในกรณีที่ผู้ขอสินเชื่อมีหลายบัญชี เช่น บัญชีกู้ซื้อบ้านรวมกับยอดหนี้ในบัญชีที่ผู้ขอสินเชื่อหรือบุคคลอื่นใดกู้ซ่อมแซมบ้านดังกล่าว หรือบัญชีอื่นเพื่อสินเชื่อเกี่ยวกับบ้านหลังเดียวกัน โดยไม่เกี่ยวกับหนี้บัตรเครดิตหรือหนี้อื่นใด สามารถขอรับสิทธิได้ในวงเงินไม่เกิน 1.5 ล้านบาท กรณีขอ Refinance ต่างธนาคารให้ธนาคารเป็นผู้พิจารณา
เร่งสำรวจปัญหา Refinance ลูกบ้านการเคหะแห่งชาติ
สำหรับข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานครที่ประสบปัญหากรณีซื้อบ้านกับการเคหะแห่งชาติ แล้วต้องการ Refinance กับโครงการบ้านยิ้ม2 แต่ติดเงื่อนไขว่าห้ามโอนกรรมสิทธิ์ก่อนห้าปีนั้น สามารถแจ้งความจำนงค์ได้ที่หน่วยงานต้นสังกัด พร้อมกรอกแบบฟอร์มการสำรวจผู้ซื้อบ้านกับการเคหะแห่งชาติแล้วประสบปัญหาในกรณีต่างๆ ที่นำมารีไฟแนนซ์กับโครงการบ้านยิ้ม2 ได้ตั้งแต่บัดนี้ — 25 พ.ย.52 เพื่อรวบรวมข้อมูลให้คณะกรรมการพิจารณาแนวทางการจัดสวัสดิการที่อยู่อาศัยให้ข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานคร นำไปพิจารณาดำเนินการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาต่อไป
ผู้ได้รับสิทธิต้องติดต่อธนาคารภายใน 30 พ.ย.นี้เท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้ได้รับสิทธิขอสินเชื่อโครงการบ้านยิ้ม2 ที่ยังไม่ได้ติดต่อธนาคาร ให้ติดต่อขอยื่นหลักฐานในการขอสินเชื่อฯ ภายในวันที่ 30 พ.ย.52 เท่านั้น หากไม่ติดต่อยื่นหลักฐานในการขอสินเชื่อกับทางธนาคารภายในเวลาที่กำหนดจะถือว่าสละสิทธิ์ สำหรับผู้ได้รับสิทธิขอสินเชื่อที่ติดต่อธนาคารและได้ยื่นหลักฐานในการขอสินเชื่อแล้ว แต่ยังขาดเอกสารเพิ่มเติมหรือประสงค์จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลในกรณีใดๆ ก็ตาม ให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 มี.ค.53 เท่านั้น ถ้าผู้ได้รับสิทธิไม่ติดต่อดำเนินการแก้ไขในกรณีใดๆ ก็ตามกับทางธนาคารให้เสร็จสิ้นภายในเวลาดังกล่าวให้ถือว่าสละสิทธิ์
ขยายเวลารับสิทธิเข้าร่วมโครงการบ้านยิ้ม2 ถึง 25 พ.ย.นี้
พร้อมกันนี้ สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัยเปิดโอกาสให้ข้าราชการและลูกจ้างของกรุงเทพมหานครที่ได้รับความเดือดร้อนและต้องการที่อยู่อาศัย ขอใช้สิทธิโครงการบ้านยิ้ม2 (เพิ่มเติม) เพื่อเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ปลูกหรือซ่อมแซมและรีไฟแนนซ์ที่พักอาศัย ตามที่ต้องการในวงเงินไม่เกินรายละ 1.5 ล้านบาท ผู้สนใจแจ้งความจำนงค์ได้ที่หน่วยงานต้นสังกัดของตนเองพร้อมกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มการสำรวจความต้องการเข้าร่วมโครงการบ้านยิ้ม 2 เพื่อขยายเวลาเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่บัดนี้ — 25 พ.ย.52 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายบริหารงานทั่วไป สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย กทม. โทร. 0 2538 8067 ต่อ 104