กรุงเทพฯ--28 มิ.ย.--กระทรวงพลังงาน
นายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ร่วมกับ รองประธานกรรมาธิการพัฒนาแห่งชาติ (H.E. Zhang Guabac) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำ (H.E Zhai Hauhui) กระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนจากสถาบันการเงินของสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นสักขีพยานการลงนาม MOU ความร่วมมือในการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำฮัจจี ระหว่างผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (นายไกรสีห์ กรรณสูต) กับ ประธาน SINOHYDRO CORPORATION ของจีน (MR. Huang Baodong) โดยพิธีลงนามได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่กลางกรุงปักกิ่ง ที่ People’s Great Hall จตุรัสเทียนอันเหมิน เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2549
นายวิเศษ จูภิบาล กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนในการสนับสนุนให้รัฐวิสาหกิจของทั้งสองประเทศเข้าไปพัฒนาและลงทุนนอกประเทศ และเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับ กฟผ. ในการก้าวสู่องค์กรนานาชาติและการเป็น National Champion ของไทย ความร่วมมือในการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำฮัจจีครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จของ 3 ประเทศร่วมกัน คือ ไทย จีน และพม่า ในการร่วมพัฒนาเขื่อนอเนกประสงค์ฮัจจีอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นความร่วมมือภายใต้ความข้อตกลงพุกาม (The Bagan Declaration) ที่ผู้นำ 6 ประเทศได้ลงนามกันไว้เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2546 คือนอกจากจะเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานแล้ว ยังมุ่งหวังในการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่โดยเฉพาะประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ทั้งฝั่งไทยและเพื่อนบ้านให้ดีขึ้น ก้าวต่อไป กฟผ. SINOHYDRO และกระทรวงไฟฟ้า 1 ของ พม่า จะร่วมกันศึกษาความเหมาะสมและออกแบบ โดยจะครอบคลุมผลกระทบด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาพื้นที่เกษตรกรรมบริเวณโครงการเพื่อสร้างอาชีพให้กับประชาชน
นายวิเศษฯ กล่าวย้ำว่า ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ได้มุ่งหวังแต่เพียงการสร้างเขื่อนเพื่อซื้อขายไฟฟ้าเท่านั้น แต่เป้าหมายหลักอีกอย่างหนึ่งคือความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนชาวพม่าและชาวไทยตามบริเวณชายแดน ซึ่งเป็นนโยบายที่พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายไว้ และกระทรวงพลังงานยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอด โดยกระทรวงพลังงานจะประสานขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยโดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการเข้าไปดูศักยภาพของพื้นที่และให้ความช่วยเหลือทางวิชาการต่อไป
นายพรชัย รุจิประภา รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานกรรมการความร่วมมือด้านพลังงานไทย-ประเทศเพื่อนบ้าน กล่าวเสริมว่า กระทรวงพลังงานได้รับมอบหมายจากรัฐบาลในการจัดหาพลังงานจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีศักยภาพสูงด้านไฟฟ้าพลังน้ำ สำหรับโครงการฮัจจีนี้ได้มีการเจรจาและร่วมมือกับกระทรวงไฟฟ้าของพม่ามาเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยหากโครงการมีความเหมาะสมคาดว่าจะสามารถส่งกระแสไฟฟ้ามาขายให้กับประเทศไทยได้ในปี 2556 ในราคาที่ต่ำกว่าเชื้อเพลิงอื่น ซึ่งจะมีผลช่วยลดภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิง (FT) ในการผลิตไฟฟ้าให้แก่ประชาชนด้วย
นายไกรสีห์ กรรณสูต ผู้ว่า กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. ได้รับมอบหมายและไว้วางใจจากรัฐบาลไทยและรัฐบาลพม่าในการศึกษาและพัฒนาโครงการ จากการศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ 1,000-1,200 เมกกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นคงด้านไฟฟ้าและช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้า (FT) ให้กับไทยเป็นอย่างมาก คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ประหยัดได้ถึง 28,000 ล้านบาท/ปี เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้น้ำมันเตาในการผลิตไฟฟ้า