กรุงเทพฯ--4 พ.ย.--บีโอไอ
บีโอไอสร้างโอกาสทองครั้งสำคัญแก่นักธุรกิจไทย จัดงานจับคู่ธุรกิจไทย-จีน โดยมีคณะหน่วยงานภาครัฐและนักธุรกิจจากมณฑลกวางตุ้ง รวม 300 ราย มาขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนกับฝ่ายไทย ในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ เผย 130 บริษัทจากกวางตุ้งต้องการร่วมธุรกิจกับ คนไทยในแทบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม
นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ เปิดเผยถึงการจัดสัมมนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Match-making) ระหว่างนักธุรกิจไทยและนักธุรกิจจากมณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะจัดในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 ณ โรงแรมแชงกรี-ลา ว่า จะเป็นประโยชน์ต่อนักธุรกิจไทยที่แสวงหาโอกาสการทำธุรกิจร่วมกับนักธุรกิจมณฑลกวางตุ้ง เพราะมีนักธุรกิจชั้นนำจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน 130 บริษัท ครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เดินทางมาขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนในประเทศไทย
ทั้งนี้ คณะจากมณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ประกอบไปด้วยภาครัฐและเอกชนจากมณฑลกวางตุ้ง จำนวน 300 คน นำโดย นายวาง หยาง (Mr. Wang Yang) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์มณฑลกวางตุ้ง ส่วนภาคเอกชนจีนที่จะเดินทางมามีจำนวน 130 บริษัท ครอบคลุมเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อาหารและเกษตรกรรม เคมีภัณฑ์และยา เครื่องจักรและอุปกรณ์ วัสดุก่อสร้างและเฟอร์นิเจอร์ การคมนาคมและการขนส่ง การบริการ อุตสาหกรรมเบา การค้า การท่องเที่ยว บริการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ และอื่น ๆ
“บีโอไอได้เปิดสำนักงานสาขาที่กวางโจว เมื่อเดือนสิงหาคม 2552 ที่ผ่านมา กิจกรรม สร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการจับคู่ธุรกิจในครั้งนี้ จึงถือเป็นความร่วมมือครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งระหว่างไทยและมณฑลกวางตุ้ง และที่สำคัญ แม้ว่าการลงทุนจากต่างประเทศในไทยจะลดน้อยลง แต่การลงทุนจากประเทศจีนในไทยกลับมีแนวโน้มที่ดี โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มีคำขอรับส่งเสริมจากประเทศจีน 16 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมสูงถึง 10,427 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 9 เท่าตัว (สถิติ ม.ค. —ก.ย. 2551 มีคำขอรับจากจีน 18 โครงการ มูลค่า 1,000 ล้านบาท) แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักธุรกิจจีนได้เป็นอย่างดี” เลขาธิการบีโอไอกล่าว
นักธุรกิจไทยที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว สามารถดาวน์โหลดแบบตอบรับจากเว็บไซต์บีโอไอ www.boi.go.th เพื่อตอบรับเข้าร่วมกิจกรรม ภายในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2552 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่โทรศัพท์หมายเลข 0-2537-8111 ต่อ 1018 และ 1203