กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์
ในช่วงอีกสองเดือนที่กำลังจะมาถึง สายการบินเอมิเรตส์มีแผนในการขยายการให้บริการครั้งใหญ่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยการขยายขอบเขตการให้บริการดังกล่าวจะเกิดขึ้นในเส้นทางกรุงเทพฯ ซิดนีย์ มะนิลา และจาการ์ตา
ตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้ สายการบินเอมิเรตส์จะเพิ่มเที่ยวบินจากดูไบไปยังกรุงเทพฯ เป็น 4 เที่ยวต่อสัปดาห์ ในขณะเดียวกันก็เพิ่มเป็น 3 เที่ยวบินต่อวันไปยังซิดนีย์ เพิ่มอีก 2 เที่ยวบินไปยังมะนิลา และอีกหนึ่งเที่ยวบินไปยังจาการ์ตา
โดยรวมจะมี 17 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม 2552 ถึงเดือนมกราคม 2553 ซึ่งส่งผลถึงการเติบโตที่เพิ่มขึ้น 13% ของจำนวนที่นั่งผู้โดยสาร การปรับเพิ่มการให้บริการในครั้งนี้จะส่งผลให้สายการบินเอมิเรตส์มีเที่ยวบินมายังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้นเป็น 187 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
ริชาร์ด จิวสเบอรี่ รองประธานอาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการการค้าประจำภูมิภาคตะวันออกไกล และออสตราเลเซีย กล่าวว่า “ตะวันออกกลางเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่ภูมิภาคที่ยังคงสถิติการเติบโตของการเดินทางอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้จากความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น 8% ของผู้โดยสารตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปีนี้ ในขณะเดียวกัน ก็มีรายงานว่า สถานการณ์การเดินทางในตลาดในทวีปเอเชียก็มีการปรับตัวดีขึ้นจากตัวเลขจำนวนผู้โดยสารของแต่ละสนามบินในทวีปเอเชีย ด้วยเหตุนี้ เราจึงมั่นใจว่าเราจะได้เห็นการฟื้นตัวโดยเร็วและได้มีโอกาสเพิ่มที่นั่งของผู้โดยสารเพื่อให้สอดรับกับความต้องการที่สูงขึ้น”
อีกปัจจัยหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตขึ้นในครั้งนี้คือ รายงานอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลักของจำนวนผู้โดยสารที่สนามบินนานาชาติดูไบติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนกันยายนนี้ โดย 35% ที่เพิ่มขึ้นเป็นการเดินทางมาจากทวีปเอเชีย ส่วนที่สนามบินสุวรรณภูมิก็รายงานอัตราการเติบโตถึง 22.4% ต่อปี
กรุงเทพฯ
เที่ยวบินรายวันเที่ยวที่ 4 จะเริ่มให้บริการจากดูไบถึงกรุงเทพฯ ในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ โดยใช้เครื่องบินอันทันสมัยรุ่นโบอิ้ง 777-300 ซึ่งประกอบไปด้วยที่นั่งผู้โดยสารในทั้ง 3 ชั้น โดยมี 12 ที่นั่งในชั้นหนึ่ง 42 ที่นั่งในชั้นธุรกิจ และ 310 ที่นั่งในชั้นประหยัด เที่ยวบินจากดูไบไปยังกรุงเทพฯ นี้จะช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยช่วยส่งเสริมให้มีนักท่องเที่ยวจากดูไบและแถบประเทศตะวันออกกลางเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น โดยนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคดังกล่าวเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเน้นให้ความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนเปิดตัวแคมเปญ “จั๊ม ทู อะเมซซิ่ง ไทยแลนด์” (Jump to Amazing Thailand) ที่ทางการท่องเที่ยวฯ ได้ลงเม็ดเงินไปหลายล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนั้น การขยายเวลายกเว้นค่าวีซ่านักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยไปจนถึงเดือนมีนาคม 2553 ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะสนับสนุนให้มีการเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น ซึ่งการเดินทางดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นของสายการบินเอมิเรตส์
การเพิ่มเที่ยวบินในครั้งนี้ยังกระตุ้นให้การขนส่งสินค้าทางอากาศมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยเพิ่มระวางบรรทุกสินค้าอีก 161 ตันต่อสัปดาห์ในเส้นทางดังกล่าวเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการภาคการส่งออกทั้งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม, เวชภัณฑ์, สินค้าค้าที่เน่าเสียง่าย และผู้ประกอบการที่นำเข้าสินค้าประเภทยานยนต์, ชิ้นส่วนเครื่องจักร อุปกรณ์ทางการแพทย์ สารเคมี และอาหารสดแช่แข็ง
เกี่ยวกับสายการบินเอมิเรตส์
สายการบินเอมิเรตส์ให้บริการเที่ยวบินสู่ประเทศไทยมานานกว่า 18 ปี ปัจจุบันเอมิเรตส์ให้บริการจากกรุงเทพฯสู่ดูไบ 21 เที่ยวบิน ไป-กลับต่อสัปดาห์, 7 เที่ยวบินไป-กลับต่อสัปดาห์สู่ฮ่องกงและ7 เที่ยวบินไป-กลับต่อสัปดาห์สู่ซิดนีย์และไครสต์เชิร์ช
สื่อมวลชน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
วรางคณา พวงศิริ / สุพรรษา วงศ์ประเสริฐ
สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์
โทรศัพท์: 0-2653-2717-9 โทรสาร 0-2653-2720
อีเมล์: warangkana@spark.co.th
เวปไซต์: www.emirates.com/th