กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--คต.
นายวิจักร วิเศษน้อย รักษาการอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2552 การค้ารวมระหว่างไทยกับตุรกี มีมูลค่า 416.43 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยไทยส่งออกสินค้าไปยังตุรกีมูลค่า 348.23 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 53.48 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ที่ผ่านมา สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ รถบรรทุกชนิดแวน และปิกอัพ คอมเพรสเซอร์ หน่วยเก็บข้อมูลอัตโนมัติ เส้นใยสั้นเทียมทำด้วยวิสโคสเรยอน และเม็ดพลาสติก เป็นต้น และไทยนำเข้าจากตุรกีมูลค่า 68.20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 54.55 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปทำด้วยเหล็ก/เหล็กกล้า แป้งข้าวสาลี/แป้งเมสลิน เพชรพลอยรูปพรรณ หินอ่อน และน้ำมันเมล็ดทานตะวัน เป็นต้น ทั้งนี้ ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้ามูลค่า 280.03 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สำหรับสถานการณ์การใช้สิทธิ GSP ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2552 พบว่ามีการขอใช้สิทธิ GSP ไปยังตุรกี มูลค่า 198.56 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งมีมูลค่า 341.43 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 41.84 และคิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 63.65 ของมูลการส่งออกเฉพาะรายการสินค้าที่ได้รับสิทธิฯ สินค้าส่งออกสำคัญที่ขอใช้สิทธิฯ ได้แก่ รถบรรทุกชนิดแวนและปิกอัพ (พิกัดฯ 870421) คอมเพรสเซอร์ (พิกัดฯ 841430) เครื่องปรับอากาศ (พิกัดฯ 841510) เส้นใยประดิษฐ์ทำด้วยวิสโคสเรยอน (พิกัดฯ 550410) และด้ายเดี่ยว (พิกัดฯ 551011) เป็นต้น
นายวิจักรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตุรกีเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) แก่ไทย โดยลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีให้กับสินค้าอุตสาหกรรมสำหรับสินค้าเกษตรส่วนใหญ่จะไม่ได้รับการลดหย่อนภาษี ทั้งนี้ ตลาดตุรกีเป็นอีกตลาดหนึ่งที่มีโอกาสมากสำหรับผู้ส่งออกไทยในการนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายเนื่องจากได้แต้มต่อจากการลดภาษีนำเข้าภายใต้สิทธิพิเศษทางการค้า (GSP) โดยผู้ส่งออกที่ประสงค์จะขอใช้สิทธิ GSP ส่งออกไปยังตุรกี สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วน 1385 กรมการค้าต่างประเทศ หรือ http://www.dft.go.th รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อที่สำนักสิทธิประโยชน์ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ โทร.02 5474771-86 ต่อ 4755 โทรสาร 02 5474816 หรือ e-mail : tpdft@mocnet.go.th