กรุงเทพฯ--21 ธ.ค.--กรมสรรพสามิต
สรรพสามิตระดมกำลังทั่วประเทศปราบปรามบุหรี่-สุราเถื่อน ชี้หลัง ขึ้นภาษีบุหรี่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 81 ราย ค่าปรับกว่า 3 ล้านบาท เตือนร้านค้าหากกระทำผิดเพิกถอนใบอนุญาตทันที โรงงานยาสูบก็จะขายให้กับผู้ถูกเพิกถอน ใบอนุญาตไม่ได้อีกต่อไป
นายอุทิศ ธรรมวาทิน อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่ากรมสรรพสามิตได้รับมอบนโยบายจากกระทรวงการคลังให้ดำเนินงานมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามบุหรี่ และสุราเถื่อน จึงได้สั่งการให้ชุดเฉพาะกิจของสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม ดำเนินการ ร่วมกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิตทั่วประเทศออกกวาดล้างบุหรี่และสุราเถื่อนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง อันจะนำไปสู่การบริหารการจัดเก็บภาษีที่เป็นธรรม ทั่วถึง และโปร่งใส
อธิบดีกรมสรรพสามิตกล่าวต่อหลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ปรับขึ้นภาษี สรรพสามิตในสินค้าบุหรี่จากเดิมจัดเก็บที่ร้อยละ 75 ปรับเพิ่มเป็นร้อยละ 79 เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2548 โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการบริโภคยาสูบของประชาชนนั้น ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2548 เจ้าหน้าที่สรรพสามิตสามารถจับกุมผู้กระทำผิด พ.ร.บ.ยาสูบ พ.ศ. 2509 จำนวน 2 ราย โดยมี รายละเอียดดังนี้
1) เหตุเกิดที่ 1/35-36 ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี มีผู้ต้องหาจำนวน 1 ราย คือ นายอานุภาพ ปัญจนที ได้ของกลางเป็นบุหรี่ซิกาแรต กรองทิพย์ 90 จำนวน 2,500 ซอง โดยเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาว่ามียาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบไว้ในครอบครองเกินกว่าห้าร้อยกรัม และเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 888,750 บาท พร้อมกับดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาต
2) เหตุเกิดที่ 49/9 หมู่ที่ 7 ตำบลลาดหลุมแก้ว อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี มีผู้ต้องหาจำนวน 1 ราย คือ นายอัศวิน โฉลก ได้ของกลางเป็นบุหรี่ซิกาแรต กรองทิพย์ 90 จำนวน 1,500 ซอง โดยเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาว่ามียาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบไว้ในครอบครองเกินกว่า ห้าร้อยกรัม และเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 533,250 บาท พร้อมกับดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาต
นอกจากนี้นับตั้งแต่วันที่ 7 - 14 ธันวาคม 2548 หลังจากมีการปรับขึ้นภาษีบุหรี่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดในคดียาสูบทั่วประเทศได้จำนวน 81 ราย แยกเป็นยาสูบในประเทศจำนวน 4,361 ซอง ยาสูบต่างประเทศจำนวน 6,044 ซอง คิดเป็นค่าปรับจำนวน 3.37 ล้านบาท
สำหรับผลการปราบปรามผู้กระทำผิดในคดียาสูบและสุราตั้งแต่เดือนตุลาคม - พฤศจิกายน 2548 สามารถจับกุมผู้กระทำผิดจำนวน 4,833 คดี คิดเป็นค่าเปรียบเทียบปรับจำนวน 36.32 ล้านบาท แยกเป็นคดียาสูบจำนวน 889 คดี ค่าเปรียบเทียบปรับจำนวน 22.60 ล้านบาท ของกลางมีดังนี้
1) บุหรี่กรองทิพย์ 90 จำนวน 19,271 ซอง
2) บุหรี่สายฝน 90 จำนวน 2,012 ซอง
3) บุหรี่ซิกาแรตต่างประเทศ จำนวน 60,451 ซอง
4) ยาเส้นปรุง จำนวน 200 กิโลกรัม
และคดีสุราจำนวน 3,944 คดี ค่าเปรียบเทียบปรับจำนวน 13.71 ล้านบาท ของกลางได้แก่
1) สุรากลั่น จำนวน 22,740.459 ลิตร
2) สุราแช่ จำนวน 82,677.305 ลิตร
3) เชื้อสุรา จำนวน 566.964 กิโลกรัม
4) สุราต่างประเทศ จำนวน 2,464.945 ลิตร
5) เครื่องต้มกลั่นสุรา จำนวน 65 ชุด
อธิบดีกรมสรรพสามิตยังได้กล่าวถึงร้านค้าที่จำหน่ายบุหรี่และสุราว่าหากพบการ กระทำผิดจะดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตทันที ส่วนในกรณีที่เป็นเอเย่นต์เมื่อกระทำผิดสรรพสามิตพื้นที่จะดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาต และแจ้งการเพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าวให้โรงงานยาสูบทราบทันที โดยกรมสรรพสามิตได้ทำหนังสือห้ามมิให้โรงงานยาสูบจำหน่ายยาสูบแก่ผู้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตไปก่อนหน้านี้แล้ว
“หากทราบเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต สามารถแจ้งโดยตรงได้ที่กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตทั่วประเทศ หรือที่ศูนย์ประสานงานกรมสรรพสามิต hot line 1713 หรือที่ www.excise.go.th หรือแจ้งที่ตู้ ป.ณ. 10 เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300” อธิบดีกรมสรรพสามิตกล่าวในตอนท้าย
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมสรรพสามิต
โทร. 0 2668 6619 โทรสาร 0 2241 4778
Website: www.excise.go.th e-mail: public@excise.go.th--จบ--