กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ๑๐ จังหวัด รวม ๖๔ อำเภอ ๒๔๙ ตำบล ๕ เทศบาล ผู้เสียชีวิต ๑๕ ราย ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ชุมพร สงขลา สตูล ตรัง นราธิวาส ยะลา และปัตตานี ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ๑๑ สุราษฎร์ธานีและเขต ๑๒ สงขลา ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหาย พร้อมสนับสนุนเรือท้องแบน รถบรรทุก รถเครน รถกู้ภัย และระดมกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัย เจ้าหน้าที่ ERT เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้มีฝนตกหนักและมีคลื่นซัดฝั่ง ส่งผลให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ ๑๐ จังหวัด รวม ๖๔ อำเภอ ๒๔๙ ตำบล ๕ เทศบาล ผู้เสียชีวิต ๑๕ ราย ความเสียหายอื่นๆ อยู่ในระหว่างการสำรวจ ดังนี้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ ๘ อำเภอ ๑๔ ตำบล ๙๔ หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอท่าชนะ ดอนสัก ไชยา ชัยบุรี กาญจนดิษฐ์ วิภาวดี ท่าฉาง และพุนพิน ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว นครศรีธรรมราช เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ ๙ อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากพนัง หัวไทร ลานสกา ร่อนพิบูลย์ สิชล ท่าศาลา พิปูน พระพรหม และจุฬาภรณ์ สถานการณ์ปัจจุบันไม่มีฝนตกแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มต่ำและพื้นที่การเกษตรบางพื้นที่ ชุมพร เกิดคลื่นซัดชายฝั่งในพื้นที่ ๓ อำเภอ ได้แก่ อำเภอละแม สวี และหลังสวน สถานการณ์ปัจจุบันไม่มีฝนตกในพื้นที่ แต่ยังคงมีคลื่นลมแรง ตรัง น้ำป่าไหลหลากท่วมพื้นที่อำเภอปะเหลียน พัทลุง เกิดน้ำท่วมในที่ลุ่มต่ำและพื้นที่การเกษตร ๗ อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพัทลุง ป่าบอนป่าพะยอม ควนขนุน เขาชัยสน บางแก้ว และปากพยูน เนื่องจากเป็นพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลประกอบกับน้ำทะเลหนุน ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน ปัจจุบันไม่มีฝนตกในพื้นที่ สงขลา เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำใน ๕ อำเภอได้แก่ อำเภอสะบ้าย้อย นาทวี หาดใหญ่ คลองหอยหลอด และบางกำ สตูล เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลกหลากในพื้นที่ ๓ อำเภอ ได้แก่ มะนัง ละงู และกาหลง นราธิวาส น้ำท่วมฉับพลันและน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ ๑๓ อำเภอ ๖๘ ตำบล ๓๖๗ หมู่บ้าน ๑๗ ชุมชน ได้แก่ อำเภอศรีสาคร เกิดดินถล่มทับบ้านเรือนราษฎร มีผู้เสียชีวิต ๘ ราย เจ้าหน้าที่ อปพร.OTOS ได้ระดมกำลังค้นหาผู้สูญหายอย่างต่อเนื่อง อำเภอจะแนะ บาเจาะ ตากใบ ระแงะ เจาะไอร้อง แว้ง สุคิริน รือเสาะ สุไหงโก-ลก และอำเภอเมืองนราธิวาส น้ำจากแม่น้ำโก-ลกเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร ยะลา น้ำป่าไหลหลากท่วมพื้นที่ ๘ อำเภอ ๔๑ ตำบล ๑๓๙ หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเมืองยะลา ยะหา กรงปินัง ธารโต รามัน บันนังสตา กาบัง และเบตง ปัตตานี เขื่อนบางลางปล่อยน้ำทำให้น้ำในแม่น้ำปัตตานีเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมที่ลุ่มสองฝั่งแม่น้ำในพื้นที่ ๘ อำเภอ ดังนี้ อำเภอ เมืองปัตตานี แม่ลาน ไม้แก่น ยะรังกะพ้อ หนองจิก ทุ่งยางแดง และสายบุรี
นายอนุชา กล่าวต่อไปว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต๑๑ สุราษฎร์ธานี เขต๑๒ สงขลา และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัยได้เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องโดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัย และชุด ERT ๗๔ นาย รถยนต์กู้ภัยเอนกประสงค์ นำเครื่องจักรกล รถยนต์ เรือท้องแบน ๔๘ ลำรถบรรทุก ๗ คัน รถเครน ๑ คัน ออกให้บริการขนย้ายทรัพย์สินสิ่งของ และอพยพประชาชนออกจากพื้นที่น้ำท่วม รวมทั้งนำถุงยังชีพ ๒,๐๗๒ ถุง ไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ และเต็นท์ที่พักอาศัย เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้พักอาศัยชั่วคราว นอกจากนี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๒นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายภาณุ อุทัยรัตน์ รองปลัดประทรวงมหาดไทย และนายศรีสมบัติ พรประสิทธิ์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ประสบภัย และมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ผู้ประสบภัยที่จังหวัดนราธิวาสจำนวน ๑,๐๐๐ ชุด และผู้ประสบภัยจังหวัดยะลา จำนวน ๗๐๐ ชุด สุดท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย ๑๗๘๔ตลอด ๒๔ ชั่วโมง เพื่อประสานและให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 022432200 pr