เจ-บิ๊คส์ ภูมิใจเสนอภาพยนตร์เรื่อง "YAMATO - ยามาโต้ พิฆาตยุทธการ"

ข่าวทั่วไป Thursday May 11, 2006 16:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 พ.ค.--เจ-บิ๊คส์ ฟิล์ม
YAMATO “ยามาโต้ พิฆาตยุทธการ”
15 มิถุนายน นี้ในโรงภาพยนตร์
(Exclusive@ Apex)
Production Note
ในวันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 1945 ขณะออกปฏิบัติภารกิจพิเศษตามคำสั่งยุทธการพิเศษเหนือน่านน้ำโอกินาว่า อย่างไรก็ตามชื่อและภาพความทรงจำของยามาโตะก็ยังคงทอแสงแจ่มจรัสในฐานะที่เป็นต้นกำเนิดจิตวิญญาณของชาวญี่ปุ่นอยู่ตราบจนปัจจุบัน ซึ่งก็คงเนื่องมาจากชื่อ ยามาโตะ ซึ่งต่อมาใช้เรียกประเทศญี่ปุ่นนั้นได้แทรกซึมเข้าไปในจิตใจของผู้คนอย่างเงียบๆพร้อมด้วยความโศกเศร้าในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์ของโศกนาฏกรรมแห่งสงครามครั้งใหญ่ในเวลาต่อมานั่นเอง และ 60 ปีหลังจากนั้นมา ในวันนี้ ผลงานครั้งยิ่งใหญ่สุดอลังการ ยามาโตะ เรือรบแห่งชายชาตรี ซึ่งได้บรรทุกเรื่องราววีรกรรมอันหาญกล้าของเหล่าชายฉกรรจ์ผู้สละชีวิตในการศึกและความอาดูรอย่างสุดบรรยายของเหล่าผู้รอดชีวิต ซึ่งสะเทือนใจชาวญี่ปุ่นทุกคน จะเป็นผู้ชี้ให้เห็นอนาคตของประเทศญี่ปุ่น และทิศทางความเป็นไปของโลกด้วยนั้น จะได้เริ่มออกเดินเรือแล้วในที่สุด!
Pre-Production
ในด้านการคัดเลือกนักแสดงก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ล้วนแต่รวบรวมเอานักแสดงผู้มากความสามารถและเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์มาร่วมลงเรือรบที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดลำนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงแถวหน้าในวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่นผู้มากทั้งฝีมือและชื่อเสียง ทาคาชิ โซริมาจิ จากเรื่อง “Juusan Kaidan” (บันไดขั้นที่ 13)?และละครเรื่อง “Scheherazade” ชิโด นากามูระ จากเรื่อง “Ima, Ai Ni Yukimasu”?(Be With You) จุนได ยามาดะผู้มีผลงานในระดับนานาชาติ จากเรื่อง “Merdeka 17805” (เรื่องราวเกี่ยวกับทหารญี่ปุ่นและสงครามแยกดินแดนของอินโดนีเซีย), “Yoru Wo Kakete”?คาซูชิเงะ นางาชิม่า ผู้มีผลงานหลากหลายไม่ว่าจะเป็นรายการวาไรตี้ ละครโทรทัศน์ หรือภาพยนตร์ก็ตาม นอกจากนี้ยังร่วมด้วยนักแสดงหน้าใหม่มากมาย อาทิเช่น เคนอิจิ มัตซึยาม่า ได วาตานาเบ้ เคนตะ อุจิโนะ ฮิโรมิ ซากิโมโต้ และเรียว ฮาชิซึเมะ นักแสดงหน้าใหม่เหล่านี้ต่างสามารถถ่ายทอดเรื่องราวอันแสนเศร้าของเด็กหนุ่มในสมัยเมื่อ 60 ปีที่แล้วได้อย่างยอดเยี่ยม สำหรับบทของโคซากุ อาริกะ ผู้บังคับการเรือคนสุดท้ายแห่งเรือรบหลวงยามาโตะนั้น ก็ได้นักแสดงผู้โดดเด่นด้านความสามารถไม่ว่าจะในฐานะของนักแสดง จิตรกร และผู้กำกับภาพยนตร์ เอจิ โอคุดะ นอกจากนี้ยังได้นักแสดงที่เปรียบเสมือนตัวแทนวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่น เท็ตซึยะ วาตาริ มารับบท เซอิจิ อิโต้ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันกับเรือรบหลวงยามาโตะอีกด้วย สำหรับฝ่ายผู้หญิงซึ่งคอยเฝ้ามองดูเหล่าทหารหาญออกศึกด้วยความเป็นห่วงนั้น ก็ได้ คาโยโกะ ชิราอิชิ นักแสดงชั้นครูซึ่งในปีนี้ก็มีผลงานละครย้อนยุคเรื่อง “Yoshitsune” ?ชิโนบุ เทราชิม่า นักแสดงนำจากเรื่อง “Akame Shijuuyataki Shinchuu Misui”?ยู อาโออิ นักแสดงสาวจากเรื่อง “Hana & Alice”, “Niraikanai Kara No Tegami” (Letter from Niraikanai) ? นอกจากนี้สำหรับช่วงของยุคปัจจุบัน ก็ได้ ทัตซึยะ นากาได นักแสดงผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมาตลอดตั้งแต่ยุคหลังสงครามเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน อาทิเช่นเรื่อง “Yojinbo” (ของอากิระ คุโรซาว่า),?“Nihyaku Sankouchi” (หนังสงคราม), “Gekkou No Natsu” (ฤดูร้อนใต้แสงจันทร์)?และ เคียวกะ ซูซูกิ จากเรื่อง “Chi To Hone” (Blood and Bones), “Sengoku Jieitai 1549” (เรื่องของคนในยุคปัจจุบันที่ย้อนเวลากลับไปสู่สงครามในปี 1549)?ผู้เปี่ยมไปด้วยความงามและความสามารถและเป็นบุคคลสำคัญอันจะขาดเสียมิได้ของวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่น ความสามารถของนักแสดงทั้งหมดนี้เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยถ่ายทอดเรื่องราวอันกล้าหาญและสะเทือนใจของเหล่าวีรบุรุษที่เกิดขึ้นเมื่อ 60 ปีก่อนได้อย่างสมจริง
Production
ภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มเปิดกล้องถ่ายทำในวันที่ 26 มีนาคม โดยทุ่มทุนสร้างกว่า 600ล้านเยนเพื่อสร้างเรือจำลองตามแบบยามาโตะขนาดเท่าของจริงโดยมีความยาวทั้งสิ้น 190เมตรขึ้นในจังหวัดฮิโรชิม่า เพื่อใช้เป็นฉากในการถ่ายทำ นอกจากนี้ยังใช้สถานที่ถ่ายทำอื่นๆอีกมากมายเป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน เช่น ในจังหวัดคาโกชิม่า ฮิโรชิม่า และโรงถ่ายของโทเอที่เกียวโต โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหน่วยคุ้มครองตนเองทางน้ำอีกด้วย การถ่ายทำมีกำหนดการจะแล้วเสร็จในวันที่ 13 กรกฎาคม หลังจากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการตัดต่อ การทำคอมพิวเตอร์กราฟฟิค ทำเสียงและดนตรีประกอบอื่นๆ โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน และจะเริ่มออกฉายในโรงภาพยนตร์ในเครือโทเอทุกโรงพร้อมกันทั่วประเทศในวันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม
History
การฟื้นคืนชีพอีกครั้งของ “เรือรบยามาโตะ” ซึ่งมีทั้งความสวยงามและความแข็งแกร่งทรงพลัง เนื่องจากต้องการความสมจริงซึ่งลำพังคอมพิวเตอร์กราฟฟิคอย่างเดียวไม่อาจทำได้ตามที่ต้องการ จึงได้ทำการสร้างเรือรบยามาโตะขึ้นมาใหม่ขนาดเท่าของจริงที่ย่านมุไคชิม่าในเขตเมืองโอโนมิจิจังหวัดฮิโรชิม่า การก่อสร้างเรือนี้ขึ้นใหม่นั้นเริ่มต้นตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2004 โดยใช้เวลาประมาณ 4 เดือนจึงเสร็จสิ้นสมบูรณ์ก่อนจะทำการเปิดกล้องในวันที่ 26 มีนาคมเพียงไม่นาน ในตอนแรกยังไม่ได้สร้างส่วนหัวเรือ เนื่องจากวางแผนไว้ว่าจะถ่ายทำโดยใช้แค่ช่วงปืนใหญ่ที่ 1 จนถึงสะพานเรือ ซึ่งมีความยาวทั้งสิ้น 130 เมตรเท่านั้น แต่ต่อมาเนื่องจากทางทีมงานมีความเห็นตรงกันว่าควรจะสร้างส่วนที่เป็นตราสัญลักษณ์ดอกเบญจมาศ (Kiku No Hana) ซึ่งเปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของเรือยามาโตะด้วย จึงได้สร้างส่วนที่เป็นหัวเรือที่มีตราสัญลักษณ์ดอกเบญจมาศขึ้นในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ทั้งหมดนี้ใช้งบประมาณในการสร้างกว่า 600 ล้านเยน โดยเรือมีความยาวทั้งสิ้น 190 เมตร ช่วงกว้างที่สุด 40 เมตร และส่วนที่สูงที่สุดถึง 15 เมตร อันเป็นขนาดจริงของเรือยามาโตะนั่นเอง ในการสร้างเรือลำนี้ ใช้โลหะและเหล็กรวมทั้งสิ้น 600 ตัน ในการสร้างโครงพื้นฐานที่ต้องใช้โครงสร้างเป็นเหล็ก จะต้องใช้วัสดุผสมพิเศษหนา 18 มิลลิเมตร ที่เรียกว่า FRP (Fiberglass Reinforced Plastics) (วัสดุผสมระหว่างใยแก้วกับเรซิ่น — ผู้แปล) มาเพื่อใช้ในการถ่ายทำ ส่วนด้านในเรือยามาโตะนั้นถ่ายทำโดยใช้ฉากที่จัดขึ้นที่เกียวโต สำหรับดาดฟ้าเรือขนาดเท่าของจริงที่โอโนมิจินั้นทำการปูพื้นโดยใช้วัสดุฟลอริ่งสั่งทำพิเศษถึง 5,000 แผ่น นอกจากนี้ในส่วนของปืนใหญ่ที่ 2 นั้น นอกจากตัวกระบอกปืนใหญ่ ความยาว 18 เมตร 3 กระบอกแล้ว ก็ยังมีการติดตั้งปืนรอง
อีก 3 กระบอก ปืนมุมสูงอีก 5 กระบอก (โดยกระบอกที่หนึ่งนั้นสั่งทำขึ้นเป็นพิเศษให้สามารถใช้งานได้เหมือนของจริง) จุดตั้งปืนกลอีก 14 กระบอก (โดยกระบอกที่หนึ่งนั้นสั่งทำขึ้นเป็นพิเศษให้สามารถใช้งานได้เหมือนของจริง) และเนื่องจากแบบแปลนเรือยามาโตะของจริงนั้นได้สูญหายไปแล้วไม่สามารถหามาได้ จึงต้องไปหาข้อมูลที่พิพิทธภัณฑ์เรือยามาโตะที่เมืองคุเระและแบบเรือที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาด ทำการเปรียบเทียบกับเรือรบรุ่นอื่นๆ และนอกจากนี้ก็ยังได้ไปสอบถามจากผู้ที่เคยเป็นลูกเรืออยู่บนเรือยามาโตะจริงๆบ้าง เพื่อทำการสร้างแบบจำลองขนาดเล็กขึ้นมาก่อน จากนั้นจึงสร้างเรือยามาโตะขนาดเท่าของจริงขึ้นมาโดยอาศัยแบบจำลองนั้นนั่นเอง ซึ่งเรือที่สร้างเสร็จสมบูรณ์นั้นมีความงามวิจิตรที่รูปทรงโค้งสวยงามซึ่งนับว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเรือยามาโตะเลยทีเดียว และเรือที่พร้อมด้วยความงามสมบูรณ์แบบและความแข็งแกร่งทรงพลังก็ได้สำเร็จเป็นรูปร่างขึ้นมาในที่สุด นอกจากนี้ ด้วยเสียงเรียกร้องของแฟนๆ ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคมปีนี้ (วันอาทิตย์) ไปจนถึงวันที่ 31 กุมภาพันธ์ปี 2005 ก็จะมีการเปิดตัวเรือยามาโตะขนาดเท่าของจริงให้บุคคลทั่วไปได้ชม สำหรับผู้ที่เข้าชมในสองวันแรกนั้นมีจำนวนมากกว่า 10,000 คนซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์เลยทีเดียว โดยผู้ที่จัดงานแสดงเรือยามาโตะจำลองขนาดเท่าของจริงนี้ขึ้นก็คือคณะกรรมการส่งเสริมการเผยแพร่ฉากการถ่ายทำยามาโตะ (Tel. 0848-20-6282)
พิพิธภัณฑ์ยามาโตะ
ตั้งแต่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์ทางทะเลแห่งเมืองคุเระ (พิพิธภัณฑ์ยามาโตะ) ได้เริ่มเปิดดำเนินการในวันที่ 23 เมษายนปีนี้จนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมก็มีผู้เข้าเยี่ยมชมถึง 450,000 คนแล้ว ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีเรือยามาโตะจำลองขนาดความยาวทั้งสิ้น 26 เมตร (อัตราส่วน 1:10) แสดงอยู่ซึ่งทำให้ตระหนัดถึงขนาดอันอลังการได้ เรือยามาโตะจำลองขนาด 1:10 ลำนี้ ได้ถูกนำมาใช้ในการถ่ายทำตั้งแต่วันที่ 14 — 20 กุมภาพันธ์ก่อนจะเปิดพิพิธภัณฑ์ ซึ่งทำให้สามารถจินตนาการภาพเรือรบหลวงยามาโตะที่ทรงพลังได้ดี นอกจากนี้ยังได้ถ่ายฉากที่มากิโกะ อุจิดะ (เคียวกะ ซูซูกิ) เดินทางมายังพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เพื่อมาทำความรู้จักเรื่องราวของบิดาผู้ล่วงลับอีกด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โป้ง 0-1327-6068,เม้ง 0-9129-0569,ปลา 0-5824-5890,ปิ่น 0-6780-6096
Tel 0-2640-5522,0-2641-7494 Fax 0-2641-6161
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

แท็ก ภาพยนตร์  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ