กระทรวงพลังงาน โชว์ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ โครงการน้ำมันเขียว และโครงการน้ำมันม่วง ส่งผลให้น้ำมันเถื่อนลดน้อยลง

ข่าวทั่วไป Tuesday July 18, 2006 14:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ก.ค.--กระทรวงพลังงาน
กระทรวงพลังงาน โชว์ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ โครงการน้ำมันเขียว และโครงการน้ำมันม่วง ส่งผลให้น้ำมันเถื่อนลดน้อยลง คิดเป็นเงินช่วยเหลือผู้ใช้น้ำมันสาขาประมงถึงปัจจุบันกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่โครงการน้ำมันม่วงถือ เป็นการแก้ปัญหาน้ำมันแพงให้กับชาวประมงริมฝั่งให้สามารถประกอบอาชีพ และคงอุตสาหกรรมประมงให้อยู่ได้ และ ไม่เกิดภาระกับสังคม
นายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า นโยบายการช่วยเหลือผู้ใช้น้ำมันในส่วนของชาวประมง รัฐบาลได้ให้ความดูแลและเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลาเกือบ 5 ปี โดยจัดหาน้ำมันคุณภาพดีและราคาถูกให้แก่ชาวประมงตามโครงการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับชาวประมงในเขตต่อเนื่อง (โครงการน้ำมันเขียว) และโครงการจำหน่ายน้ำมันในทะเลอาณาเขตให้ชาวประมงชายฝั่ง (โครงการน้ำมันม่วง) เพื่อให้เรือประมงสามารถใช้น้ำมันที่มีคุณภาพดี ราคาต่ำกว่าบนบก มีปริมาณครบถ้วน และถูกต้องตามกฎหมายทั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานหลัก ประกอบด้วย
1. สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)
2. กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.)
3. กรมสรรพสามิต
4. กรมศุลกากร
5. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
6. กรมประมง และ
7. องค์การสะพานปลา
โดยมีคณะกรรมการกำกับดูแลโครงการจำหน่ายน้ำมันดีเซลสำหรับชาวประมงในเขตต่อเนื่องของราชอาณาจักร (โครงการน้ำมันเขียว) และคณะกรรมการประสานงานโครงการจำหน่ายน้ำมันในเขตทะเลอาณาเขตให้ชาวประมงชายฝั่ง (โครงการน้ำมันม่วง) เพื่อเข้ามาทำหน้าที่กำกับดูแลโครงการการดำเนินงานที่ผ่านมาของโครงการจำหน่ายน้ำมันเขียวให้แก่ชาวประมงในเขตต่อเนื่องหรือในเขต 12-24 ไมล์ทะเล ถือว่าได้รับผลเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง เพราะสามารถพัฒนาระบบป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าน้ำมันได้เป็นอย่างดี สามารถป้องกันการนำเข้าน้ำมันเถื่อนทางทะเลให้ลดน้อยลง
ขณะที่ปัจจุบันราคาน้ำมันเขียวถูกกว่าบนฝั่งลิตรละ 6 บาท จากการช่วยเหลือของภาครัฐ ด้วยการยกเว้นภาษีอากร และงดเว้นเงินเรียกเก็บเข้ากองทุนต่างๆ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มชาวประมงให้สามารถประกอบอาชีพได้ และสามารถลดผลกระทบน้ำมันแพง โดยปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเขียวตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2544-30 มิถุนายน 2549 จำนวนทั้งสิ้น 4,276 พันล้านลิตร หรือเฉลี่ยเดือนละ 68 ล้านลิตร คิดเป็นเงินที่รัฐได้ให้ความช่วยเหลือสำหรับโครงการทั้งสิ้น 25,656 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก ประกอบด้วย ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 และโรงกลั่นน้ำมันที่เข้าร่วมโครงการจำนวนทั้งสิ้น 7
ราย ได้แก่ ปตท. เชลล์ ทีพีไอ คาล์เท็ก โรงกลั่นไทยออยล์ โรงกลั่นสตาร์ และโรงกลั่นระยอง มีผู้จัดจำหน่ายน้ำมันในเขตต่อเนื่องจำนวน 25 ราย และเรือบรรทุกน้ำมันและสถานีบริการ (Tanker) จำนวน 69 ลำ โดยมีเรือประมงที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 9,940 ลำ
ด้านโครงการจำหน่ายน้ำมันในทะเลอาณาเขตให้ชาวประมงชายฝั่ง (โครงการน้ำมันม่วง) โดยในช่วงวันที่ 8 เมษายน 2548 — 7 มีนาคม 2549 ซึ่งเป็นการจำหน่ายบนบกสามารถลดผลกระทบจากน้ำมันดีเซลมีราคาแพงเพื่อช่วยเหลือชาวประมงชายฝั่ง และเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2549 ให้ใช้น้ำมันคุณภาพเช่นเดียวกับน้ำมันเขียวมาจำหน่ายให้กับชาวประมงชายฝั่ง โดยให้มีสถานีบริการน้ำมันในทะเลห่างจากฝั่งไม่เกิน 5 ไมล์ทะเล และยกเว้นรอบเกาะไม่เกิน 1 ไมล์ทะเล
สำหรับน้ำมันม่วงนี้ การเก็บภาษีเช่นเดียวกับน้ำมันดีเซลปกติ แต่จะใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นตัวปรับราคาให้ถูกกว่าบนฝั่ง 2 บาทต่อลิตร โดยองค์การสะพานปลาเป็นผู้ควบคุมดูแลและดำเนินการจัดจำหน่ายน้ำมัน สมาคมประมงท้องถิ่นเป็นผู้ตรวจสอบคุณสมบัติของชาวประมงและเรือประมง รวมทั้งสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการจดทะเบียนเรือที่จะเข้ามาใช้บริการ สรุปผลของโครงการน้ำมันม่วง ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม — 30 มิถุนายน 2549 เป็นเวลา 2 เดือน ขณะนี้มีจำนวนเรือสถานีที่ให้บริการจำหน่ายน้ำมันม่วง จำนวน 3 ลำ ในจุดให้บริการทางทะเล 1. จังหวัดชลบุรีและจังหวัดสมุทรปราการ 2. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ 3. จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปริมาณน้ำมันที่จำหน่ายทั้งสิ้น 7.8 แสนลิตร จำนวนเงินที่ใช้ชดเชยสำหรับโครงการทั้งสิ้น 1.23 ล้านบาท
“ประโยชน์ที่เกิดขึ้นของโครงการช่วยเหลือกลุ่มประมง ด้านภาครัฐเท่ากับเป็นการแก้ปัญหาต้นตอของน้ำมันเถื่อนทางทะเล และขจัดให้หมดสิ้นไป และอีกด้านหนึ่งเป็นการบรรเทาผลกระทบราคาน้ำมันแพงให้แก่ชาวประมง โดยชาวประมงสามารถประกอบอาชีพต่อไปได้ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาการว่างงาน ซึ่งจะช่วยเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม” นายวิเศษ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ