กรุงเทพฯ--12 พ.ย.--แว่นกรุงไทย
แว่นกรุงไทย KT-Optic ฉวยจังหวะเศรษฐกิจฟื้นตัว เดินหน้าขยายตลาดร้านแว่นตา จับมือบัตรเครดิตกสิกรไทย บัตรเทสโก้ บัตรอิออน ช่วยลูกค้าผ่อน 0% นาน 6 เดือน มั่นใจปลายปีโกยยอดขาย 880 ล้านบาท
นายชัชวาลย์ วณิชไพสิฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ผู้บริหารร้าน แว่นกรุงไทย KT-Optic เปิดเผยว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับ อัตราการว่างงานลดลง รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านโครงการ “ไทยเข้มแข็ง” ซึ่งจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบจำนวนหลายแสนล้านบาท ส่งผลให้ความเชื่อมั่นและกำลังซื้อกลับมา ทำให้ยอดขายในช่วงไตรมาสที่ 3 ของร้านแว่นกรุงไทย KT-Optic เริ่มปรับตัวดีขึ้น และทำให้ยอดขายโดยรวมในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และคาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าคือ 880 ล้านบาท
นายชัชวาลย์ กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงนี้ บริษัทจึงได้จัดแคมเปญส่งเสริมการขาย ด้วยการจับมือกับบัตรเครดิต กสิกรไทย บัตรเทสโก้ และบัตรอิออน สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าตั้งแต่ 2,400 บาทขึ้นไป สามารถผ่อนจ่ายได้นานถึง 6 เดือน โดยไม่เสียดอกเบี้ย เริ่มตั้งแต่วันนี้ สิ้นสุด 31 ธันวาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าเช่นเดียวกับที่ในช่วงก่อนหน้านี้ที่ ร้านแว่นกรุงไทย KT-Optic เคยจัดแคมเปญในลักษณะดังกล่าว สามารถสร้างยอดขายได้มากกว่าในช่วงปกติ
นอกจากนี้ ทั้งลูกค้าที่ซื้อแว่นตาผ่านบัตรเครดิตหรือเงินสด ยังสามารถเลือกซื้อเลนส์ Essilor Physio 360 Progressive index 1.5 ไร้รอยต่อ จากปกติ 21,500 เหลือเพียง 17,000 บาท และแถมฟรี เลนส์กันแดด Essilor Physio Tint - VP-MC มูลค่า 2,400 บาท เป็นเลนส์ชั้นเดียวที่ผ่านการอบสีเลนส์และเคลือบลื่นกันเลนส์เป็นรอยด้วย
สำหรับแผนการขยายสาขานั้น ได้ทยอยเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันมีสาขารวม 190 สาขา ตั้งอยู่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด และคาดว่าภายในปลายปีนี้จะเปิดสาขาเพิ่มเป็น 200 สาขา ตามแผนที่วางไว้ว่าปีนี้จะเปิดสาขาใหม่อย่างน้อย 18 สาขา ภายใต้งบลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท
รวมถึงได้ดำเนินการปรับโฉมสาขาเก่าที่เปิดให้บริการมานาน 5-6 ปีขึ้นไป ให้มีรูปลักษณ์ทันสมัยเหมาะสมกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับกลางถึงบน ซึ่งเป็นสาขารูปแบบใหม่แล้วประมาณ 80% ส่วนสาขาที่เปิดไม่นาน จะปรับปรุงเฉพาะภายในร้าน หรือเปลี่ยนป้ายให้เป็นลักษณะเดียวกัน โดยสาขาที่ปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ได้แก่ สาขาฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ซีคอนสแควร์ คาร์ฟูร์เชียงใหม่ เซ็ลทรัล เชียงใหม่ เทสโก้ โลตัส อุบลราชธานี และปัญญาวิลเลจ เป็นต้น
สำหรับสาขาใหม่ จะมีทั้งสาขาปกติที่มีพื้นที่ประมาณ 50-70 ตารางเมตร และสาขาขนาดใหญ่ในรูปแบบของแฟลกชิปสโตร์ ที่มีความแตกต่างจากสาขาปกติ ทั้งเรื่องการให้บริการ และขนาดพื้นที่ ซึ่งมีพื้นที่มากถึง 200 ตารางเมตร หรือใหญ่มากถึง 4 เท่าของสาขาปกติ ภายในสาขาจะมีมุมพักคอยที่เป็นสัดส่วน มุมอินเทอร์เน็ต ตลอดจนการจัดโซนนิ่งสินค้าให้เป็นหมวดหมู่ และได้เสริมสินค้าที่มีความแตกต่างจาก ท้องตลาดทั่วไปด้วยสินค้ากลุ่ม Nich brand เช่น JAPONISM / Pro Design เพื่อเติมเต็มคอลเลคชั่นให้มากที่สุดในประเทศไทย ในส่วนสินค้า พรีเมี่ยมแบรนด์ อื่น ๆ ยังคงให้บริการเช่นเดิม
"ในอดีตร้านแว่นตาจะมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ และมีความรู้สึกอึดอัดที่ต้องมาใช้บริการ แต่ร้านรูปแบบใหม่ที่ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ซึ่งเป็นสาขาที่ให้บริการในรูปแบบของแฟลกชิปสโตร์จะเป็นสาขาที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ครอบคลุมและสมบูรณ์ที่สุด ทั้งการกำหนดโซนสินค้าที่แยกเป็นโซนสินค้าใหม่ โซนร้อนแรง โซนโปรโมชั่น โซนสินค้าราคาประหยัด มุมกาแฟ และมุมอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะช่วยลูกค้าคัดกรองสินค้าที่ต้องการได้ในระดับหนึ่ง โดยไม่ต้องพึ่งพาพนักงานขายมาช่วยแนะนำสินค้า เพราะจากการสำรวจพบว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการเลือกสินค้าด้วยตัวเอง ก่อนที่จะให้พนักงานขายมาช่วยแนะนำ อย่างไรก็ตาม หากลูกค้าต้องการคำแนะนำพนักงานขายก็พร้อมที่จะช่วยให้คำปรึกษา ซึ่งเป็นจุดแข็งของ KT-Optic ที่พนักงานขายจะได้รับการอบรมจนถึงขั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในการแนะนำการเลือกแว่นตาให้เหมาะกับบุคลิกภาพของลูกค้าซึ่งรูปแบบนี้ในต่างประเทศเริ่มมีบ้าง"นายชัชวาลย์กล่าว
ด้านกลยุทธ์ทางการตลาด จะเน้นการสร้างภาพลักษณ์ของร้านให้เป็น ร้านแว่นตาของคนทันสมัย เป็นผู้ให้คำแนะนำการเลือกแว่นตาให้เข้ากับบุคลิกของแต่ละบุคคล ปลายปีนี้แว่นกรุงไทย KT-Optic ทุ่มงบประมาณในด้าน Above the line ด้วยการลงโฆษณาทางทีวี และสื่อสิ่งพิมพ์ รวมถึงใช้กลยุทธ์ below the line ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงรวมถึงจัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย เพื่อให้ KT-Optic เป็นแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภคภายใน 3 ปีข้างหน้า