บินสู่ บุโรพุทโธ พุทธศาสนสถานยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกด้วยบัตรไทย แวลู พลัส กับการบินไทย สัมผัสดินแดนอารยธรรมแห่งพุทธศาสนา

ข่าวท่องเที่ยว Friday November 13, 2009 14:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 พ.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ หลังจากที่การบินไทย ได้เปิดโครงการบินสัมผัสเส้นทางแห่งศรัทธา ผลปรากฏว่า ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดียิ่ง ล่าสุดจึงได้ออกบัตร ไทย แวลู พลัส ซึ่งเป็นบัตรโดยสารแบบพรีเพด ในชั้นประหยัดราคาพิเศษ สุดคุ้ม ซึ่งสามารถเลือกเดินทางได้ตั้งแต่บัดนี้ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2553 สู่พุทธศาสนสถานยังประเทศต่างๆ ในเอเชีย ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน — ฮ่องกง, ไต้หวัน, พม่า, อินโดนีเซีย, ศรีลังกา, เกาหลี, ญี่ปุ่น, อินเดีย และ เนปาล สำรองที่นั่งและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ THAI Contact Center หมายเลขโทรศัพท์ 0-2356-1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง) รวมทั้งเว็บไซต์ www.thaiairways.com หรือ www.thaiairways.co.th ล่าสุด การบินไทย ได้เชิญ อ.เผ่าทอง ทองเจือ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี เป็นวิทยากรรับเชิญ นำคณะสื่อมวลชนเหินฟ้าสู่บุโรพุทโธ พุทธศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดของโลก หนึ่ง่ในเส้นทางแห่งศรัทธา ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตชาวพุทธควรได้สัมผัส ทางคณะเริ่มต้นการดินทางด้วยบัตรไทยแวลูพลัส ของการบินไทย สู่นครหลวงจาการ์ต้า ก่อนที่จะต่อสายการบินในประเทศ การูดา แอร์ สู่เมืองยอกยาการ์ต้า สถานที่ตั้งของบุโรพุทโธ และโบราณสถานต่างๆ ที่น่าสนใจ จุดแรกที่เราสัมผัสเป็นวัดฮินดูปรัมบานัน ศิลปะแบบชวาภาคกลาง ซึ่งสร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ.1400 — 1450 ใช้เวลาก่อสร้างประมาณกว่า 100 ปี เป็นเทวสถานในศาสนาพราหมณ์ ลัทธิไศวเวทย์ ดังนั้น เทวสถานที่สำคัญและเด่นที่สุดของกลุ่มวิหารปรัมบานัน ได้แก่ วิหารพระอิศวร หรือพระศิวะ (ผู้ทำลาย) หลังกลางใหญ่ ซึ่งมีความกว้าง 34 เมตร ยาว 34 เมตร สูง 47 เมตร หลังซ้าย (มองหันหน้าเข้าวิหาร) สร้างถวายแด่พระพรหม (ผู้สร้าง) อยู่ทางทิศใต้ ส่วนหลังขวา อุทิศแด่พระนารายณ์ หรือพระวิษณุ (ผู้คุ้มครอง) ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ อ.เผ่าทอง กล่าวว่า “ที่นี่เรียกว่า จันทิปรัมบานัน คำว่า จันทิ หมายถึงศาสนสถานที่บรรจุเถ้ากระดูก หรืออัฐิของผู้ตาย หลังกลางที่มีห้องเข้าไป ภายในประดิษฐานรูปพระอิศวรสูง 3-4 เมตร เป็นหินแกะสลัก เราเชื่อว่าใต้ฐานน่าจะบรรจุพระบรมอัฐิของกษัตริย์ในราชวงศ์ไศเลนทร์ ที่ก่อสร้างศาสนสถานแห่งนี้” จุดต่อไปซึ่งทงคณะไปถึงก็ค่ำแล้ว จึงแวะไปชมห่างๆ คือ จันทิเซวู ซึ่งทางเข้าในเขตวัดจะมีรูปทวารบาลซ้าย — ขวา โดยโบราณจะตั้งหันหน้าเข้าหากัน สร้างรุ่นเดียวกับบุโรพุทโธ ก่อนปรัมบานัน 50-100 ปี ยอดสถูปเป็นแบบทรงกระบอกกลม เป็นรูปสถูปดั่งเดิมที่เก่าที่สุดของโลก เลียนแบบสถูปเก่าที่สุดของโลกที่เมือง สาญจี ในประเทศจีน หลังจากนั้น ทางคณะได้ลิ้มลองอาหารมื้อเย็นเป็นไก่ทอดต้นตำรับอินโด ที่ทอดได้กรอบบางอร่อยจริงๆ ชื่อร้าน Suharti ซึ่งทุกคนที่มาเยือนยอกยาการ์ต้ามิควรพลาด จากนั้นเราหลงระเริงไปกับถนนย่านช็อปปิ้ง มาลิโอโบโร ที่มีจำหน่ายสินค้านานับชนิด ทั้งของที่ระลึก กระเป๋า เสื้อผ้าบาติก ส่วนอีกซีกหนึ่งของถนนเป็นร้านอาหารข้างถนน ปูนั่งรับประทานกับพื้น พร้อมฟังเสียงดนตรีข้างทาง ก็ได้บรรยากาศอีกแบบหนึ่ง อีกทั้งบนถนนสายนี้ ยังมีโรงแรม Inna Garuda ซึ่งครั้งหนึ่ง ร.5 เคยเสด็จประทับแรมอีกด้วย หลังจากชื่นชมกันพอสมควร ก็ได้เวลาเข้าที่พักของเราที่โรงแรมเชอราตัน ขึ้นวันใหม่ หลังรับประทานอาหารเช้า พวกเรามุ่งหน้าสู่ วังสุลต่านยอกยา ซึ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2298 ประมาณรัชกาลที่ 1 โดยสุลต่านฮาเมงกูบูโวโนที่ 1 บนพื้นที่ 14 ตารางกิโลเมตร สร้างตามคติฮินดู โดยสมมติว่าเป็นศูนย์กลางของโลกและจักรวาล ภายในวังมีประตู 9 ชั้น หงายถึงทวารทั้ง 9 ของมนุษย์ในคติฮินดู แบ่งพื้นที่เป็น 7 เขต ร.5 เคยเสด็จพระราชดำเนินมาที่วังของกษัตริย์ยอกยา และได้รับแรงบันดาลใจจาก กาเซโบ เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ศาลา โถง กระโจม ที่สร้างอยู่กลางสวน เมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นกระโจม 8 เหลี่ยม ตอนนั้นกษัตริย์ของยอกยาเอาวงออร์เครสตร้า เอาวงดุริยางค์ มาวางเล่นในนี้ ข้างนอกเป็นวงกำมะลัน ทรงชอบพระทัยมาก จึงนำไอเดียกลับไปกรุงเทพฯ จึงไปสร้างที่วังสราญรมย์ และพระราชวังบางปะอิน เวลามีพระราชอาคันตุกะก็เอาวงดนตรีไปตั้งไว้สำหรับแขกเวลาเดินเล่นในสวน ทานค็อกเทล ก็จะได้ยินเสียงดนตรีจากกาเซโบนี้ เวลาไม่มีประทานเลี้ยง ก็จะเอาไว้เสวยพระสุธารสต่างๆ กาเซโบประดับด้วยกระจกสเตนกลาส กระจกสีทีเชื่อมด้วยตะกั่ว จะเห็นได้ว่าเป็นเครื่องดนตรีต่างๆ พระราชวังแห่งนี้ ยังคงใช้เป็นที่ประทับของสุลต่านองค์ปัจจุบัน ฮาเมงกูบูโวโนที่ 10 แต่ไม่ถาวรแล้ว ก่อนมุ่งหน้าต่อสู่บุโรพุทโธ ทางคณะแวะหมู่บ้าน Candi Rejo ชมวิถีชีวิตและรับประทานอาหารแบบชาวพื้นเมือง ในที่สุดเราก็มาถึงบุโรพุทโธ พุทธศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดในโลก อ.เผ่าทอง กล่าวว่า “พลังศรัทธาก่อให้เกิด บุโรพุทโธ พุทธศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกเป็นจักรวาลพุทธศาสนา และยั่งยืนมาจนถึงทุกวันนี้กว่า 1,200 ปี เราเห็นเรื่องราวเหมือนที่เรียนพุทธประวัติทุกวันนี้ การสืบทอดพุทธประวัติต่อเนื่องกันมาเป็นพันปี นั่นคือการสืบทอดด้วยพลังศรัทธาจริงๆ ถ้าเผื่อคนเราใช้แค่ท่องจำผิดเพี้ยนได้ แต่ถ้าเรามีเรื่องของความศรัทธา พระพุทธเจ้าประสูติที่ลุมพินีวัน เดินออกมา 7 ก้าวมีดอกบัวรองรับ อะไรก็ตาม ทุกอย่างเป็นเรื่องของพลังศรัทธาที่ต่อเนื่องกันทั้งหมดจนถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น คนพยายามทำลายบุโรพุทโธ ด้วยระเบิด อีกทั้งภัยจากภูเขาไฟระเบิดกี่ครั้งก็ยังอยู่ แม้ถูกกลบมนุษย์ก็กู้ขึ้นมาได้ จึงถือเป็นความศักดิ์สิทธิ์ ที่เปี่ยมด้วยความศรัทธา ถึงแม้วันนี้จะเปลี่ยนไปอยู่ในมือของผู้ดูแลที่นับถือศาสนาอื่น แต่ว่าความศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงอยู่ ชาวพุทธจากทุกแห่งทั่วโลกก็ยังมาที่นี่ มาสวดมนต์ มันเป็นพลังของความศรัทธาจากจิตใจที่ถ่ายทอดไว้ เพราะฉะนั้นตัวโบราณสถานแม้จะถูกทำลายกลบหายก็จะถูกขุดขึ้นมาใหม่ นับเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ในชีวิต ต้องมา เราอาจไม่มีโอกาสเผยแผ่พระพุทธศาสนาในด้านของธรรมะแต่เรามีโอกาสเผยแผ่ในด้านของประติมากรรม โบราณสถานที่ยิ่งใหญ่ แม้ต่างศาสนามาก็ต้องประทับใจในความยิ่งใหญ่ของ บุโรพุทโธ” บุโรพุทโธ เป็นพุทธสถานที่สำคัญที่สุดในศิลปะชวาภาคกลาง สร้างขึ้นบนเนินดินธรรมชาติ โดยกษัริย์ราชวงศ์ไศเลนทร์ ในราวปี ค.ศ.807 หรือ พ.ศ.1350 บุโรพุทโธเป็นเจดีย์ที่มีฐานขนาดมหึมา ก่อด้วยศิลา มีทางขึ้นที่สำคัญอยู่ทางทิศตะวันออก พุทธสถานแห่งนี้ประกอบด้วยฐาน 5 ชั้น วงล้อมรอบกั้นเป็นระเบียง 4 ชั้น และมีลานทักษิณขนาดใหญ่ล้อมรอบเป็นวงอยู่ภายนอกอีกชั้นหนึ่ง ความสูงทั้งหมดในปัจจุบัน 31-50 เมตร แต่ความสูงดั้งเดิมอาจเป็น 42 เมตร บนลานชั้นยอดมีเจดีย์รายล้อมรอบ 72 องค์ เจดีย์เหล่านี้มียอดรูป 8 เหลี่ยม ตัวองค์ ตัวองค์เจดีย์เจาะเป็นรูโปร่งและมีพระพุทธรูปนั่งปางประทานปฐมเทศนาอยู่ภายใน เจดีย์นั้นแบ่งเป็นวงกลม 3 แถว แถวชั้นใน 16 องค์ ชั้นกลาง 24 องค์ และชั้นนอก 32 องค์ และมีมหาสถูปทึบหมายถึงนิพพาน อยู่ในสุด ภาพสลักที่บุโรพุทโธ ฐานชั้นที่ 1 หรือชั้นล่างสุด เปรียบเสมือนกามธาตุ หรือ นิรมานกาย ประกอบด้วยภาพสลัก 160 ภาพ แสดงตามคัมภีร์กรรมวิภังค์ คือ แสดงถึงบาปบุญคุณโทษแห่งกรรม ต่อมา ระเบียงชั้นที่ 1 สูง 3.66 เมตร ประดับด้วยภาพสลักซ้อนกัน 2 แนว แนวละ 120 ภาพ ระหว่างแต่ละภาพมีลายก้านขดคั่น ภาพแนวบนแสดงถึงพุทธประวัติของพระพุทธองค์ตามคัมภีร์ลลิตวิสูตร คือ ปฐมสมโพธิ ฝ่ายมหายาน ไปจนถึงตอนประทานปฐมเทศนา ภาพแนวล่างเกี่ยวกับชาดกและนิยายอวทาน ระเบียงชั้นที่ 2 ด้านในของผนังชั้นนอกอาจสลักเรื่องชาดกต่อ ผนังชั้นในมีภาพ 128 สลักเรื่องตามคัมภีร์คัณฑพยุหะ คือ พระสุธนไปเที่ยวศึกษาหาความรู้ คือ ในชั้นต้นได้ไปพบพระโพธิสัตว์บัญชุศรีก่อน และในตอนสุดท้ายย้อนกลับมาเฝ้าพระโพธิสัตว์บัญชุศรีอีกระเบียงชั้นที่ 3 ผนังชั้นนอกและชั้นใน สลักเรื่องราวพระประวัติพระโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตรไตรย ระเบียงชั้นที่ 4 ด้านในของผนังชั้นนอกสลักเรื่องประวัติศาสตร์ของพระโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตไตรย ต่อจากชั้นที่ 3 ส่วนผนังชั้นในสลักเรื่องประวัติพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ โดยระเบียงทั้ง 4 ชั้น เปรียบเสมือนรูปธาตุ หรือ สัมโภคกาย ส่วนสถูปเจดีย์ 3 ชั้นซ้อนกัน หมายถึง อรูปธาตุ หรือ ชั้นธรรมกาย ซึ่งไม่มีภาพสลักตกแต่ง มีแต่มหาสถูปทึบอยู่ตรงกลาง ซึ่งแสดงถึงนิพพาน ต่อจากนั้นเราไปเยี่ยมชม จันทิปะวน เป็นโบราณสถานกลุ่มเดียวกันกับบุโรพุทโธ โดยตั้งอยู่ห่างจากบุโรพุทโธไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 1.75 กิโลเมตร เป็นศาสนสถานขนาดเล็ก สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 14 ด้วยหินภูเขาไฟ หันหน้าสู่บุโรพุทโธ ตัวอาคารประกอบด้วยส่วนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตัวอาคารหรือเรือนธาตุรูปลูกบาศก์และส่วนยอดทรงปราสาทมีเจดีย์อยู่บนยอด ผนังปราสาทมีการแกะสลักภาพนูนต่ำเป็นลวดลายสวยงาม เช่น ภาพต้นกัลปพฤกษ์ ภาพกินนรกินรี ภาพหม้อสมบัติของท้าวกุเวร หรือหม้อปูรณคตะ(หม้อแห่งความอุดมสมบูรณ์) ภายในห้องมีซุ้ม 2 ข้าง นักวิชาการส่วนใหญ่สันนิษฐานว่าจันทิปะวนเป็นศาสนสถานในศาสนาพุทธนิกายมหายาน ปิดท้ายทริปด้วย จันทิเมนดุต เป็นอาคารที่สร้างครอบศาสนสถานเดิมที่ก่อด้วยอิฐ ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลา ขนาดใหญ่กว่าคนจริง สูง 3 เมตร ประทับนั่งห้อยพระบาทวางฝ่าพระบาทบนดอกบัว แสดงปางปฐมเทศนามีความแปลกกว่าจันทิอื่นๆ คือ หันหน้าไปทางทิศตะวันตก แทนที่จะหันทางตะวันออกเช่นศาสนสถานอื่นๆ ก่อนลาจากยอกยาการ์ต้าด้วยความอิ่มเอม ใจเป็นสุข หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร. 0-2434-8300 / 0-2434-8547 คุณสุจินดา, คุณแสงนภา และคุณชินนารี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ